หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 254 เย่แจ๋หยิ่งจะใช้อุบายชายรูปงาม
บทที่ 254 เย่แจ๋หยิ่งจะใช้อุบายชายรูปงาม
เห็นท่าทางที่เย่แจ๋หยิ่งกระอักเลือด น่าจะเจ็บปวดมาก ถ้าไม่ได้เป็นโรคที่รักษาไม่ได้ ก็น่าจะไปโดนพิษที่ร้างแรงมาก
จะไม่มีปัญหาได้เช่นไร?
ดังนั้น นางสงสัยว่าระบบจะมีปัญหา……
“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับผลกระทบจากอุกกาบาต จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดีหรอกใช่ไหม?”
“เจ้านาย ตอนนี้ข้าแข็งแรงมาก และยังมีการตัดสัญญาณรบกวนอีก ท่านไม่ต้องสงสัย” ระบบมีความโมโหเล็กน้อย
“งั้นเจ้าไปพักผ่อนเถอะ!”
“…….”
ระบบที่เต็มไปด้วยความโกรธ คิดอยากจะระเบิดไปตรงนั้น
……
วันที่สอง
ข่าวเทพธิดาสืบหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมาได้ ทำให้ทั้งเมืองหลวงตกตะลึงทันที
ไม่ว่าหลานเยาเยาจะตั้งใจให้คนไปแก้ข่าวลือ บอกว่าการหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมานั้นไม่เกี่ยวข้องกับนางสักนิด แต่นางยิ่งแก้ข่าวลือ ประชาชนก็ยิ่งเชื่อว่าเป็นเพราะการมาถึงของนาง ถึงสามารถตามหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ากลับมาได้
ที่หลานเยาเยาต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้
แต่เรื่องเรื่องหนึ่ง มีทั้งดีและร้าย
เมื่อนางมาถึงเมืองหลวง ก็กำจัดราชครูของราชวงศ์เก่าโดยทางอ้อม ก็คือผู้ช่วยคนสำคัญอย่างเฉียนตุ้นของราชครูตอนนี้ ปลุกกระตุ้นให้คนที่ติดตามราชครูเกิดความเกลียดแค้น
ทั้งยังประสบกับการทำเรื่องไม่ดีบางอย่างที่ไม่เคยถูกสังเกตเจอ แต่ก็กลัวโดนจับได้ และยังเป็นบุคคลที่คนที่มีตำแหน่งสำคัญในราชสำนักต้องระแวดระวัง
และเมื่อนางมาถึง เพราะด้วยความมีเสน่ห์แพรวพราวจึงได้รับตำแหน่งสาวงามลำดับที่หนึ่งของราชสำนักไปครองโดยทันที
ทำให้หลายๆคนที่มีทั้งความรู้ความสามารถและหน้าตาดี แต่กลับเป็นเพียงสาวงามที่อยู่ในลำดับที่สิบยี่สิบเกิดความอิจฉาริษยา
เพราะว่า!
หลานเยาเยาเป็นทหารที่มาจากฟ้า
เมื่อมาถึงก็ได้ตำแหน่งสาวงามลำดับที่หนึ่งไปครองแล้ว และไม่ว่าพวกนางจะพยายามเช่นไรก็ไม่สามารถได้ตำแหน่งที่หนึ่งมาได้
นี่จะไม่ทำให้พวกนางอิจฉาได้เช่นไร?
สำหรับเรื่องเหล่านี้ หลานเยาเยามองดูทั้งหมดด้วยรอยยิ้ม
สถานการณ์เช่นนี้ที่นางพบเจอยังน้อยอีกหรือ?
เกือบทุกรอบก่อนที่นางจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทุกครั้ง ก็จะพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
นี่ก็คือนิสัยของคน
พวกเขาอยากทำอะไรก็ทำ
แน่นอน!
มีคนอิจฉาริษยาเกลียด ก็จะมีคนคิดอยากจะดึงมาเป็นเป็นพวก ประจบ เอาใจ
เฉกเช่นฮ่องเต้
แม้ว่าเรื่องของตราราชลัญจกรหยกจะมีความกระทบกระเทือนต่อเขา ยิ่งกว่านั้นคนที่คิดว่าซื่อสัตย์ภักดีมาตลอด เพียงเวลาชั่วข้ามคืน ก็พบว่าเป็นสาบสืบของคนอื่น
การกระทบกระเทือนเช่นนี้เหมือนเป็นการตีแสกหัวเขา แต่ก็เป็นการตีระฆังเตือนให้แก่เขา
ดังนั้นเขาจึงคิดแผนกับคนที่ซื่อสัตย์กับตัวเอง โดยการตรวจสอบทีละคน ทดสอบความซื่อสัตย์ของพวกเขา
แน่นอน!
