หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 169 น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นผู้แสวงหาประโยชน์
- Home
- หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
- บทที่ 169 น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นผู้แสวงหาประโยชน์
บทที่ 169 น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นผู้แสวงหาประโยชน์
ผืนน้ำในยามค่ำคืน คลื่นความไม่สงบพลิ้วไหวภายใต้ลมแรง และเรือลำใหญ่ที่จ้างโดยหลานเยาเยา ก็ดูมีขนาดเล็กมากในแม่น้ำกว้างเช่นกัน
แต่!
แม้ว่าผืนน้ำจะไม่สงบมากเท่าไร แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับด้านในเรือลำใหญ่มากนัก
หลานเยาเยานั่งอยู่บนเตียงในห้องโดยสาร มองไปที่ถ้วยน้ำชาที่แกว่งไปมาเล็กน้อยบนโต๊ะ อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปที่หน้าต่างเรือ ปากขยับเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับถอนหายใจ
เฮ้อ!
ดูเหมือนว่าคลื่นลมจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ารู้จะเป็นเช่นนี้ก็คงหาคนที่รู้ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ดูสภาพอากาศเป็นมาแล้ว ยิ่งคลื่นพายุใหญ่มากเท่าไหร่ ความปลอดภัยก็ยิ่งลดลงเท่านั้น นางเป็นคนที่หวงแหนชีวิตมาก
ณ ขณะนี้!
มีเสียงดังโวยวายมาจากนอกห้องโดยสาร หนึ่งในหมู่พวกเขานั้นเสียงของฮัวหยู่อันดังเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้ว่านางทะเลาะกับผู้ใดอยู่
ผ่านไปไม่นาน หลานเยาเยาก็ได้ยินเสียงเท้าเดินมาทางนางดัง “ต๊อกแต๊กๆ” ขึ้น
ก่อนที่คนจะเข้าใกล้ประตู เสียงเข้มของฮัวหยู่อันก็ดังเข้ามาในหูของนาง
“น่าโมโหจริงๆ เลย คุยกันไว้แล้วว่าจะเหมาเรือทั้งลำ จู่ๆ ตอนนี้ก็มีคนมากมายขนาดนั้นแอบเข้ามา คุณหนู ท่านไปดู ชั้นล่างสุดของเรือลำนี้ยังมีผู้โดยสารอีกเยอะมาก ท่านไปบอกให้เจ้าของเรือลำนี้ไล่พวกเขาไปให้หมด”
ทันทีที่เสียงด่าฉอดๆ ของฮัวหยู่อันเงียบลง นางก็ก้าวเข้ามาแล้ว
หลานเยาเยาไม่สนใจ เพียงแค่พูดอย่างเฉยเมย:
“ไล่คนเหล่านั้นไปที่ไหนได้?ลงแม่น้ำเหรอ?”
แม่น้ำสายใหญ่นี้นำไปสู่ชาวโพ้นทะเล ระหว่างทางจะผ่านเมืองหลายแห่ง เมืองเล็กๆ และหมู่บ้านผู้โดยสารคนอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องเร่งรีบ ก็เป็นเพราะเจ้าของเรือจงใจปกปิดเรื่องที่ว่าเป็นเรือจ้างเหมาลำ
ไล่พวกเขาลงแม่น้ำมีประโยชน์อะไร?
ดีไม่ดีอาจถึงแก่ชีวิตได้……
อย่างไรก็ตาม แม่นำสายนี้กว้างขวางมาก และอากาศในยามค่ำคืนก็หนาวเย็น ต่อให้พวกเขาทุกคนว่ายน้ำเป็น ก็ยากที่จะว่ายขึ้นฝั่งได้!
“งั้นจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?”
“ใครบอก? อยากกินของอร่อยหลายอย่างเมื่อเรือเทียบท่าชั่วคราวหรือไม่?”
“กิน?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ฮัวหยู่อันดวงตาเป็นประกายทันที รูปลักษณ์ท่าทางความอยากกินปรากฏขึ้น
“อยากกินก็ดี เจ้าไปบอกกับเจ้าของเรือ ต้องคิดหัวต่อหัว ผู้โดยสารที่ไม่ใช่คนของข้าต้องให้เหรียญเงินกับข้าคนละห้าตำลึง และเหรียญเงินเป็นเจ้าของเรือ ที่จะต้องจ่าย
หากไม่ตกลง ก็ไล่ผู้โดยสารคนอื่นๆ ลงเรือให้หมด”
พูดจบ หลานเยาเยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นข้อตกลงซื้อขายที่คุ้มค่ามาก
“ฮะ ไล่ลงเรือ? คุณหนู ท่านบอกเองว่าไล่ลงเรือถึงแก่ชีวิตไม่ใช่หรือ?” สิ่งนี้ทำให้ฮัวหยู่อันงุนงง
หลานเยาเยากำลังจะมาไม้ไหน?
แม้ว่านางจะติดเชื้อจากหลานเยาเยา นางได้รับเชื้อความตะกละ แต่นางก็ไม่มีทางฆ่าใครเพื่อเรื่องกิน
“ไม่ต้องห่วง! เจ้าของเรือจะไม่ขับไล่ผู้ใดลงเรือ และเขาเองก็จะไม่เสียเปรียบ”
“เพราะ เพราะอะไร? เมื่อคู่ข้าเห็นชั้นล่างสุดมีคนไม่น้อยกว่ายี่สิบแน่นอน เรือยังใหญ่ขนาดนี้ สามารถซ่อนคนได้สี่ห้าสิบคน คิดเช่นนี้ จู่ๆ เจ้าของเรือจะต้องสูญเสียเหรียญเงินหลายร้อยตำลึง เขาจะยินยอมหรือ?”
ยอมก็โง่แล้วสิ!
ถ้าเป็นนาง นางไม่ทำแน่
“จะไม่ยอมได้อย่างไร? เก็บผู้โดยสารเรือทุกคนอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่าห้าเหรียญตำลึง ข้าเก็บค่าขึ้นเรือของพวกเขาเพียงแค่คนละห้าตำลึงเท่านั้น เงินที่เหลือก็ยังเป็นกำไรของเจ้าของเรือ
อย่างไรก็ตาม ข้าเป็นผู้จ้างเหมาเรือของเขา เดิมเขาควรจะได้รับเพียงแต่ส่วนที่ข้าจ้างเหมาเรือของเขาเท่านั้น ตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือ?”
เป็นเช่นนี้ ดีกับทุกคน
ตนเองได้เหรียญเงินกลับคืนมาไม่น้อย ผู้โดยสารเรือคนอื่นๆ ไม่ต้องลงเรือ เจ้าของเรือก็ได้กำไร เพียงแค่ได้กำไรน้อยกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“พูดมีเหตุผลมาก! แต่รู้สึกว่าจู่ๆ คุณหนูก็ทำเงินได้มาเยอะมาก……เหรียญเงินที่เป็นลาภปาก”
ทันใดนั้น!
ฮัวหยู่อันตบหัวของตนเอง ท่าทางเข้าใจขึ้นมาโดยฉับพลัน
เดิมนางคิดว่าตนเองรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลานเยาเยา ต่างกันราวกับฟ้ากับดินจริงๆ
“คุณหนู น่าเสียดายมากที่ท่านไม่ไปเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์”
ยังพูดไม่จบ ฮัวหยู่อันก็วิ่งหนีไป ราวกับว่ากลัวว่าหลานเยาเยาจะกินนาง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ฮัวหยู่อันมาพร้อมกับเจ้าของเรือด้วยใบหน้าร่าเริง เจ้าของเรือหีบไว้ในมือ ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าใส่อะไร
หลังจากเจ้าของเรือขอโทษด้วยใบหน้าสำนึกผิด แล้วก็ส่งมอบหีบให้
หลานเยาเยารับหีบด้วยใบหน้าเย็นชา โบกมือทันที ให้ฮัวหยู่อันส่งเจ้าของเรือทันที
คนเพิ่งเดินออกจากห้อง ใบหน้าที่เย็นชาของหลานเยาเยาก็ทรุดฮวบ เปลี่ยนเป็นยิ้มทันที สุดท้ายก็เปิดหีบ
เมื่อเห็นตั๋วเงินสองร้อยตำลึงนอนแนบนิ่งอยู่ข้างใน นางยิ้ม!
