หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 413 ความแตกแล้ว
บทที่ 413 ความแตกแล้ว
“เฮอะ พูดกับข้าเรื่องมโนธรรม? คืนชีวิตของช่าจื่อมาก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า!”
“เจ้าต้องเข้าใจผิดไปแน่ๆ อ๋องเย่ไม่เคยคิดจะจัดการกับเจ้า เขาจริงใจกับเจ้าจริงๆ” โม่เหลียงเฉินในตอนนี้ยังคิดจะลองเกลี้ยกล่อมนาง
อย่างไรเสีย
เขารู้จักเย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งทุ่มเทความรักที่มีต่อนางสุดหัวใจแล้ว เขาไม่อยากเห็นเย่แจ๋หยิ่งเจ็บปวด
“พอแล้ว เจ้าจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์”
เพียงแต่ว่า……
โม่เหลียงเฉินก็ยังไม่เต็มใจอยู่ดี เขาอ้าปากยังอยากจะกล่าวต่อ แต่จู่ๆกลับรู้สึกหนักที่ไหล่ ฝ่ามือใหญ่เปื้อนเลือดข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเขา
เขาหันกลับไปก็ได้ยินเย่แจ๋หยิ่งกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า:
“อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เราไปกันเถอะ!”
“ไม่ได้ เย่แจ๋หยิ่ง ในเรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจอะไรผิดกันแน่ๆ เจ้าคิดจะไปเช่นนี้หรือ?” โม่เหลียงเฉินร้อนใจอย่างมาก ในใจก็รู้สึกผิดหวังในตัวเทพธิดาอย่างมากเช่นกัน
และในเวลานี้
เสียงเย็นชาของหลานเยาเยากลับดังออกมาทีละคำทีละคำ
“อยากไป? เป็นไปได้หรือ? ซี เฟิง พวกเจ้าเข้าไปให้หมด วันนี้จะต้องให้อ๋องเย่ล้างหนี้เลือดด้วยเลือดให้ได้”
“ขอรับ!”
จื่อซีกับจื่อเฟิง และยังมีองครักษ์หน้าบากอีกคนต่างก็พากันกอดมือทั้งคู่ไว้ตรงหน้าอกเพื่อแสดงความเคารพพร้อมกัน จากนั้นก็ชักกระบี่พุ่งไปทางเย่แจ๋หยิ่ง
โม่เหลียงเฉินต้องไม่ปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จอยู่แล้ว เอาตัวเข้าขวางหน้าเย่แจ๋หยิ่งโดยตรง ต่อสู้กับพวกเขาสามคนขึ้นมา
แต่ว่า!
ถึงวรยุทธของโม่เหลียงเฉินจะสูงมาก แต่ก็ยังสู้จื่อเฟิงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสู้แบบหนึ่งต่อสามอีก
สู้กันไม่กี่ที เขาก็ตกเป็นเบี้ยล่างแล้ว
แต่ยังสามารถรั้งพวกเขาเอาไว้สองสามรอบ โม่เหลียงเฉินกำลังสงสัยว่าองครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่งทำไมถึงไม่อยู่ ก็ถูกองครักษ์หน้าบากใช้เท้าเตะอย่างแรงจนกระเด็นออกไป
ตายดีไม่ดี ยังบังเอิญไปชนเย่แจ๋หยิ่งล้มลงไปบนพื้นโดยตรง
เสียงดัง “ปึง” ขึ้นมา
ทั้งสองฮึดฮัดขึ้นมาพร้อมกัน โม่เหลียงเฉินก็ไม่รู้ว่าไปล้มทับอะไรเข้า เสียง “ซี๊ด” ดังขึ้นมา เลือดก็พุ่งไปบนใบหน้าของเขาโดยตรง
โม่เหลียงเฉินเอื้อมมือไปจับหน้าของตนเอง จากนั้นก็เพ่งสายตามองดูใกล้ๆ มันคือเลือด เลือดที่เย็นยะเยือก……
สีหน้าเขาซีดเผือดไปในทันที
ในใจรู้สึกผิดอย่างมาก กลัวเย่แจ๋หยิ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิต มองไปที่บาดแผลของเย่แจ๋หยิ่งด้วยสีหน้าท่าทางที่ร้อนใจ
เลือดที่ช่องท้องยังคงไหลออกมาต่อเนื่องไม่หยุด ราวกับว่ามันไหลออกมาได้อย่างไม่สิ้นสุด เขารีบยื่นมือไปอุดบาดแผลเอาไว้ กำลังคิดจะหาผ้ามาพันแผลให้เขา
กลับพบว่า มือที่ปิดแผลเอาไว้ของเขากลับไปโดนของที่ปูดขึ้นมา ลองดึงออกมาดู ดูคล้ายกับถุงเลือดถุงหนึ่ง……
เย่แจ๋หยิ่งที่ถูกโม่เหลียงเฉินชนจนปวดแปลบ ห้ามไม่ให้โม่เหลียงเฉินดึงถุงเลือดออกมาเอาไว้ไม่ทัน สีหน้าท่าทางของเขาเป็นประกายแวบขึ้นมา เอื้อมมือมาแย่งกลับไป
นึกไม่ถึงว่า……
เสียงดัง “ซี๊ด” ขึ้นมา เลือดก็พุ่งออกมาจากถุงเลือดอีก
เย่แจ๋หยิ่ง: “……”
โม่เหลียงเฉิน: “……”
หลานเยาเยาเห็นดังนั้น รีบกลั้นหัวเราะเอาไว้ เอามือก่ายหน้าผากทำหน้าเหมือนคนท้องผูกทนดูต่อไปไม่ไหว
พี่ชาย!
