หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 101 จูบที่ไม่ได้ตั้งใจ
บทที่ 101 จูบที่ไม่ได้ตั้งใจ
“ว้า เนื้อเสร็จแล้วหอมจังเลย!ขอข้าลองชิมก่อนนะ ส่วนเจ้าเชิญตามสบายเลย。”
เนื้อที่อยู่ในหม้อเขาอยากลองชิมรสชาติมานานแล้ว เมื่อเคลียปัญหาเสร็จ หลานเยาเยารีบลงมือรับประทานอาหารทันที
เย่เจ๋หยิ่งไม่ได้กิน เขามองเธออยู่เงียบๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ใช้เวลาไม่นาน หลานเยาเยาก็กินอิ่มดื่มอิ่มเรียบร้อย น้ำซุปที่หลงเหลือในหม้อเพียงเล็กน้อยนางก็ดื่มจนหมดไม่ให้เหลือซาก
เมื่อล้างมือเสร็จ เอามือไปเช็คที่เสื้อของตัวเองเพื่อเตรียมตัวลงจากดอย
เย่เจ๋หยิ่งที่เดินตามหลังมาพูดขึ้นมาว่า:“ถ้าข้าหลอกลวงเจ้าหล่ะ เจ้าจะทำยังไง?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น!
หลานเยาเยาหยุดเดิน หันหลังกลับมาเผชิญหน้ายิ้มหวานใส่เขา จากนั้นพูดติดตลกกับเขาว่า:“ถ้าอย่างนั้นข้าก็มีเหตุผลที่จะแสดงความรู้สึกดีๆที่ข้ามีต่อเจ้าสิ”
เมื่อสิ้นคำพูดของนาง เย่เจ๋หยิ่งสะดุ้งด้วยความตกใจ!
“เจ้า เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าพูดว่าข้าจะไม่ชอบเจ้าอีกต่อไปล่ะ จะคิดกับเจ้าแค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าได้สูญเสียผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกอย่างข้าไปแล้ว?”หลานเยาเยาทำท่าแบ้มืออย่างช่วยไม่ได้ออกมา。
จากนั้นมุ่งหน้าเดินทางต่อ
เดินไม่ระวังสะดุดโดนก้อนหิน ล้มลงไปที่พื้น
บ้าที่สุดเลย!
นี่คือบทลงโทษของคนที่เวลาเดินไม่ดูดีดี
ทางข้างหน้ามีแต่ก้อนหิน ถ้าหกล้มลงไปต้องเจ็บน่าดู
ใครจะรู้……
ความเจ็บปวดไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ เนื่องจากว่านางตกใส่อ้อมกอดนุ่มๆอุ่นๆของใครบางคน จากนั้นทั้งสองได้ล้มลงไปที่พื้นพร้อมๆกัน ริมฝีปากของหลานเยาเยาประกบเข้ากับริมฝีปากของเขาอย่างจัง
โครม……
ทั้งสองเหมือนโดนสะกดจิต
เหมือนเวลาไม่ขยับจะหยุดเดินทันที!
ทั้งคู่ดวงตาประสานมองหน้ากันอย่างจัง
หลานเยาเยารู้สึกแค่ว่าสมองเขานางว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออกในเวลานี้
เวลาผ่านไปนานนับนาทีถึงเรียกสติตัวเองกลับมาได้ นางรีบลุกขึ้นยืน
“เคะเคะ!”
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”
นางยื่นมือออกมาเพื่ออยากพยุงเขาให้ลุกขึ้น ทันใดนั้นเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงรีบดึงมือกลับไป
อย่างไรก็ตาม!
มือของนางดึงกลับได้เพียงครึ่งเดียว ก็โดนฝ่ามือใหญ่ของเขากุมไว้ ใช้เป็นการยืมแรงช่วยพยุง เย่เจ๋หยิ่งจึงลุกขึ้นมาได้
“ข้าไม่เป็นไร!”เขาปล่อยมือนางออก
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”
นางรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูดขอบคุณเขา เพราะอย่างน้อยเขาก็ใช้ร่างกายตัวเองเป็นเบาะรองรับนางเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ
“ไม่เป็นไร!”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำเล็กน้อย จ้องมองนางโดยไม่ให้คลาดสายตา
หลังจากที่หลานเยาเยาพยักหน้าขอบคุณแล้ว นางก็กลับตัวเดินนำหน้าไปก่อน ทันใดนั้นนางเหมือนนึกอะไรได้ แล้วหันตัวกลับมาอีกที และยื่นมือหาเขา
“คืนมุกเย่หมิงให้ฉัน!”
