หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 191 เผยธาตุแท้
บทที่ 191 เผยธาตุแท้
กลับพบว่า หานแสก้มหน้าลงเล็กน้อย และอยู่ในระยะที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับนาง เขาจ้องมองอยู่เช่นนั้น ดวงตาที่ดูสงบและมัวหมองนั้นกลับทำให้นางรู้สึกถึงความคุ้นเคย
คุณพระ!
นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
เจอกันแทบจะทุกวัน ก็ต้องคุ้นเคยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“มีเรื่อง?”
เห็นเพียงหานแสยิ้มเล็กน้อย ขยับตัวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นพูดน้ำเสียงที่ดูสนิทสนมว่า : “ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหน แต่ทางที่เขาเดินไปก็คือทางนั้น”
ขณะพูด เขาก็ยื่นมือชี้ไปทางหนึ่ง
“ข้ารู้แล้ว ขอบใจ!”
รู้ว่าคนเดินไปทางแล้วยังไม่ง่ายอีกหรือไง?
นางเพียงแค่เดินหาไปตามทางก็ได้แล้ว ยังไงซะดวงอาทิตย์ก็เพิ่งลับขอบฟ้า ท้องถนนในยามค่ำคืนน่าจะคึกคักมาก หาคนไม่เจอก็ไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืน ไม่ว่าอย่างไรตลาดกลางคืนก็มีของกินมากมาย
“จะให้ข้าไปหาพร้อมกับท่านหรือไม่ ยังไงข้าก็ต้องออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย”
“ก็ดี!”
ไม่ว่าอย่างไร คิดจะตามหาเย่แจ๋หยิ่งส่วนใหญ่ก็ตามหาไม่พบ อาหารรสเลิศอยู่ไม่ไกล กำลังรอนางลิ้มรสอยู่!
ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้ออกเดินไปตามท้องถนนด้วยกัน
ถนนยามค่ำคืน ลมโชยเบาๆ โคมไฟห้อยระย้า คึกคักเป็นที่สุด แม้แต่คนเดินถนนก็ยังคงหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง เสียงเจี๊ยวจ๊าวของการกินดื่มก็มีให้ได้ยินอย่างไม่สิ้นสุด
สถานการณ์ที่คึกครื้นเช่นนี้ ปกติแล้วควรจะเป็นสิ่งที่นางชอบ
แต่ว่า นางกลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขขึ้นมาเลยสักนิด
เดินไปสักพัก แม้แต่เงาของเย่แจ๋หยิ่งก็หาไม่พบ แต่กลับเป็นกลิ่นหอมของเนื้อย่างที่โชยมายั่วให้นางสนใจเป็นระยะ
“โครกคราก……”
ทั้งๆที่เพิ่งจะกินอาหารเย็นมาไม่นาน ตอนนี้ท้องกลับทนไม่ไหวร้องขึ้นมา
“อยากกิน?”
น้ำเสียงราบเรียบของหานแสดังมาข้างหู
ขณะที่หลานเยาเยามองไปทางหานแสด้วยความเคอะเขิน กลับพบว่าเขาไม่ได้มองมาที่นาง แต่กลับจ้องตรงไปยังร้านเนื้อย่าง ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหาย
เอ่อ……
สรุปว่าใครกันแน่ที่อยากกิน?
หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะเอามือกุมหน้าผาก มองหานแสอย่างไม่มีทางเลือก : “เจ้ามีเหรียญเงินหรือไม่?”
“ไม่มี!” หานแสตอบด้วยท่าทีจริงจัง อย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม พูดจบรู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างแตกต่างไป จึงถามไปอีกประโยค : “แต่ว่าเนื้อย่างเหล่านั้นกลิ่นหอมมาก”
“……”
คิดไม่ถึงว่าหานแสเจ้าจะเป็นเช่นนี้
ช่างเถอะ ยังไงซะเขาก็เป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเย่แจ๋หยิ่งไว้ นางล้วงเงินในกระเป๋าตัวเองจ่ายก็ให้ก็ได้?
“ไป พวกเราไปชิมกัน”
“ดี!”
มีลูกมาอุดหนุน เจ้าของร้านเนื้อย่างก็รีบเชิญให้พวกเขาเข้าไปในซุ้มที่ทำไว้ชั่วคราว
ไม่นานนัก อาหารทะเลย่างจานใหญ่ก็ถูกนำมาวางไว้ต่อหน้าพวกเขา
เมื่ออยู่ต่อหน้าความยั่วยวนของอาหารเลิศรสชุดใหญ่ หลานเยาเยาจึงได้ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วลงมือกิน โดยไม่คำนึงถึงภาพพจน์เลยสักนิด
นี่ทำให้หานแสรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาก็กินไปหลายคำ ด้วยท่าทางสุภาพ แต่รวดเร็ว
ทันใดนั้น!
“ปัง” เสียงหนึ่ง
หานแสขมวดคิ้วเข้าหากันสุดๆ มือสองข้างค้ำยันอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองมือสั่นเล็กน้อย เขาก้มหัวต่ำลง จนมองไม่เห็นใบหน้าของเขา เห็นเพียงเส้นเลือดดำแตกตัวที่คอของเขา เหมือนกับว่ากำลังรับมือกับความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวง
“เจ้าเป็นอะไร?”
คงจะไม่ใช่โรคกำเริบตอนนี้หรอกนะ? ไม่มีลางบอกเหตุเลยสักนิด
จึงได้บอกนางไปว่า เขาเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะโรคกำเริบ เพราะว่าก่อนหน้านี้นางเคยเห็นท่าทางตอนที่เขามีอาการโรคกำเริบ แม้ว่าจะเจ็บปวดอย่างน่าสังเวช เลือดไหลออกมาทั้งตัว เฉกเช่นมนุษย์เลือดก็ไม่ปาน
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่!
หรือว่าโดนยาพิษ?
แต่ว่าพวกเขาก็กินของเหมือนกัน ทำไมนางไม่เป็นอะไร?
หรือเพราะแพ้อาหารทะเล?
“ไม่เป็นไร!”
เสียงต่ำที่ฟังดูคลุมเครือไม่ชัดเจนของเขา ในน้ำเสียงนั้นราวกับกำลังควบคุมกับอะไรบางอย่างอยู่
“ข้าดูให้เจ้า”
หลานเยาเยาลุกขึ้นและเดินไปทางเขา
ใครจะรู้……
หานแสตะโกนใส่นางทันที : “ไม่ต้อง” จากนั้นก็หมุนตัวไป หันหลังให้นาง เหมือนกับกำลังสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เปลี่ยนเป็นกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า : “รอข้าอยู่ตรงนี้”
พูดจบเขาก็หายไปจากตรงหน้านางทันที
“น่าแปลก?”
วันนี้ทุกคนเป็นอะไรไปหมด?
นางคิดว่าวิชาการรักษาของตัวเองนั้นเก่งมาก แล้วอาการป่วยของพวกเขาก็ปกติ ยาที่นางฉีดและจ่ายให้ก็ไม่ได้มีปัญหา ทำไมพวกเขากลับยิ่งมีอาการแปลกไปเรื่อยๆ?
และที่สำคัญที่สุดคือ เหมือนกับพวกเขาจะไม่อยากให้นางรู้
นี่มันทำไมกันนะ?
หลานเยาเยากลับไปที่ที่นั่งอีกครั้ง ในสมองนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้อย่างรวดเร็ว นางอยากทำความเข้าใจกับเรื่องของพวกเขาจากความทรงจำเหล่านี้
และหานแสที่หายไปจากตรงหน้าของหลานเยาเยา ในเวลานี้ได้มาถึงในซอยที่เงียบสงบ
เขาพิงกำแพง ลำตัวหดงอลงเล็กน้อย ทั้งร่างกายสั่นเทา
ผ่านไปสักพัก
เขาที่ก้มหัวอยู่ก่อนหน้านี้ค่อยๆเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ดูมีเสน่ห์อันแสนร้ายกาจ เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่สุด หน้าทั้งหน้าปรากฏถึงความดุดันมากขึ้น
ทั้งๆที่เป็นหน้าเดิม แต่ไม่ได้ดูปกติธรรมดาอีกต่อไป
นี่ก็คือโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา
แต่ว่า!
เมื่อเขาเอามือยกช่อผมที่ห้อยอยู่ตรงหน้าหน้าอกขึ้นมา กลับพบว่าช่อผมนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีขาวเงินแล้ว……
“ใครกัน?”
