หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 134 การพบเจอที่ตลาดกลางคืน
บทที่ 134 การพบเจอที่ตลาดกลางคืน
หลานเยาเยานั่งอยู่หน้าเวทีละครมาประมาณครึ่งชั่วยาม ที่นั่งข้างๆเป็นที่นั่งที่เว้นไว้สำหรับจ้าวซื่อและเย่แจ๋หยิ่ง แต่กลับไม่มีใครมาสักที และที่นั่งสำหรับหลานจิ่นเอ๋อก็ไม่มีคนเช่นกัน
สายตาของหลานเยาเยามองตรงไปยังเวทีละคร บนเวทีมีเงาของคนมากมาย นี่น่าจะเป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมที่สุดในเวลานี้
ทว่า นางไม่ได้ตั้งใจฟังการแสดงเลยสักนิด แต่กลับหยิบองุ่นเข้าปากตัวเองเรื่อยๆ องุ่นที่ปกติแล้วมีรสหวานแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเปรี้ยวฝาดขึ้นมา
ทันใดนั้น!
ข้างกายมีคนนั่งลง
หลานเยาเยาเหลือบไปมองแวบหนึ่ง แต่กลับตกใจเล็กน้อย
คนที่อยู่ข้างๆสุภาพอ่อนโยน แววตาใสบริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกสบายเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ!
เซียวจิ่นหยู?!
ทำไมเขาถึงยังอยู่ที่จวนแม่ทัพ?
อีกทั้งยังนั่งที่ตรงนี้อีก แม้ว่าที่ตรงนี้จะเป็นที่ของเย่แจ๋หยิ่ง แต่ก็เป็นที่ที่อยู่ข้างๆนาง
เมื่อเห็นนางกำลังมองเขาอยู่ เซียวจิ่นหยูก็หันมายิ้มพร้อมพยักหน้าให้นาง
หลังจากที่หลานเยาเยาพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบรับ ก็ละสายตาไป เดิมทีที่ไม่มีกะจิตกะใจดูการแสดง บวกกับมีเรื่องให้ครุ่นคิดภายในใจ กระนั้นยิ่งทำให้นางหมดอารมณ์ขึ้นไปอีก
หลังจากผ่านไปสักพัก
นางเห็นจ้าวซื่อลุกขึ้น เดินไปทางหลานเฉินมู๋ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางห้องนอนของหลานเฉินมู๋
หลานเยาเยาหลับตาลงนิดนึง หยิบถ้วยชาขึ้นมาควง จากนั้นก็เททิ้งไป
“ไอหย๊า!”
“พระชายาเย่เป็นอะไรหรือเพคะ?”
สาวใช้ที่รับใช้อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาตรวจดูทันที
“ไม่เป็นไร เพียงแค่ทำน้ำชาหกเล็กน้อย ข้าจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!” ขณะพูด นางก็ลุกขึ้น
สาวใช้ต้องการจะตามไปรับใช้ หลานเยาเยาก็โบกมือ : เสี่ยวฮัวอยู่ตรงลานที่พักของข้า ให้นางรับใช้ข้าก็พอ”
ดังนั้นนางสามารถหลุดจากการตามรับใช้ของสาวใช้มาได้ หลานเยาเยาเดินตรงไปทางลานที่นางอาศัย เมื่อเดินถึงบริเวณโถงทางเดิน นางจึงรีบหลบออกไปทันที
ในห้องนอนของหลานเฉินมู๋
จ้าวซื่อพิงอยู่บนตัวหลานเฉินมู๋ สีหน้าอ่อนโยน พร้อมน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“นายท่าน ทำไมท่านถึงได้กลับมาช้านัก? อ๋องเย่และเซียวซื่อจื่อก็อยู่ที่จวนนะจ้าวคะ! ท่านจะให้ข้ารับมือเพียงผู้เดียวได้อย่างไร?”
“เอาเถอะๆ ข้าก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง เจ้าก็รับมือได้ดีนี่! ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าไปจัดการทำความสะอาดลานของฉูซื่อด้วยตัวเองเชียวหรือ?
ครั้งหน้าเรื่องแบบนี้ เจ้าให้คนใช้ไปจัดการก็ได้ ทำไมต้องไปจัดการเองให้เหนื่อยด้วยเล่า?