ทางที่ดีใช้มุกเย่หมิงเป็นตัวส่องแสงสว่างจะดีกว่า จะได้ไม่มีเหตุการณ์ที่น่าอายแบบเมื่อกี้เกิดขึ้นอีก
หลังจากที่เย่เจ๋หยิ่งคืนมุกเย่หมิงให้นางแล้ว และนางจึงเดินทางต่อไปข้างหน้าด้วยความพึงพอใจ
เย่เจ๋หยิ่งยืนอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง ในสายตาเขามีความอ่อนโยนแวปเข้ามา แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหลานเยาเยาเมื่อกี้แล้ว สายตาของเขาก็มืดมัวขึ้นมาทันที
เนื่องจากมีมุกเย่หมิงอยู่ในมือ
ทำให้หลานเยาเยาเดินทางได้อย่างมั่งคงและรวดเร็ว!
ใครจะรู้……
ยังเดินทางไปไม่ถึงไหนเลย ทันใดนั้นเหมือนมีอะไรมาโดนที่เอวของนาง ฝ่ามือที่ใหญ่และหนาจับที่เอวบางของนาง
เย่เจ๋หยิ่งปรากฏตัวอยู่ข้างกายนางกระทันหัน มองนางด้วยสายตาฉงน แล้วดึงตัวนางขึ้นมา บินลอยไปในทิศทางที่ไปเมืองหลวง
เมื่อกลับมาถึงจวน ก็ดึกมากแล้ว!
“โป้ง……”
ประตูห้องนอนของอ๋องเย่โดนเปิดออกทันที เย่เจ๋หยิ่งพาหลานเยาเยาบินเข้ามาข้างใน หลังจากนั้นประตูก็ปิดลงทันที
เย่เจ๋หยิ่งวางนางลงเบาเบา มองลึกเข้าไปในตาของนาง หายใจไม่เป็นจังหว่ะ ติดติดขัดขัด
เห็นได้ว่าเขากลับมาอย่างเร่งรีบแค่ไหน!
หลานเยาเยาไม่เข้าใจจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า:
“ท่านจะทำอะไรเหรอ?”
ระหว่างทางที่เดินทางกลับเขาไม่เคยเสียเวลาแม้สักนิด หลังจากกลับมาถึงจวนก็รีบนำนางเข้ามาที่ห้องนอนทันที ซึ่งมันทำให้นางจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ข้ารู้สึกเสียดายล่ะ!”
“ห๋า?”
เย่เจ๋หยิ่งอยู่ๆก็โพร่งคำนี้ออกมา ทำให้หลานเยาเยายิ่งงงเข้าไปใหญ่
ใครจะรู้……
เย่เจ๋หยิ่งเดินเข้าไปใกล้ตัวนางทีละก้าวทีละก้าว ทำให้นางต้องเดินถอยหลังโดยปริยาย จากนั้นนางโดนบีบจนเข้าไปชิดขอบเตียง และล้มลงไปที่เตียงนอน
นางยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่รู้สึกว่ามีแรงกดมาที่ไหล่ มือที่ขาวยาวและใหญ่คู่นั้นกดทับมาที่ไหล่ของนาง
“เจ้าชอบข้าเหรอ?เขาถาม”
“มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”
นางตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะนางได้ตัดความรู้สึกแบบนี้ออกไปก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้
ตอนนี้หล่ะ?”เขาถามขึ้นที
“ก็ไม่ชอบแล้วไง!”
ถ้าหาวิธีกลับได้ นางจะหาทางกลับไป ที่นิ่ไม่ใช่ที่ของนาง นางไม่ควรมีความรู้สึกอาลัยอาวรเกี่ยวกับที่นิ่
“ข้าไม่อนุญาต ไม่อนุญาตเด็ดขาด!”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวห้ามใครปฏิเสธเด็ดขาด
ห๋า?
ไม่อนุญาต?หมายความว่าอะไรเหรอ?
หลานเยาเยามีความรู้สึกว่าหัวสมองของตัวเองเริ่มใช้งานไม่ได้ขึ้นมา
นางยังดึงสติตัวเองกลับมาไม่ได้ เย่เจ๋หยิ่งเหมือนโดนสะกดจิต โน้มตัวลงมาเข้าใกล้นาง อีกทั้งริมฝีปากของเขาใกล้ชิดของนางเข้ามาทุกที……
เขาจะจุบนางเหรอ?
หลานเยาเยาเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ควรทำยังไงดี?
เพิ่งตัดความรู้สึกดีๆที่มีต่อเขาออกไปเอง……
ทันใดนั้น!
“โต้งโต้งโต้ง……”
“เจ้านาย เกิดเรื่องแล้ว ฮองเฮาเหมือนโดนปีศาจต้องสิง ไทเฮาก็หมดสติไปแล้ว ส่วนพระราชธิดาจาวหยางก็โดนกักบริเวณ”เสียงขององครักษ์ลับดังมาจากข้างนอก
เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นอย่างกระทันหัน
องครักษ์ลับรู้ทั้งรู้ว่าเจ้านายและพระชายาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก อาจกำลังเริงรักกันอยู่ แต่เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องรีบรายงาน
ได้ยินว่า!
เย่เจ๋หยิ่งหยุดการกระทำของตัวเอง มองดูริมฝีปากที่ใกล้นั้น สายตาหยุดมองดูชั่วครู่ เขาเลื่อนสายตาออกไปอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก
“รอข้ากลับมาอยู่ที่นิ่นะ!”
พูดจบ เขาดันตัวเองออกจากร่างนาง แล้วหันกลับมาเดินออกไป
หลานเยาเยาลุกขึ้น เก็บอาการที่สับสนให้เรียบร้อย และเดินเข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า:
“ข้าจะไปวังด้วย”
……
เพิ่งถึงเวลาเที่ยงคืน ตามหลักเวลานี้คนในพระราชวังน่าจะกำลังอยู่ในช่วงหลับนอน แต่ตอนนี้กลับวุ่นวายเหมือนโจ๊ก เหล่าบรรดาหมอต่างเข้าๆออกๆห้องนอนไทเฮาและฮองเฮา ทุกคนล้วนกระวนกระวายไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี
เนื่องจากฮองเฮาเป็นบ้า เหล่าบรรดาหมอหาวิธีรักษาไม่ได้ อาการเหมือนของพระราชธิดาจาวหยางเมื่อสามปีที่แล้ว แต่อาการป่วยขงฮองเฮากับอาการป่วยของพระราชธิดาจาวหยางมีความแตกต่างกัน
ส่วนไทเฮาเป็นลมที่ห้องนอนโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งทำอย่างไรก็ไม่ตื่น!
พวกเขารู้สึกถึงภัยพิบัติกำลังเข้าใกล้พวกเขามาทุกที
ฮ่องเต้โมโหอย่างแรง พูดขึ้นมาว่าถ้ารักษาไม่หายพวกเขาจะโดนตัดศีรษะแน่นอน
คำพูดของฮ่องเต้พูดคำไหนคำนั้น!
ศีรษะของพวกเขาเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย!
หลานเยาเยาและเย่เจ๋หยิ่งเมื่อถึงพระราชวังแล้ว อันดับแรกคือไปห้องนอนไทเฮาก่อน
เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน ฮ่องเต้อยู่ข้างในพอดี
สีหน้าของฮ่องเต้ตอนนี้เคร่งครึม สายตานั้นเหมือนมีไฟจะพ่นออกมาได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นเขาทั้งสองเดินเข้ามา สีหน้าเปลี่ยนอ่อนโยนลงมาก
“อ๋องเย่ รีบให้จื่อซีช่วยดีอาการของไทเฮาเลย!”
“ได้!”เย่เจ๋หยิ่งส่งสายตาให้กับจื่อซีที่เดินตามหลังมา แล้วพูดขึ้นว่า:“เยาเยา เจ้าเข้าไปดูอาการของไทเฮาหน่อยสิ!”
“ได้ท่าน。”
สำหรับเรื่องนี้!
ฮ่องเเต้ไม่มีความคิดเห็นอะไร
เพราะอย่างน้อย อ๋องเย่เป็นผู้ชาย เข้าไปด้านในไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก ให้พระชายาเย่เข้าไปดูอาการ น่าจะเหมาะสมมากกว่า
เมื่อหลานเยาเยาเข้าไปในห้องนอนด้านใน มองเห็นเหล่าบรรดาหมอหลวงต่างอยู่ข้างเตียงที่ดูหรูหราสง่างามนั้น เมื่อพวกเขามองเห็นหน้าของจื่อซี เปรียบเสมือนเห็นแสงแห่งความหวัง รีบกรูเข้าไปคำนับเขาทันที…