ผ่านสองวันติด เรือลำใหญ่เทียบท่าชั่วคราวสองครั้งเนื่องจากลมและคลื่น ทำให้หลานเยาเยาตื่นตระหนก โชคดีที่ลมมีเป็นบางเวลา และไม่มีการเกิดคลื่นลมแรง
อาหารเย็น ตกกลางคืน
หลานเยาเยาเหยียดตัวบิดขี้เกียจอย่างสบายๆ จากนั้นตัดสินใจเดินเล่นไปบนดาดฟ้า
เดินไปตามทางเดินที่มีแสงสลัว ไม่มีใครเลย ได้ยินเพียงเสียงลมหวีดหวิวในหู
ทันใดนั้น!
“โอ๊ย……”
นางเจ็บที่ข้อเท้า ร่างเอนตัวลงล้มลงไป โชคดีที่นางตาไวมือไว จับกำแพงเรือไว้ทันเวลา จึงรอดจากการล้มลง
อะไรกันเนี้ย!
ทางเรียบยังสามารถทำให้เป็นตะคิวได้ เสียชื่อนางจริงๆ เลย
ยังดีที่เจ็บเพียงครู่เดียวก็หาย ไม่ต้องเดินเหมือนคนพิการ
ทันทีที่ยืนขึ้น หลานเยาเยาเย็นวาบไปทั้งตัว หันกลับมาในทันที
แต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลัง……
เอ๊ะ?
จะไม่มีใครได้ยังไง?
เมื่อกี้รู้สึกได้ชัดว่ามีดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองนาง ความรู้สึกนี้ไม่มีผิดพลาดแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่นางขาแพลง ความรู้สึกของการถูกจับจ้องนั้นชัดเจนมากเป็นพิเศษ
และแล้ว นางหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ไปถึงตรงมุมอย่างรวดเร็ว
เงาดำที่สะท้อนในดวงตาสว่างวาบและหายไปจากสายตา นางเหลือบมอง ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
ไล่จากด้านบนลงล่าง ภาพที่โดยตรงหน้าที่เห็นทำให้นางตะลึง
ชายหญิงคนแก่และเด็กทุกประเภทในชุดต่างๆ หลังจากที่เห็นนาง ทั้งหมดหลบเลี่ยงและแสดงอาการตื่นตระหนก
แววตาของนางมีความสงสัย แต่สายตาของนางไม่ได้หยุดอยู่ที่คนเหล่านี้ แต่ค้นหาเงาดำนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เงานั้นก็ได้หายไปนานอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
และในขณะที่นางจะเดินเข้าไปค้นหาทีละห้อง
ทันใดนั้น!
ป้าวัยกลางคนคุกเข่าลงต่อหน้านางพร้อมกับเด็กคู่หนึ่ง
“คุณชาย โปรดจงเห็นใจ อย่าปล่อยให้เจ้าของเรือทิ้งพวกเราไว้ในแม่น้ำ เราอยู่ที่ด้านล่างอย่างเป็นระเบียบอยู่เสมอ ท่านเข้ามาเอง
ลูกชายและลูกสาวของข้าว่ายน้ำไม่เป็น ทิ้งลงไปจะตายได้ ได้โปรดคุณชาย ท่านจงเห็นใจเถิด!”
เจ้าของเรือพูดแล้ว พวกเขาสามารถอยู่ที่ชั้นล่างสุดเท่านั้น ห้ามเดินออกไป มิฉะนั้นถ้าเจ้าของที่จ้างเหมาเรือใหญ่ลำนี้มาเห็น พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้แม้แต่ชั้นล่างสุด ทำได้เพียงโยนลงแม่น้ำไป
เห็นแม่ของตนร้องไห้ เด็กทั้งสองก็ ”ฮือๆๆ” ร้องไห้ตาม
“พวก พวกเจ้าลุกขึ้นมาก่อน”
นี่เกิดอะไรขึ้น?
คงเป็นเพราะเจ้าของเรือกลัวว่านางจะโกรธเมื่อเห็นผู้โดยสารเรือคนอื่นๆ แอบขึ้นเรือ จึงตั้งใจให้พวกเขาอยู่ชั้นล่างสุดห้ามออกไป?