หลานเฉิงมู๋เกิดความรู้สึกเอ็นดูจ้าวซื่อ เอามือทั้งสองข้างกุมมือนางไว้แน่น
หากรู้เร็วกว่านี้ว่าจ้าวซื่อเฉลียวฉลาดกว่านิ่งซื่อ ทั้งยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระตัวเองได้ ตอนนั้นเขาคงไม่เชื่อคำยุยงของนิ่งซื่อ โดยส่งจ้าวซื่อสองแม่ลูกออกไปข้างนอกหรอก
“นายท่าน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ทำให้เหนื่อยจ้าวคะ ข้าเพียงแค่ระลึกถึงคุณหญิงฉู คิดถึงเมื่อปีก่อน มีเพียงแค่คุณหญิงฉูที่สนิทชิดใกล้กับข้า น่าเสียดายที่นางจากไปเร็ว
นางช่วยข้าไว้มากมาย แต่มาวันนี้ ลานที่คุณหญิงฉูเคยพักอาศัยมาก่อน ข้าก็ควรจะช่วยนางฟื้นฟูให้เหมือนเมื่อก่อน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณของนางที่อยู่บนฟ้า
พูดไปพูดมา
ดวงตาของจ้าวซื่อก็มีน้ำตารื้นขึ้นมา ยิ่งทำให้หลานเฉินมู๋สงสารจับใจ
“พอเถอะๆ อย่าเสียใจไปเลย การได้พบเจ้า ถือเป็นเกียรติของฉูซื่อ”
“เอ๊ะ! จำได้ว่าคุณหญิงฉูยังมีกล่องอีกใบหนึ่ง เป็นสิ่งที่นางหวงแหนมาก นางจะหยิบออกมาดูแทบทุกวัน น่าเสียดาย กล่องที่นางหวงแหนใบนั้นถูกฝังไว้ใต้ซากปรัก……
แววตาของฉูซื่อแสดงออกถึงความเสียใจเป็นที่สุด
ทั้งยังรู้สึกผิดมากในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าการที่กล่องใบนั้นถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักเป็นสิ่งที่นางทำผิดพลาดไป
ในเวลานี้!
หลานเฉิงมู๋ตีมือนางเบาๆ เพื่อบอกนางว่าไม่ต้องเป็นกังวล
“อ่อ~~ไม่ต้องกังวลไป กล่องใบนั้นของฉูซื่อได้ส่งไปที่จวนอ๋องเย่เพื่อเป็นสินสอดแต่งงานแล้วหล่ะ”
“อะไรนะจ้าวคะ? ส่งไปที่จวนอ๋องเย่แล้วหรือ?”
จ้าวซื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ในแววตาของหลานเฉินมู๋แสดงออกถึงความประหลาดใจเล็กน้อย นางถอนหายใจด้วยความดีใจ
นางค้นหามาตั้งนาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ที่จวนอ๋องเย่
แต่นี่เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก!
การเข้าไปในจวนอ๋องเย่ไม่ง่ายเลย!
“กล่องใบนั้นไม่ได้มีราคาอะไร เป็นเพียงแค่ของที่ระลึกของคุณหญิงฉูเท่านั้น จะใช้เป็นสินสอดได้อย่างไรกัน? ไม่ดูน่าเกลียดไปหรือจ้าวคะ?
พูดราวกับว่าคิดแทนคุณหญิงฉูและหลานเยาเยาทุกเรื่อง ยิ่งทำให้ได้รับความเห็นใจจากหลานเฉินมู๋เป็นอย่างมาก
“เจ้าเนี๊ย ไม่ต้องไปคิดแทนคนมาก คิดถึงเรื่องตัวเองน้อยไป เมื่อฉูซื่อยังมีชีวิตได้ฝากฝังกล่องใบนี้ไว้ ว่าหากหลานเยาเยาออกเรือน ให้ใช้เป็นสินสอด ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะ?”
กล่องใบนั้นเขาก็เคยเห็น เป็นกล่องธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้มูลค่าอะไร
ใช้เป็นสินสอดก็ใช้เป็นสินสอด!
“ไม่ได้ถูกฝังอยูใต้ซากปรักก็ดีแล้ว ข้าเป็นกังวลมากไปเองจ้าวคะ” จ้าวซื่อเหลือบมองหลานเฉินมู๋ด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขา
เสียงสนทนาจากในห้องเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ หลานเยาเยาที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง แววตาแฝงด้วยความโศกเศร้า
กล่องอยู่ในมือนางมาโดยตลอดตั้งแต่แรก
ในเมื่อจ้าวซื่อสนใจกล่องของท่านแม่มากขนาดนั้น นางรู้ว่ากล่องนั้นอยู่ในมือตัวเอง จะต้องคิดวิธีเพื่อให้ได้กล่องมาแน่
ไม่ได้!
ตอนนี้นางจำเป็นต้องกลับไปที่จวนอ๋องเย่ เพื่อดูว่าข้างในกล่องมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
คิดถึงจุดนี้ หลานเยาเยาจึงรีบออกไปทันที เดิมทีนางคิดจะปีนกำแพงออกไป ปีนได้ครึ่งนึง ก็เห็นกลุ่มคนพวกนั้นของฮัวหยู่อัน นั่งอยู่นอกกำแพง
คงจะกำลังนั่งรอคอยอยู่ รอฮัวหยู่อันแอบวิ่งออกมา
ไม่มีทางอื่น!
