หวนแค้นชะตารัก - ตอนที่ 642 เตรียมใจไว้ก่อน / ตอนที่ 643 เอาชีวิตเข้าแลก
ตอนที่ 642 เตรียมใจไว้ก่อน
“เราไปเดินทางโน้นกัน”
ฟู่เฉินหรงจูงมือซูจิ่วซือ ทั้งสองเดินช้าๆ ใต้ต้นท้อ
อาหลานกับชิงซานติดตามอยู่ห่างๆ
พอเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างหวานซึ้ง อาหลานก็นึกถึงชังไห่ทันที ในใจหม่นหมอง หลังเกิดเหตุนางเคยไปตามหาศพของชังไห่ แต่ไม่พบ
พอเห็นอาหลานเหม่อ ชิงซานซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ถามอย่างเป็นห่วง “อาหลาน เจ้ามีอะไรในใจหรือ”
“ไม่มีอะไร เพียงแต่นึกถึงเรื่องของพระชายารองแล้วรู้สึกเป็นห่วงพระชายารัชทายาท”
“ความคิดขององค์รัชทายาทเราเห็นชัดเจนแล้ว ถึงจะมีพระชายารองสักสิบคนก็ไม่สั่นคลอนฐานะของพระชายารัชทายาทซึ่งอยู่ในใจขององค์รัชทายาท เจ้าไม่ต้องวิตกแทนพระชายารัชทายาทหรอก”
พอหลานพยักหน้า ถามขึ้น “วันนี้ทำไมไม่เห็นปิงอวิ๋นเล่า”
“นางมีภารกิจดูแลองครักษ์พิทักษ์อุทยานตะวันออก ไม่อาจติดตามองค์รัชทายาทตลอดเวลา ปิงอวิ๋นเป็นคนจิตใจดี แต่หน้าตาบูดบึ้งทั้งวัน พูดแต่เรื่องการใหญ่ องค์รัชทายาทแม้บางครั้งไม่ชอบปิงอวิ๋น แต่ก็รู้ว่านางไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์ของนางเอง ที่ผ่านมานางเป็นคนรับผิดชอบต่อหน้าที่”
ฟู่เฉินหรงมักจะพูดล้อเล่นเรื่องเขากับปิงอวิ๋น แต่ในใจเขายำเกรงปิงอวิ๋นมาก ไม่เคยมีความคิดรักใคร่ปิงอวิ๋นแบบหนุ่มสาว แต่เขากลับชอบคุยกับอาหลาน อาหลานดูเป็นคนเย็นชา แต่อบอุ่น ขี้อาย ทำให้เขารู้สึกว่าอาหลานน่ารักมาก
“ขอแต่ให้จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทก็พอ”
อาหลานไม่มีใจจะคุย นางพูดสองสามคำแล้วนิ่งเงียบ
ซูจิ่วซือกับฟู่เฉินหรงนั่งบนหินใต้ต้นท้อ ฟู่เฉินหรงโอบไหล่ซูจิ่วซือตามความเคยชิน จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “จิ่วซือ รู้ไหมฟู่เย่ว์อี้อยู่ไหน”
“ได้ข่าวว่าไปแคว้นเว่ย อยู่ที่จวนตระกูลกู้หรือไม่”
ซูจิ่วซือคาดเดา
ฟู่เฉินหรงขูดจมูกซูจิ่วซือ พูดยิ้มๆ “จิ่วซือของข้าฉลาดจริงๆ”
“นางอยู่แคว้นเว่ยไม่มีที่พึ่ง มีคนเดียวที่จะคบได้ก็คือกู้จื่อหยวน นิสัยของนางคงเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้
ในเมื่อไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา กู้จื่อหยวนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ไม่รู้ว่าพอไปอยู่จวนตระกูลกู้แล้วไม่รู้ว่านางเป็นคนควบคุมกู้จื่อหยวน หรือกู้จื่อหยวนควบคุมนาง”
กู้จื่อหยวนแค้นซูจิ่วซือเข้ากระดูก สักวันหนึ่งคงมีเรื่องขัดแย้งกัน พอถึงตอนนั้นนางไม่รู้ว่าฟู่เย่ว์อี้จะร่วมมือกับกู้จื่อหยวน หรือจะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย กู้จื่อหยวนเป็นคนดึงดัน จะให้เขาเลิกแค้นเป็นเรื่องยาก แทบเป็นไปไม่ได้เลย