มีความเป็นมืออาชีพหน่อยได้ไหม? จะแสดงละครก็ต้องแสดงให้มันเหมือนหน่อย ความแตกแบบนี้ผลกระทบแย่มากจริงๆ
มองดู ท่าทางจื่อซีที่กลั้นหัวเราะจนใกล้จะผิดปกติไปจากเดิม แล้วมองไปทาง จื่อเฟิงที่เอาแต่ปั้นหน้าไม่แสดงอาการ กระตุกมุมปากอย่างแรงอยู่ตลอด
โชคดี!
องครักษ์หน้าบากหันหน้าไปทางแผ่นหลังโม่เหลียงเฉินพอดี เห็นแค่เลือดที่พุ่งออกมาเท่านั้น ไม่เห็นถุงเลือดที่โม่เหลียงเฉินดึงออกมา ยังนึกว่าโม่เหลียงเฉินทำให้เย่แจ๋หยิ่งเลือดพุ่งออกมาอีกแล้ว
ผู้คนที่อยู่ในห้องโถง หลานเยาเยาละเลยไม่สนใจไปเลยโดยตรง
เพราะพวกเขาสามารถเห็นแค่ช่วงบนของคนที่ยืนอยู่เท่านั้น
“แค่กๆ!”
หลานเยาเยากระแอมไอเบาๆ
โม่เหลียงเฉิงที่ตกอยู่ในอาการมึนงง หลังจากที่ดึงสติกลับมาแล้ว ใส่ถุงเลือดกลับไปยัง ‘บาดแผล’ ด้วยท่าทีสงบ จากนั้นก็ทำท่าทางเจ็บปวดขึ้นมา
โม่เหลียงเฉินกระตุกมุมปากอย่างแรงครั้งหนึ่ง อยากหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะ เลยต้องอดกลั้นสุดชีวิต
ที่แท้ก็เป็นการเล่นละครเล็กๆนี่เอง!
เขาจะเข้าร่วมด้วย
ดังนั้น เขาจึงร้องไห้โศกเศร้ารันทดเสียงดังขึ้นมาทันที: “เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าวางใจได้ ถึงแม้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะช่วยเจ้าออกไป จะไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาด ฮือๆๆ……”
ในขณะที่กล่าวอยู่นั้นเขายังใช้นิ้วจิ้มไปที่ถุงเลือด
เย่แจ๋หยิ่ง: “……”
และในตอนนี้!
องครักษ์หน้าบากก้าวเท้ามาข้างหน้าอยากจะดูให้ชัดเจน อ๋องเย่ใกล้จะตายแล้วจริงหรือไม่
จื่อซีที่อยู่ด้านข้างจู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา ทำให้องครักษ์หน้าบากตกใจ จึงยกกระบี่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ต้องการจะฆ่าโม่เหลียงเฉิน
“ระวังข้างหลัง!”
เย่แจ๋หยิ่งเตือนโม่เหลียงเฉินคำหนึ่ง จากนั้นมองดูรอยแผลที่ท้องด้วยความรังเกียจ
จิ้มอีกที ไหลก็ไม่ไหลออกมาแล้ว
“วางใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” โม่เหลียงเฉินพยักหน้าราวกับลูกไก่จิกข้าวสาร
รีบลุกขึ้นยืนทันที ต่อสู้กับจื่อซีที่พุ่งเข้ามา บรรยากาศและพลังที่แสดงออกมามีมากพอ ดูเหมือนกับศัตรูคู่แค้นเจอหน้ากัน สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
จื่อเฟิงก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
องครักษ์หน้าบากที่ยืนอยู่ข้างๆ เดิมทีคิดจะอาศัยจังหวะโจมตีโม่เหลียงเฉินให้ถึงชีวิต แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา
เอาชีวิตคุณชายเหลียงเฉิน ยังไม่สู้ฆ่าอ๋องเย่เสีย จากนั้นก็ถือโอกาสฆ่าเทพธิดา ถึงเวลาก็จะมีความรุ่งโรจน์ร่ำรวยมั่งคั่งเสพสุขไม่รู้จบ”
ดังนั้น!