นางจึงกลับไปทางประตูหลัก ก่อนจะเดินออกไปหน้าประตูก็เจอกับสาวใช้ที่มาตามหานาง นางพูดเพียงว่า จะออกมาเดินเล่น
ใช่ เวลากลางคืนแบบนี้แหละที่ออกมาเดินเล่น ท้องฟ้าก็เพิ่งจะเริ่มมืด ออกมาเดินเล่นก็ไม่น่าจะแปลกอะไร
แต่ทว่า มันคงเป็นเรื่องบังเอิญ
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ก็พบกับเซียวจิ่นหยู เขาไม่ได้ขี่ม้า แต่กลับจูงม้าเดินไปอย่างเงียบๆ
เดิมทีหลานเยาเยาไม่ได้คิดอยากจะคุยด้วย แต่จะทำเช่นไรได้ในเมื่อพวกเขาต้องเดินไปในทางเดียวกัน!
สองคนที่รู้จักกัน คนหนึ่งเดินด้านหน้าอีกคนเดินตามหลัง แต่ก็ห่างกันไม่มาก ถ้าไม่ทักทายก็คงจะเป็นการเสียมารยาท
ดังนั้น……
“บังเอิญจังเลย! เซียวซื่อจื่อไม่ดูละครแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงนาง เซียวจิ่นหยูก็หันหลังกลับมา พยักหน้าเล็กน้อยตอบรับนาง
“ดูจบไปตอนนึงแล้ว แต่ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืด ควรต้องกลับแล้ว พระชายาเย่ นี่ท่าน……?”
“ดูละครอะไรพวกนั้น น่าเบื่อจะตาย ไม่เหมาะกับข้า ข้าจึงออกมาเดินเล่น ปกติแล้วข้าชอบไปตลาดกลางคืน” ในเมื่อ ตลาดกลางคืนทั้งสวยและมีของกินมากมายไปหมด
เซียวจิ่นหยูพยักหน้าด้วยความเข้าใจ จากนั้นยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:
“แสดงว่าพระชายาเย่ต้องมุ่งหน้าไปถนนของกินเล่นที่ตลาดกลางคืนแน่ๆ!”
“เหอะๆ……”
หลานเยาเยายิ้มด้วยความเขินอาย
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องต้องจัดการ ข้าจะมุ่งหน้าไปที่ถนนของกินเล่นแน่นอน น่าเสียดายที่ตอนนี้นางต้องกลับจวนอ๋องเย่
แต่ทว่า……
กลับจวนอ๋องเย่ก็ต้องผ่านถนนของกินเล่น ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า
จากเดิมที่นางคิดไว้ว่าจะเดินทางกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ในเมื่อข้ากายมีเซียวซื่อจื่อที่สุภาพเรียบร้อยอยู่ด้วย นางก็ทำได้เพียงแค่อดทนไว้และเดินไปอย่างช้าๆ
ทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย โดยที่ไม่รู้ว่า ขณะนี้ได้เดินมาถึงถนนของกินเล่นโดยไม่รู้ตัวเลย
เซียวจิ่นหยูเป็นผู้เตือน ไม่เช่นนั้นนางก็ยังไม่ทันได้สังเกต
เมื่อมาถึงถนนของกินเล่น หลานเยาเยาเงยหน้ามองดู ตลาดกลางคืนมีตั้งวางของกินไว้มากกว่าตอนกลางวันอย่างเห็นได้ชัด
กลิ่นหอมอบอวลจากของกินมากมายโชยมาแตะปลายจมูก หลานเยาเยายืนอยู่หน้าถนนของกินเล่น ก็ขยับฝีเท้าไม่ออก!
เซียวจิ่นหยูที่เห็นดังนั้น ในแววตาเต็มไปด้วยไปด้วยรอยยิ้ม จึงไปซื้อของอาหารและยื่นมันให้แก่นาง
“ขอบคุณ!”
เรื่องอื่นไม่สำคัญ เรื่องกินสำคัญที่สุด
คำที่บอกว่ากินของเขาต้องทำดีกับเขา ตอนนี้หลานเยาเยาเริ่มรู้สึกดีกับเซียวจิ่นหยูมากขึ้น
ทันใดนั้น เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินมาถึงถนนที่มีคนน้อย กลับพบกับเย่แจ๋หยิ่ง!
และข้างกายเย่แจ๋หยิ่งมีผู้ญิงที่ดูอ่อนโยนรูปงามหลานจิ่นเอ๋อยืนอยู่ด้วย……