หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 206 มีคนโดนมนต์ดำ
บทที่ 206 มีคนโดนมนต์ดำ
นี่คือเสียงของถ้วยน้ำชาที่กระแทกแตกลงบนพื้น…
ทำให้หลานเยาเยาหยุดชะงัก นางหยิบลูกกวาดออกมาให้เด็กสาว และให้นางกลับไปยังที่พำนักของฮัวหยู่อัน
จากนั้นก็หลบซ่อนตัว และคิดที่จะไปทางหน้าต่างด้านหลังของที่พำนัก
ใครจะรู้ว่า……
ที่ตรงนั้นจะมีคนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังแอบฟังอยู่ตรงนั้นก่อนหน้านางเสียอีก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า คนคนนั้นก็หันหน้ามาด้วยความตื่นตกใจ พอเห็นว่าเป็นหลานเยาเยา ก็หรี่ตาลง และพูดเบาๆว่า
“เจ้ามาทำการใดที่นี่?”
วันนี้ฮัวหยู่อันได้พาชายสามคนกลับมาด้วย เขาเห็นหมดแล้ว อีกสองคนมีราศีที่ทรงพลัง มีเพียงเขาเท่านั้นที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่กลับเดินใกล้กับฮัวหยู่อันที่สุด นางก็คงอยากที่จะไม่สนใจแต่ก็ทำไม่ได้
เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้น หลานเยาเยาก็เลิกคิ้วขึ้น ปรากฏว่าเป็นเขา
คนคนนั้นที่ไล่ล่าตามฆ่าอาฝูและโม่ซาง ซึ่งเหมือนจะเป็นคนเดียวกันที่เป็นดั่งคู่รักวัยใสของเสี่ยวฮัวที่เติบโตมาด้วยกัน
“มาดูเจ้าแอบฟังกระมัง! จะให้มาทำการใดเล่า? ถ้าไม่ใช่มาแอบฟังเหมือนเจ้าหน่ะ” ในตอนที่นางช่วยอาฝูและโม่ซาง คนตรงหน้าไม่แม้แต่จะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง
เช่นนั้น!
นางจึงไม่กลัวว่าเขาจะจำได้
“เจ้า……”
“ชู่…… เบาเสียงหน่อย เจ้ายังอยากจะอยู่ในชนเผ่าต่อไปหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นยังจ้องมองนางด้วยความหวาดระแวง นางก็อดไม่ได้ที่จะยักไหล่ “การที่เสี่ยวฮัวร้องไห้ออกมาเช่นนั้น ทำให้ข้าเป็นห่วง! ข้าจึงได้มาดูนาง เจ้าเองก็เป็นห่วงนางเหมือนกัน?”
คนคนนั้นไม่ตอบกลับแต่อย่างใด หลานเยาเยาจึงอิงบานหน้าต่าง และมองดูอย่างตั้งใจ
“………” ไหนบอกไม่ได้มาแอบฟัง
แต่เขาเองก็คงอดทนมานาน ถึงได้ไม่ปริปากพูดอันใดเลย เพียงแค่แอบฟังอยู่ที่หน้าต่างอีกบาน เสียงของฮัวหยู่อันถามคำถามอยู่ในที่พำนักนั้น
“พ่อใหญ่ ท่านเคยพูดกับข้าไว้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าอาฝูและโม่ซางจักไม่มีทางได้เป็น*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ แต่เพลานี้พวกเขานั้นไม่ใช่เพียงแค่ได้เป็น*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ แต่พวกเขายังถูกสังเวยไปแล้ว เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ข้าไม่เคยได้รับรู้ ท่านจะให้ข้าสงบจิตสงบใจได้อย่างไรกัน?”