“จวนซิ่นอ๋องทั้งหมดมีแต่นางที่หนีพ้นเคราะห์กรรม ถ้านางไม่รู้จักรักชีวิต คงโทษใครไม่ได้ จิ่วซือ เวลานี้ซูเหิงเป็นที่โปรดปรานของเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ได้รับตำแหน่งสูงในราชสำนัก จวนอันผิงโหวกำลังรุ่งเรือง วันข้างหน้า…”
ฟู่เฉินหรงลังเลครู่หนึ่ง เขารู้ว่าซูจิ่วซือเข้าใจคำพูดของเขา สถานการณ์อย่างนี้ อีกไม่นานซูเหิงจะเป็นขุนนางคนสำคัญของแคว้นเว่ย เขากับซูเหิงไม่ได้สนิทสนมกันเป็นพิเศษ ซูเหิงเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อบ้านเมือง นับว่าเป็นเรื่องดี
แคว้นเว่ยกับแคว้นเจียงจะอยู่กันอย่างสันติได้อีกนานเท่าไรเขาไม่มั่นใจ พอถึงเวลานั้นกู้ชิงเฉิงกับซูเหิงคงอยู่ข้างเฟิ่งอวิ๋นหล่าง
ปัญหานี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด และไม่เคยพูดถึง กู้ชิงเฉิงเป็นลูกสาวของซูจิ่วซือ ซูเหิงก็เป็นหลานแท้ๆ ของซูจิ่วซือ ทั้งสองคนเป็นญาติของเขาด้วย ถ้าสองแคว้นรบกัน คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือซูจิ่วซือ
เขาไม่อยากเห็นวันนั้น และจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงวันนั้น
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่อาศัยกำลังของเขาคนเดียวก็ยับยั้งได้ พวกเขาจึงต้องเตรียมใจให้ดี
ความจริงแล้วซูจิ่วซือเองก็นึกถึงเรื่องนี้ แต่ไม่กล้าคิดไกลกว่านั้น
นางเป็นคนแคว้นเว่ย ตั้งแต่แต่งงานกับฟู่เฉินหรง นางก็ถือว่าตนเองเป็นคนแคว้นเจียง แคว้นหนึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอน อีกแคว้นหนึ่งเป็นบ้านของตน นางได้แต่หวังว่าสองแคว้นจะอยู่กันอย่างสงบ
ตอนที่ 643 เอาชีวิตเข้าแลก
ซูจิ่วซือนั่งตัวตรง หันหน้ามามองฟู่เฉินหรง น้ำเสียงจริงจัง ถามขึ้น “เฉินหรง เจ้าคิดจะยึดครองแคว้นเว่ยหรือไม่”
ฟู่เฉินหรงสั่นศีรษะ “ไม่คิด แม้จะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ข้าก็ไม่อยากให้เกิดในช่วงที่ข้าปกครองอยู่ จิ่วซือ ข้ารู้ว่าถ้าสองแคว้นขัดแย้งกัน เจ้าจะเจ็บปวดที่สุด ข้าไม่อยากบีบให้เจ้าเลือก”
“เจ้าพูดอย่างนี้ข้าก็พอใจแล้ว ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า”
ฟู่เฉินหรงจับมือซูจิ่วซือ ยกขึ้นมาจดริมฝีปาก “จิ่วซือดีจริงๆ “
“อย่าเหลวไหล”
ซูจิ่วซือดึงมือกลับอย่างขัดเขิน เวลานี้นางอยากรู้ความคิดของฟู่เฉินหรง พอเข้าใจความคิดของเขา นางไม่โทษฟู่เฉินหรง
เขาคิดแทนนางจริงๆ และไม่ต้องการยึดครองแคว้นเว่ย หากเฟิ่งอวิ๋นหล่างก็มีความคิดตรงกัน สองแคว้นก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบ
จวนแม่ทัพสยบปฐพี
หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีดำยืนที่ห้องเฟิงชิงสุ่ย นางหน้าตาขี้ริ้ว เกล้าผมง่ายๆ ไอสังหารแผ่รอบตัว จนทำให้รู้สึกอยากหนีออกห่าง
พอเห็นหญิงคนนี้ จวี๋เซียงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่านางมาจากไหน ทำไมจึงหลบหลีกการป้องกันอย่างแข็งขันขององครักษ์ เข้ามาในห้องของเฟิงชิงสุ่ยได้
“คุณหนูเฟิงคิดอย่างไร ถ้ายังไม่ได้คิดให้ดี ข้าไปก่อนละ”
รอครู่หนึ่ง หญิงวัยกลางคนยังไม่ได้ยินเสียงเฟิงชิงสุ่ย จึงถามขึ้นอีก
เฟิงชิงสุ่ยยังคงใคร่ครวญคำพูดของหญิงเบื้องหน้า นางหวั่นไหวจริงๆ แต่ยังสงสัยในจุดหมายและฐานะของหญิงคนนี้
“เจ้าเป็นใคร ทำไมมาช่วยข้าจัดการเรื่องนี้”
หญิงวัยกลางคนยิ้มปากกว้าง เป็นยิ้มที่ประหลาดมาก “ข้าเป็นหมอผี คุณหนูเฟิงไม่เคยเจอหมอผี คงไม่เข้าใจเรื่องนี้ มีคนให้ข้ามาช่วยคุณหนู ข้ามีเวลาจำกัด คุณหนูโปรดให้คำตอบที่ชัดเจน”
“เจ้าคงไม่ใช่พวกหลอกลวงในวงการนักเลงใช่หรือไม่! “
แม้จะกลัวหญิงคนนี้ แต่จวี๋เซียงก็ยังทำใจกล้าถามขึ้น
“ถ้าคุณหนูสงสัยว่าข้าเป็นพวกหลอกลวง ก็ถือเสียว่าวันนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่
คุณหนูเฟิงถูกทำลายใบหน้าจนเสียโฉมและยอมจำนนไปตลอดชีวิต ได้แต่มองดูองค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ พระชายารัชทายาทขึ้นเป็นฮองเฮา ชีวิตที่เหลือของคุณหนูเฟิงต้องอยู่อย่างเดียวดาย”
หญิงวัยกลางคนพูดจบก็เตรียมจากไป คำพูดนี้ทำให้เฟิงชิงสุ่ยหวั่นไหว
นางมาถึงขั้นนี้แล้ว ชีวิตไม่มีความหมายสำหรับนาง หมอบอกแล้ว ยาดีอย่างไรก็ไม่อาจรักษาแผลเป็นบนใบหน้าของนางให้หาย ชีวิตของนางถูกทำลายไปแล้ว ถ้าแก้แค้นฟู่เฉินหรงกับซูจิ่วซือได้ นางก็อยากลองดู แม้ตายนางก็ไม่เสียดายชีวิต
“ให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไร”
“คุณหนูเฟิงเรียกข้าว่านางมารก็แล้วกัน”
“นางมาร ข้าไม่สนใจว่าใครใช้ให้เจ้ามานี่ หากเจ้าช่วยข้ากำจัดซูจิ่วซือ ข้าจะร่วมมือกับเจ้า เจ้าบอกมาเลย ต้องการให้ข้าทำอะไร”
เฟิงชิงสุ่ยถามอย่างเย็นชา นางตัดสินใจแล้ว เดิมทีนางไม่ใช่คนกลัวตาย ตายก็ได้ แต่ต้องตายอย่างคุ้มค่า ถ้าตายตกตามกันกับซูจิ่วซือ นางรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว
นางมารยิ้มอย่างประหลาดอีก “เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูเฟิง ข้ารู้สึกเห็นใจจริงๆ ในเมื่อคุณหนูเฟิงตัดสินใจเด็ดขาด ข้าก็ไม่ปิดบังคุณหนูเฟิง
การสาปแช่งเป็นเรื่องซับซ้อน แม้ข้าจะฝึกสาปมาเกือบสามสิบปี แต่ก็รู้คาถาในการสาปไม่กี่บท การสาปแช่งทุกครั้งต้องมีค่าตอบแทน ในเมื่อคุณหนูเฟิงต้องการชีวิตของซูจิ่วซือ ก็ต้องเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลก”