หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 143 คุณชายเหลียงเฉินหงุดหงิด
บทที่ 143 คุณชายเหลียงเฉินหงุดหงิด
เพียงชั่วครู่!
คุณชายเหลียงเฉินก็หยุดหัวเราะ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมกล่าวว่า
“พ่อบ้านเหมย ท่านไปบอกท่านอ๋อง ให้เขารีบเข้าวัง ไม่เช่นนั้นไม่มีภรรยาแล้วข้าก็ช่วยไม่ได้นะ”
คำพูดของคุณชายเหลียงเฉิน ทำให้พ่อบ้านเหมยรู้ได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ขณะกำลังจะไปบอกท่านอ๋อง ก็เห็นว่าคุณชายเหลียงเฉินกำลังเดินไปทางประตู เลยถามไปว่า :
“คุณชายเหลียงเฉิน ท่านจะไปไหน?”
“แน่นอนว่าต้องไปดูหลานเยาเยาแทนท่านอ๋อง ไม่ให้นางก่อเรื่อง” ความจริงแล้วนั้น! เขาจะไปดูละครต่างหาก หลานเยาเยาต้องการให้เขาไปคอยดูที่ไหนกัน!
……
รถม้าที่หรูหราอยู่บนถนนที่มีผู้คนขวักไขว่ไปมา เดิมทีหลานเยาเยาจะผ่านเส้นทางที่คึกคักนี้ไปได้ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
แต่ว่า!
เหนือความคาดหมายก็คือ รถม้ามีสัญลักษณ์ของเย่แจ๋หยิ่ง
ประชาชนบนท้องถนนได้สังเกตเห็น ก็ล้วนหลีกทางให้ แต่ละคนล้วนชะเง้อชะแง้แลดู ว่าคนที่นั่งอยู่ในรถม้านั้นคืออ๋องเย่ที่แสนจะสง่าปานเทพบุตรหรือไม่
หลังจากผ่านถนนที่มีผู้คนคึกคัก ท่าทางของหลานเยาเยาที่นั่งเอามือทั้งห้านิ้ววางบนหน้าตักก็หยุดลง พร้อมกล่าวอย่างราบเรียบว่า
“เคยได้ยินแต่คำว่าบุรุษบนคาน แต่ไม่เคยได้ยินคำว่าบุรุษบนรถม้า หากยังทำตัวลับๆล่อๆอีก ระวังจะโดนเหวี่ยงให้ตกรถม้า”
เมื่อสิ้นเสียงของนาง
เพียงครู่เดียว ม่านบนรถม้าก็ถูกแหวกออก และมีเงาร่างคนผู้หนึ่งแวบเข้าไปด้านใน
“ท่านไม่ตกใจเลยเชียวหรือ ไม่กลัวว่าข้าจะเป็นนักฆ่าเลยหรือไง?”
เมื่อเห็นหลานเยาเยาจ้องมองเขาด้วยท่าทางที่ปราศจากความกังวลใดๆ คุณชายเหลียงเฉินจึงเริ่มหงุดหงิด เขาไม่มีความน่าเกรงขามเลยสักนิดเชียวหรือ?
“ขนาดข้ายังรู้ว่ามีคนอยู่บนหลังคารถม้า แล้วคนขับรถม้าก็เป็นถึงองครักษ์ลับ เขาก็ต้องเห็นแล้วเป็นธรรมดา เขายังไม่แสดงท่าทีอะไรเลย ทำไมข้าจึงต้องตกใจด้วยเล่า? ยิ่งไปกว่านั้น……”
หลานเยาเยาแกล้งทำเป็นลากเสียงยาว ให้เหมือนกับว่าค้นพบสิ่งน่าสนใจสิ่งใหม่ เมื่อคุณชายเหลียงเฉินเกิดความประหลาดใจ นางก็ยิ้มอย่างมีอุบายกล่าวว่า :
“เดิมทีแล้วท่านก็คือนักฆ่า!”
ได้ยินดังนั้น!
คุณชายเหลียงเฉินถึงกลับสะดุ้ง อดไม่ได้ที่พินิจพิจารณาดูหลายเยาเยาอีกครั้ง
เขาคิดว่าตนเองนั้นปกปิดได้อย่างดี นอกจากเย่แจ๋หยิ่งแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ว่าตัวตนของเขาอีกตัวตนหนึ่งนั้นเป็นนักฆ่า
เขาเคยเจอกับหลานเยาเยากี่ครั้งกัน?
ถึงได้รู้ตัวตนที่เขาซ่อนไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบอารมณ์
แต่ที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์มากกว่านั้นอยู่ข้างหลัง
ณ ตอนนั้นเอง!
หลายเยาเยาก็ส่งเสียงอย่างกะทันหัน แต่เสียงนั้นเป็นเสียงที่พูดกับคนขับรถม้า
“หยุดรถ!”
“ฮึ่ย……” คนขับรถม้าได้ยินดังนั้น ก็ดึงบังเหียนขึ้นทันที
หลานเยาเยาแหวกม่านออก โผล่หัวออกไปด้านนอก พูดกับหญิงสาวข้างถนนที่ถือของกินไว้เต็มมือว่า :
“รีบขึ้นมา!”
ฮัวหยู่อันที่กำลังกินอย่างเมามันนั้น เมื่อได้ยินเสียงของหลานเยาเยา ก็รีบเอาของกินในมือไปซ่อนไว้ด้านหลัง
ด้วยแววตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ของหลานเยาเยา ทำให้ฮัวหยู่อันขึ้นรถด้วยความไม่พอใจ
พอขึ้นมาบนรถ นางก็ส่งเสียงด้วยความตกใจ : “แม่เจ้า หลานเยาเยา นี่บนรถม้าของท่านมีนักฆ่าที่แสนจะรูปงามอยู่ด้วย เย่แจ๋หยิ่งที่บ้านของท่านรู้รึเปล่า?”
คุณชายเหลียงเฉิน : “……”
หลานเยาเยา : “……”
คุณชายเหลียงเฉินยิ่งเกิดความหงุดหงิด ผู้หญิงที่มองทะลุตัวตนของเขาได้ผู้นี้คือใคร?
พวกเขาเพิ่งจะพบเจอกันแค่ครั้งแรก?
จำเป็นต้องพูดตรงขนาดนี้เชียวหรือ? พอขึ้นมาบนรถก็มองทะลุถึงตัวตนนักฆ่าที่เขาซ่อนมาตั้งหลายปี นี่ทำให้เขารู้สึกล้มเหลวมาก
หลานเยาเยาก็รู้สึกหงุดหงิด
วิทยายุทธของฮัวหยู่อันก็ไม่เก่ง วิชาตัวเบาก็ธรรมดา ทั้งยังขี้เกียจเห็นแก่กิน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เพียงแค่แวบเดียวทำไมจึงมองเห็นตัวตนของโม่เหลียงเฉินได้?
และเรื่องอะไรนั่นอีก……คนผู้นี้เป็นผู้ที่นางซ่อนไว้ หมอนั่นเขาเข้ามาเอง เกี่ยวอะไรกับเย่แจ๋หยิ่ง?
แต่กระนั้นนางก็ทำหน้าตาเฉยชา พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า : “เอามานี่!”
“ไม่ให้”
ฮัวหยู่อันรู้ว่าหลานเยาเยาจะเอาอะไร ดังนั้นนางจึงกล่าวด้วยเสียงแข็ง
“จะเอามาหรือไม่เอามา? ไม่เอามาข้าจะเอาเจ้าไปขายที่หอนางโลม” ของกินตั้งมากมาย ยังคิดจะซ่อน คิดว่านางไม่เห็นหรือไง?
“หลานเยาเยา ทำไมท่านต้องมาแย่งของกินข้า? ของพวกนี้ข้าใช้เงินเก็บของข้าซื้อมา” นางโต้แย้งครั้งสุดท้าย
“เจ้ากินของข้าใช้ของข้าอยู่บ้านข้า แม้เหรียญเงินก็เป็นข้าที่ให้เจ้า จะไปเอาเงินเก็บมาจากที่ไหน?” หลานเยาเยาหัวเราะเสียงต่ำ ดวงตาเริ่มหรี่ลงเล็กน้อย
หรือว่าลับหลังนางแล้วฮัวหยู่อัน แอบไปหาเงินมาซื้อของกิน?
“ข้าเก็บได้”
“ข้าถามเจ้าครั้งสุดท้าย จะให้หรือไม่ให้?”
“ไม่ให้ ตีให้ตายก็ไม่ให้”
คุณชายเหลียงเฉินที่ดูละครอยู่ข้างๆ
ท่านคิดว่าฉากต่อไปจะเป็นฉากที่ผู้หญิงทะเลาะกัน
ใครจะรู้ว่าเรื่องกลับตาลปัตร!
เมื่อเห็นหลานเยาเยารวบรวมสติ ทันใดนั้นก็หลับตาเพื่อปรับอารมณ์ ปากขยับเบาๆ พร้อมเสียงแผ่วเบาว่า :
“ไม่ให้ก็ไม่ให้ ข้าก็ไม่อยากกินสักหน่อย!”
“ไม่กินแล้วจริงหรือ?” ฮัวหยู่อันลองถามดู
“ข้าหาที่อยู่ของพ่อครัวหมายเลขหนึ่งคนนั้นเจอแล้ว อีกไม่กี่วันโต๊ะที่มีอาหารรสเลิศมากมายจะมาปรากฏต่อหน้าข้า ทำไมข้าจะต้องไปเสียดายเนื้อไม่กี่ไม้ของเจ้าด้วย?”
ถึงเวลานั้นจะไม่ให้ฮัวหยู่อันกินเนื้อแผ่น แต่จะให้นางยืนดูอยู่ข้างๆ จะยั่วให้นางอยากกินจนน้ำลายไหล
ได้ยินว่าพ่อครัวหมายเลขหนึ่ง
ฮัวหยู่อันมีดวงตาเป็นประกาย รีบเอาของกินที่ซ่อนอยู่ด้านหลังมาแบ่งเป็นสองชุด จากนั้นก็ยื่นไปให้ชุดหนึ่งด้วยความประจบ : “มามามา ให้ท่านกินๆ เดิมทีของพวกนี้ก็ซื้อให้ท่านกิน ข้าเพียงแค่ลองชิมแทนท่านว่าอร่อยหรือไม่ก็เท่านั้น”
“ไม่กิน!” คราวนี้เปลี่ยนเป็นนางที่เสียงแข็ง
“หลานเยาเยา ขอร้องท่านล่ะ ท่านกินเถอะ! ท่านไม่กิน จิตใจของข้าจะไม่สงบ เห็นแก่ข้าที่ลำบากมาหาซื้อของกินให้ท่านตั้งไกล ท่านกินสักหน่อยเถอะนะ!”
ฮัวหยู่อันไม่มีทางเลือก เพื่อของกินแสนอร่อย นางจำเป็นต้องทำเช่นนี้
นะนะนะ……
ภาพลักษณ์ที่ดูหยิ่งผยองของนาง! เมื่ออยู่ต่อหน้าของกินก็หายวับไป……
ครั้งนี้หลานเยาเยาลืมตาขึ้น ยื่นมือชี้ไปด้านหลังของนาง
“ข้าจะกินอันข้างหลังเจ้า!”
คิดว่านางจะไม่รู้ อันข้างหลังนางเป็นชุดที่มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ได้ได้ได้ เอาไปสิ!” ได้เจ้านายเช่นนี้ วันๆเอาแต่แย่งของกินนางสนุกนักรึไง?
ฮัวหยู่อันลืมไปแล้ว
เวลาที่นางแย่งของกินกับหลานเยาเยา ก็ไม่เคยออมมือกันสักครั้ง
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มกินอาหารรสเลิศอย่างมีความสุข
คุณชายเหลียงเฉินมองฮัวหยู่อันด้วยความประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะถามว่า : “พวกเจ้าเป็นอะไรกัน?”
“ข้าเป็นสาวใช้ของหลานเยาเยาหน่ะสิ! ทำไมหรือ?” ในปากมีของกิน เห็นได้ชัดว่าฮัวหยู่อันมีท่าทีที่คุยง่าย
“……”
คุณชายเหลียงเฉินมุมปากกระตุกทันที
สาวใช้?
เป็นนายท่านหน่ะสิ!
ไม่สามารถเข้าใจได้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้านายคนใช้คู่นี้ได้ คุณชายเหลียงเฉินนั่งข้างๆด้วยความเป็นธรรมชาติดั่งปกติ
เพียงแค่ท่าทางการกินของหลานเยาเยาและฮัวหยู่อันดู “งดงาม”เกินไป ทำให้ปากของเขาขยับไปด้วยเป็นบางจังหวะ
รถม้าหยุดลงตรงหน้าพระราชวัง พวกเขาทั้งสามลงจากรถ หลานเยาเยาบอกว่าจะมาเยี่ยมไทเฮา ดังนั้นจึงเข้ามาในวังได้อย่างราบรื่น
สาวใช้ในวังที่นำทาง พาหลานเยาเยามาถึงตำหนักของไทเฮา หลังจากที่รอให้หลานเยาเยาเข้าไปแล้วนั้น สาวใช้ในวังก็เกาหัว
น่าแปลก?
ทั้งๆที่มาสามคน ทำไมเมื่อถึงตำหนักไทเฮา จึงเหลือเพียงแค่พระชายาคนเดียว? หรือที่นางเห็นเป็นภาพลวงตา