ในห้องยังคงเงียบสงัด ไร้เสียงใดๆ
“เห้อ……”
ไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานเพียงใด ถึงได้มีเสียงถอนหายใจของผู้อาวุโสใหญ่ดังขึ้น
“หยู่อัน เจ้าแยกจากไปอยู่ช่วงหนึ่ง ขณะนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้น ทำให้คนในชนเผ่าต่างตื่นตระหนก ตกอยู่ในความหวาดกลัว
เช่นนั้นการสังเวยจึงรอช้าไม่ได้ ในตอนนั้นก็จำเป็นต้องคัดเลือก*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ ความบ้าคลั่งที่โหดร้าย ดั่งศพเดินได้ที่กัดกินเนื้อคน ทั้งยังดื่มเลือดเพื่อเลี้ยงชีพ
เพื่อปกป้องชาวเผ่า จึงต้องประหาร*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ อาฝูและโม่ซางเป็น*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงเลือก หาใช่เรื่องที่เราสามารถตัดสินใจได้เองไม่ เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ ข้าและพ่อรองพ่อสามของเจ้าต่างก็คิดไม่ถึง
พวกเขาได้ถูกสังเวยไปเพื่อปกป้องความสงบสุขของชนเผ่า หยู่อัน ลูกสาวของข้า! หรือเจ้านั้นลืมไปเสียแล้ว? ว่าการสังเวยนั้นเป็นเรื่องศักสิทธิ์ อย่าได้เสียใจเพราะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้า การสูญเสียนี้เป็นไปด้วยเหตุอันสมควร
หลังจากนี้เจ้าจะเป็นคนที่โตขึ้น เรื่องเหล่านี้เจ้าจะต้องค่อยๆปรับตัว ต่อจากนี้ไปไม่ควรทำเรื่องเหมือนในวันนี้อีก”
เมื่อเผชิญกับน้ำเสียงที่จริงจังของผู้อาวุโสใหญ่ ฮัวหยู่อันก็ทำได้แต่เพียงสะอึกสะอื้นอยู่เบาๆ
นางไม่รู้เลยวว่า พ่อใหญ่ที่นางเคารพรักมาตลอดจะโกหกหน้าตายต่อหน้าต่อตานาง โดยที่ตาไม่กระพริบเลย
หากนางไม่รู้ว่าอาฝูและโม่ซางยังคงมีชีวิตอยู่ หากนางไม่ตระหนักว่า*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังเวยในวันนี้ถูกคลุมไว้ นางก็คงจะเชื่อคำของเขาไปแล้ว
ทันใดนั้น!
ก็มีเสียงของฝีเท้าจากด้านนอกดังเข้ามา หลังเสียงดัง “แอ๊ด” ประตูห้องก็เปิดออก
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่าไม่ดีแล้วขอรับ มีคนโดนมนต์ดำ มีลักษณะเหมือนกันกับ*เด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ ในคราวที่แล้วเลยขอรับ”
“เจ้าว่ากระไร?”
ผู้อาวุโสใหญ่ลุกลี้ลุกลน จากนั้นก็รีบพาฮัวหยู่อันออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคนพูดถึงมนต์ดำแล้ว ก็หวนนึกถึงที่ผู้อาวุโสคนก่อนเคยพูดไว้ คนที่โดนมนต์ดำก็คือคนถึงวาระที่จะโดน พวกเขาจะเป็นเหมือนผีดิบ จะดื่มเลือดเพื่อความอยู่รอด
นี่มันก็เหมือนกับที่เย่แจ๋หยิ่งพูดไว้เกี่ยวกับอาการของหนอนพิษกู่จิ้น……
เย่แจ๋หยิ่ง……
หลานเยาเยาลุกลี้ลุกลน รีบเปิดหน้าต่างและปีนเข้าไปในทันที จากนั้นก็ออกมาทางประตูใหญ่ และตะโกนเสียงดังให้กับคนที่เดินอย่างรวดเร็วอยู่ข้างหน้า:
“ช้าก่อน”
ฮัวหยู่อันและผู้อาวุโสใหญ่หันมาพร้อมๆกัน เห็นว่าหลานเยาเยาออกมาจากในที่พำนัก ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“คุณหนู……” ฮัวหยู่อันตะโกนออกไปด้วยความสับสน
“เจ้า……”
ผู้อาวุโสใหญ่อยากที่จะถามบางอย่าง แต่ก็ถูกหลานเยาเยาโบกไม้โบกมือขัดจังหวะ
“ข้าไปกับพวกท่านด้วย!”
ผู้อาวุโสใหญ่หันไปมองฮัวหยู่อัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดฮัวหยู่อันถึงเรียกหลานเยาเยาว่าคุณหนู แต่ก็ยังพยักหน้ารับ
เมื่อพวกเขากำลังจะเดินต่อ ก็มีคนอีกคนออกมาจากในห้อง ฮัวหยู่อันและผู้อาวุโสใหญ่หันมองหน้ากันในทันที อดไม่ได้ที่จะเสียงดังออกมาอย่างพร้อมเพียง: “เจี่ยนหมิง”
เจี่ยนหมิงค่อยๆยิ้มแห้งออกมา
ฮัวหยู่อัน เจี่ยนหมิง อาฝูและโม่ซาง พวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เล็กจนโต อาฝูกับโม่ซางก็เป็นกลุ่มหนึ่ง ส่วนเจี่ยนหมิงนั้นชอบฮัวหยู่อัน แต่ฮัวหยู่อันก็อยากที่จะเป็นอิสระ อยากจะไล่ตามความสุขของตัวเอง จึงไปจากชาวเผ่าหยินไห่ และปล่อยให้ความรักเป็นไปตามที่ธรรมชาติจะรังสรรค์
เพลานี้!