คนที่ทำให้เขาหวาดระแวง เขาก็จะคิดวิธีกำจัดทิ้ง
ดังนั้นการดึงเทพธิดามาเป็นพวกจึงกลายเป็นหน้าที่ที่สำคัญอันดับแรกของเขา
ด้วยเหตุนี้!
เขาคิดอยู่หนึ่งคืน ในที่สุดก็คิดวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองทางได้
แต่วิธีนี้จำเป็นจะต้องมีอ๋องเย่เข้ามาร่วมด้วยถึงจะมีความหมาย ดีที่เมื่อเทพธิดามาถึงเมืองหลวงในวันที่สาม ฮ่องเต้ก็ได้รู้ข่าวว่าอ๋องเย่ได้กลับมาเมืองหลวงแล้ว
ดังนั้น เขาจึงได้จัดงานแข่งขันล่าสัตว์อย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริกขึ้นมา และจัดขึ้นในนามการต้อนรับเทพธิดา
ในขณะนั้น หัวข้อสนทนากันของประชาชนในเมืองหลวงก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหัวข้อ
พูดว่าการจัดการของฮ่องเต้ครานี้ชั่งฉลาดนัก
และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด
สนทนาไปสนทนามา พวกประชาชนก็ได้เอาเรื่องของอ๋องเย่และเทพธิดามาพูดเข้าไปด้วยกันแล้ว
ผู้หนึ่งคืออ๋องเย่เทพสงครามที่รบไม่เคยแพ้สู้ไม่เคยถอย!
ผู้หนึ่งคือเทพธิดาแห่งสวรรค์ที่จุติบนโลกเป็นผู้ทำได้ทุกสิ่ง!
การล่าสัตว์ของทั้งคู่ ใครจะแพ้? ใครจะชนะ?
มีบางคนที่มีสมอง ได้กลิ่นโอกาสของการหาเงิน ก็จะคิดเกมการพนันในการล่าสัตว์ครั้งนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
ผู้เดิมพันที่สุดท้ายเป็นผู้ชนะ ก็จะได้รับเงินค่าพนันเป็นสองเท่า
เมื่อการพนันนี้ออกมา!
อ๋องเย่และเทพธิดาก็กลายเป็นบุคคลที่โด่งดังที่สุดไปทันที พวกเขาเกือบจะได้ที่หนึ่งพร้อมกันในการจัดอันดับการเดิมพัน
อาจจะเป็นอ๋องเย่เทพสงครามที่อยู่ในใจของผู้คน ที่ได้ฝังรากลงลึกเป็นเหตุ
ดังนั้น สุดท้ายแล้วจึงมีคนเดิมพันอ๋องเย่มากกว่าเล็กน้อย
หลังจากที่ฟังจื่อซีรายงานเรื่องนี้ หลานเยาเยาเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆออกมา และไม่ได้สนใจ แต่กลับแทะเมล็ดแตงโมอย่างสบายใจ
“คุณหนู ฮ่องเต้จัดงานแข่งขันล่าสัตว์ท่านจะไปหรือไม่ขอรับ?” จื่อซีมีความเป็นห่วงเล็กน้อย
หากว่าคุณหนูไปแล้ว ล่าเหยื่อได้ไม่กี่ตัว ก็จะกระทบต่อภาพลักษณ์เทพธิดาที่ประดุจดั่งเทพเซียนของคุณหนู
“ไป ทำไมจะไม่ไปล่ะ?”
เรื่องดีเช่นนี้ นางไม่ต้องวางแผน ก็มีคนจัดการเตรียมให้นางอย่างดีแล้ว น่าสนุกเช่นนี้ไม่ไปได้เช่นไร?
จวนอ๋องเย่ ตึกเฟิงจิ่ง
ตึกเฟิงจิ่งนี้มีความสูงเท่ากับสี่ชั้น ยืนอยู่ข้างบนนี้สามารถมองเห็นทั้งจวนอ๋องเย่ได้ทั้งหมด
ด้านบนตึกเฟิงจิ่ง บนโต๊ะหิน มีกาน้ำชาที่มีไอร้อนระเหยออกมา กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติวางไว้อยู่ที่นั่นเฉยๆ
และข้างโต๊ะหิน มีเตียงที่ดูวิจิตรตระการตาอยู่หลังหนึ่ง เย่แจ๋หยิ่งเอนกายอยู่บนเตียงที่งดงาม ตาทั้งคู่ปิดลงเล็กน้อย ราวกับว่านอนอยู่ และก็เหมือนกับว่ากำลังงีบหลับ
ทันใดนั้น!