“ค่ำคืนดึกดื่น ทำอะไรลับๆล่อๆอยู่ตรงนั้น?”
เสียงห้าวหาญสองเสียงดังขึ้นจากในซอย พวกเขาใส่ชุดเครื่องแบบของนักการศาลาว่าการ กลับมีดวงตาที่ออกแววดุดัน ทั้งสองคนกำลังแบกกระสอบใบใหญ่ ซึ่งปลายกระสอบด้านหนึ่งมัดไม่แน่น ทำให้เห็นใบหน้าที่ดูดีของหญิงผู้หนึ่ง พร้อมแขนสองข้างที่ขาวราวหิมะ
ตาสองข้างของหญิงผู้นั้นปิดสนิท เหมือนกับว่าสลบไป
หานแสเอียงไปมองพวกเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบอะไรพวกเขา แล้วก็หันกลับมามองที่เส้มผมของตัวเองอีกครั้ง
“พูดถึงเจ้านั่นแหละ หูหนวกรึไง? กล้าไม่ตอบคำถามข้า อยากตายงั้นหรือ?”
“ไปเสียเวลาพูดอะไรกับเขา เขาเห็นเรื่องดีๆที่พวกเราทำแล้ว ฆ่าให้ตายไปเลยก็จบเรื่อง”
คำว่าเรื่องดีๆที่ออกจากปากพวกเขา ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นทำไมจะต้องคิดฆ่าคนปิดปากด้วย?
พูดจบ พวกเขาทั้งสองก็วางกระสอบใบใหญ่ที่แบกอยู่บนบ่าลง จากนั้นก็ชักดาบพกออกมาจากเอว แล้วพุ่งมาทางหานแสทันที
ใครจะรู้……
หานแสยกมุมปากขึ้นปรากฏถึงรอยยิ้มที่กระหายเลือด
“มาตรงเวลาพอดี!”
นักการยังไม่ทันจะพุ่งมาถึงด้านหน้าเขา เขากลับแวบมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพวกเขาภายในพริบตา ความเร็วราวกับลม นักการยังไม่ทันรู้ตัว คอก็ถูกมือที่เยือกเย็นบีบเอาไว้แล้ว
“เจ้าเจ้าเจ้า……เจ้ารู้รึไม่ว่าพวกข้าเป็นใคร? พวกข้าเป็นถึงนักการของกรมปกครองเมืองเชียวนะ ล่วงเกินพวกข้า ท่านผู้ปกครองเมืองจะไม่……ปล่อยเจ้าไว้แน่”
“ก็คือ พวกข้าเป็นคนของราชสำนัก หากทำร้ายพวกข้าเพียงปลายเล็บ เจ้า เจ้าจะต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพ”
แม้ว่านักการสองคนนั้นจะปากเก่ง แต่ว่าร่างกายเกิดสั่นเทาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทว่า!
เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ได้ลบล้างความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาไป
เห็นเพียงรอยยิ้มมุมปากของหานแส จากนั้นก็ก้มหัวลงมา หันไปทางคอของนักการหนึ่งในนั้นแล้วกัดลงไป……
“อ้า……”
คนเปล่งเสียงร้องที่น่าสังเวชนั้นออกมาไม่ใช่คนที่โดนกัด แต่กลับเป็นอีกคนที่ถูกบีบคอซึ่งรอการโดนกัดนั้นอยู่ เพราะว่าคนที่โดนกัดสีหน้าขาวซีดไปตั้งนานแล้ว เลือดโดนดูดออกมาจนหมดเกลี้ยง
“เจ้าคือ……คนหรือผี……”
นักการที่โดนทำให้ตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกแค่เพียงความร้อนที่เป้ากางเกง จากนั้นกลิ่นเหม็นฉองของฉี่ก็เริ่มกระจายออกมา
เส้มผมของหานแสเริ่มกลับมาดำดั่งสีหมึก แล้วโยนนักการที่ตายแล้วทิ้งไปด้านข้าง จากนั้นก็ยื่นมือมาลูบที่ใบหน้าของตัวเอง ที่เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้าตาปกติธรรมดา แล้วก็ยิ้มอ่อนๆ