เขามองไปที่อ๋องเย่ครู่หนึ่ง พบว่าตาของเขาปิดลง เหมือนกับว่าหมดสติไปแล้ว
ความตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าทันที
โอกาสทองแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือโจมตีให้ตายในคราเดียว
หลังจากที่เล็งเป้าหมายไปที่อ๋องเย่ที่นอนครึ่งตัวอยู่บนพื้นแล้ว เขารีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ใช้แรงทั้งหมดที่มีแทงไปที่หน้าอกของอ๋องเย่
หลานเยาเยาหรี่ตาลง กำหมัดเอาไว้แน่นเล็กน้อย
ขณะที่กระบี่คู่กายขององครักษ์หน้าบากกำลังจะแทงถึงหน้าอกอ๋องเย่ ดวงตาเย็นชาดุจสระน้ำที่เยือกเย็นคู่หนึ่งลืมขึ้นในพริบตา
กระบี่คู่กายในมือของเขาไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้อีก เพราะในตอนนี้เขาถูกบีบคอเอาไว้
“ท่าน……”
“แควก……”
องครักษ์หน้าบากได้กล่าวออกมาแค่คำเดียว ก็ถูกหักคอจนตาย
หลังจากที่โยนศพออกไปข้างหนึ่งแล้ว เย่แจ๋หยิ่งขยับสองสามก้าวช้าๆ ไปที่ตำแหน่งข้างหน้าต่างพอดี
ดูเหมือนทั้งร่างกายของเขาจะไม่มีเรี่ยวแรง พิงอยู่ข้างกำแพงอย่างเอื่อยเฉื่อย ค้ำหัวเอาไว้ด้วยมือเดียว ปล่อยให้เส้นผมพัดปลิวเบาๆภายใต้สายลมแห่งการต่อสู้ เขามองดูพวกเขาแสร้งทำเป็นสู้กันอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มอยู่อย่างนั้น
ท่าทางเหมือนกำลังดูการแสดง
โม่เหลียงเฉินเห็นท่าทางของเขาเป็นครั้งคราว ยังอดกระตุกมุมปากอย่างแรงไม่ได้
เย่แจ๋หยิ่งมองไปทางหลานเยาเยา ยื่นมือตบไปบนพื้นข้างๆตัวเขา ความหมายคือให้นางไปนั่งชมพร้อมกับเขา
“……” หลานเยาเยาส่ายหน้าเอามือก่ายหน้าทนดูต่อไปไม่ไหวอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้……
จะแสดงให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร?
“ปึง……”
โม่เหลียงเฉินถูกจื่อเฟิงเตะเข้าไปอย่างแรง ล้มลงไปบนพื้นโดยตรง
โม่เหลียงเฉินรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเล็กน้อย
ก็แค่การแสดง พี่ชาย ไม่ต้องโหดขนาดนี้ไม่ได้หรืออย่างไร? เตะนี้มันเจ็บมากรู้หรือเปล่า?
แต่ในไม่ช้า องครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่งก็พังประตูเข้ามา ทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งต่อสู้กัยอย่างดุเดือดขึ้นมา
ในห้องโถงโกลาหลวุ่นวายไปตั้งนานแล้ว
ท่านหานที่ไม่รู้เรื่องอันใด หลังจากที่ตกตะลึงไปชั่วครู่ ตัดสินใจในยามวิกฤติอย่างเด็ดขาด ให้องครักษ์ของร้านประมูลเสินตู อพยพคนที่อยู่ในห้องโถงออกไป
เดิมทีเขายังคิดจะให้องครักษ์ไปไกล่เกลี่ยให้เลิกสู้กัน แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ดุเดือดรุนแรงเกินไป ก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปในทันที แต่เลือกที่จะสั่งให้คนไปแจ้งเรื่องที่ศาลต้าหลี่
ศึกใหญ่ครั้งนี้ของเย่แจ๋หยิ่งกับเทพธิดา ต่อสู้กันนานกว่าหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีคนตาย คนของศาลต้าหลี่มาก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถที่จะไกล่เกลี่ยได้
สุดท้ายองค์ชายรัชทายาทเย่หลีเฉินมาด้วยตัวเอง ถึงจะหยุดพวกเขาเอาไว้ได้
ถึงแม้จะไม่สู้กันแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างก็กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันแล้ว จากไปด้วยความโกรธ
เหลือไว้แค่ห้องส่วนตัวที่ยุ่งเหยิงรุงรังเอาไว้
เย่หลีเฉินยืนอยู่ในห้องส่วนตัว มองดูรอยเลือดที่อยู่บนพื้น และองครักษ์ที่ตายไป สายตาลึกลงไปอย่างอดไม่ได้
เขามองไปทางท่านหานที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวถามว่า:
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”