มีเงาดำหนึ่งเหาะลงมา คุกเข่าลงข้างหนึ่งรายงานต่อเขา :
“เจ้านาย นี่เป็นข่าวที่มาจากพระราชวังขอรับ”
หลังจากที่องครักษ์ลับรายงานเสร็จแล้ว ก็เอากระดาษข้อความที่ม้วนอันหนึ่งไว้ยื่นให้
แต่นานแล้วก็ไม่เห็นเจ้านายจะพูดออกมา ดังนั้นเขาจึงได้แต่ก้มหน้าตลอด มือทั้งสองข้างก็ยังคงอยู่ในท่าที่ยื่นกระดาษข้อความให้ ไม่ขยับสักน้อย รอคอยต่อไป
หลังจากครูหนึ่ง!
เหมือนกับว่ามีลมกระโชกผ่าน กระดาษข้อความในมือขององครักษ์ลับก็หายไป
“ไปเรียกเหลียงเฉินมา”
เสียงที่ดึงดูดดังขึ้นอย่างช้าๆ เย่แจ๋หยิ่งยังคงปิดตางีบหลับอยู่ ราวกับว่าคนทั้งคนยังไม่ได้กระดิกตัวมาก่อน แต่มือขวาของเขากลับมีกระดาษข้อความม้วนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
“ขอรับ!”
องครักษ์ลับรับคำสั่งแล้วจากไป
ไม่นาน โม่เหลียงเฉินก็เดินขึ้นมาบนตึกเฟิงจิ่งอย่างไม่เต็มใจ เมื่อมาถึงขึ้นบนสุด ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งใช้กำลังภายในเปลี่ยนกระดาษอักษรในมือให้กลายเป็นผุยผง
จากนั้น มือที่เรียวยาวของเขาก็วางไว้บนที่วางมือบนเตียงที่วิจิตรนั้นแบบตามสบาย นิ้วมือทั้งห้าที่แยกกันเคาะไปที่วางมือเป็นระยะๆ
จากนั้นริมฝีปากบางๆก็เริ่มปริ :
“อุบายสาวงามล้มเหลวแล้ว?”
ประโยคนี้ เหมือนกับว่าเย่แจ๋หยิ่งเพียงพูดออกไปงั้นๆ
แต่ว่า!
โม่เหลียงเฉินรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากทันที
วันนั้นเขาใช้อุบายสาวงามอย่างกล้าหาญกล้าได้กล้าเสีย คิดอยากจะยั่วยวนเทพธิดา
ใครจะรู้……
ยั่วยวนไม่สำเร็จ ข่าวก็สืบมาไม่ได้ กลับยังโดนขู่กลับมาไม่น้อย
ที่เขาไม่ยอมมารายงานอ๋องเย่สักที ก็เพราะจะอายคนไม่ได้
ตอนนี้ ดูท่าแล้วอ๋องเย่ได้รู้เรื่องนานแล้ว ดังนั้นเขาทำได้เพียงจำใจบอกเรื่องราวทั้งหมดออกไปอย่างละเอียด
สุดท้ายยังเพิ่มไปอีกหนึ่งคำ
“ไม่เช่นนั้นท่านออกโรงเอง?”
โม่เหลียงเฉินรู้สึกว่า คงจะมีเพียงเย่แจ๋หยิ่งที่จะสามารถปราบเทพธิดาได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โฉมหน้าของอ๋องเย่ก็งดงามไร้ที่ติ บวกกับรูปร่างที่ทรงพลังดั่งราชาของเขา หญิงผู้ใดเห็นแล้วจะไม่หลง?
แต่ว่า!
เมื่อเขากลับมาคิดอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
อ๋องเย่อำนาจบารมีกว้างขวาง อิทธิพลมหาศาล อยากจะรู้เรื่องอะไร เขาจะต้องลงมือเองทำไม?
ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้อุบายชายรูปงามไปยั่วยวนผู้หญิงผู้หนึ่ง
เรื่องเช่นนี้ ไม่คุ้มค่าที่เขาจะไปทำ
“เจ้าใช้ชีวิตพอแล้ว?”
เย่แจ๋หยิ่งลืมตาขึ้นทันที ดวงตาที่ดูลึกลับดั่งวังน้ำวน ที่สามารถดูดทุกสิ่งลงไปได้
มือข้างหนึ่งของเขาค้ำศีรษะไว้อย่างสบายๆ เหลือบมองโม่เหลียงเฉินแวบหนึ่ง
ได้ยินดังนั้น!
โม่เหลียงเฉิงก็เย็นวาบที่สันหลังทันที
ก็รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้
แต่ว่า คำพูดต่อจากนี้ของเย่แจ๋หยิ่ง เกือบทำให้เขาตะลึงจนขากรรไกรหลุด
“แต่ว่า คำแนะนำของเจ้าก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป
โม่เหลียงเฉินก็เบิกตาโพลงทันที มองดูเย่แจ๋หยิ่งอย่างคาดไม่ถึง
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว?
ท่านอ๋องจะใช้อุบายชายรูปงาม?