เมื่อเจี่ยนหมิงได้พบกับฮัวหยู่อัน ในใจก็รู้สึกผิดขึ้นมา เขาจึงไม่กล้าที่จะมองหน้านาง
“ไปกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่พูดสิ่งใดต่อ รีบเดินไปยังคนที่ถูกรายงานอย่างระมัดระวัง หลานเยาเยาเองก็ตามหลังมาติดๆ
ในทุกย่างก้าว นางรู้สึกลำบากยากเข็ญเหลือเกิน แต่นางก็พยายามอย่างเต็มที่ในการสงบสติอารมณ์ เลือดของเย่แจ๋หยิ่งนั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งยาที่นางให้เขาก็ยังช่วยชะลอการแพร่กระจายพิษของหนอนพิษกู่จิ้น ดังนั้น จึงไม่มีทางเป็นเขาอย่างแน่นอน
จนกระทั่งมาถึงป่าที่ไม่ไกลจากแท่นบูชายัญมากนัก เสียงคำรามดั่งสัตว์ป่าก็ดังมาจากด้านหน้า เมื่อเดินเข้าไปดู หลานเยาเยาก็ได้เห็นภาพที่แสนโหดร้าย
เป็นคนคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนชนเผ่า กำลังกัดแทะคอของหมาป่าอย่างเมามัน เหมือนกับว่าเขากำลังดูดเลือดของมัน กำลังกินหมาป่ามันทั้งเป็น โดยมีผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและเลือดเกรอะกรังไปทั่วร่าง
และใบหน้าของเขานั้น ก็เหมือนดั่งผีดิบอันสยดสยอง มิหนำซ้ำยังมีดวงตาที่กลวงโบ๋
คนที่กำลังเมามันกับการกินเลือดกินเนื้อเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งใบหน้าเหนอะหนะไปด้วยเลือด มีฟันโผล่ออกมาเต็มปาก พร้อมกับเลือดที่หยดอยู่ตรงมุมปากเล็กน้อย………
เพลานี้ หลานเยาเยาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่ใช่เขา!
และนางก็กลับมาตั้งสติรู้พร้อมในทันที จากนั้นก็มองไปที่คนคนนั้นอย่างระมัดระวัง
ได้เห็นเขาค่อยๆยืนขึ้น พลางส่งเสียงเหมือนขากเสมหะเบาๆอยู่ในลำคอ และจ้องมองมาทางพวกเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ พร้อมยื่นมือทั้งสองข้างที่เปื้อนเลือดออกมา แม้ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและสั่นๆเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมาเขาก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง พร้อมพุ่งเข้ามาหาพวกเราอย่างรวดเร็ว
ภาพอันสยดสยองตรงหน้า ทำให้ฮัวหยู่อันตัวสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือกไปก่อนแล้ว
แววตาของเจี่ยนหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็เผยความกลัวออกมาเช่นเดียวกัน เขาพึมพัมกับตัวเองอย่างไม่เชื่อ: “หายนะมาแล้ว”
ท่าทางของผู้อาวุโสใหญ่นั้นดีกว่าพวกเขาสองคน แววตาที่ไร้ซึ่งความกลัวก็โบกไม้คธาเฆี่ยนไปที่เป้าหมาย เพียงครั้งเดียวก็กระแทกคนคนนั้นจนกระเด็นไปไกล
แต่ว่า…
คนคนนั้นเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ จึงเฆี่ยนไปอีกครั้ง ด้วยความถี่ที่เร็วขึ้น ความรุนแรงที่มากขึ้น
ผู้อาวุโสใหญ่เริ่มต่อสู้กับคนคนนั้นในพริบตา หลานเยาเยาที่มองดูอยู่ด้านข้าง พร้อมมันสมองที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นตาก็เป็นประกาย พร้อมหันหน้าไปทางเจี่ยนหมิงทันที