หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 514 ฮ่องเต้เป็นบ้า พายุฝนก่อตัวขึ้น
บทที่ 514 ฮ่องเต้เป็นบ้า พายุฝนก่อตัวขึ้น
ทันทีที่พูดจบ
ยู่หลิวซูอดได้ที่จะมองไปยังนาง นัยน์ตาส่องประกายความตกตะลึง ประหลาดใจอย่างที่สุด
เพียงแค่เข้าไปสำรวจ หลานเยาเยาไม่เคยมาที่ทะเลทราย กลับรู้ว่ากลางทะเลทรายยังมีน้ำเต้ายาที่มีพิษ ซึ่งมีลักษณะเหมือนแตงโมมาก
เดิมในใจของเขามีความสงสัย แต่ไม่ได้นึกถึงน้ำเต้ายา
อีกอย่าง!
กลางทะเลทรายไม่สามารถปลูกแตงโมให้เติบโตได้ นอกจากนี้ถ้าเป็นแปลงปลูกแตงโมคงไม่สามารถเติบโตจนมีผลใหญ่รสชาติน่าอร่อยดึงดูดคนได้หรอก
ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองหลานเยาเยา ปากที่เม้มอยู่พูดขึ้นว่า:
“ตอนนี้พวกเราอยู่ในทะเลทราย แม้ว่าอาหารตอนนี้นับว่ายังมีเพียงพอ แต่ถ้าระยะเวลานานกว่านี้
ถ้าไม่มีอาหารและน้ำแล้ว เกรงว่าสัญชาตญาณของมนุษย์คงได้ระเบิดออกมาเป็นแน่ พวกเราควรไปเจรจากับพวกเขาไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ยินยอม”
อีกอย่างในสายตาของคนพวกนั้น นั่นเป็นสวนแตงสีเขียวสด
ใครบ้างที่เห็นแล้วไม่หวั่นไหว?
ถึงแม้ว่าจะถูกฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าใช้กลอุบายยับยั้งไว้ แต่หลังจากเมื่อถึงเวลาที่ไม่มีน้ำและอาหารจริงๆ พวกเขาคงไม่คำนึงว่าทำให้คนตายได้หรือไม่ คงนึกถึงแต่ว่าแตงโมในสวนสามารถแก้กระหายได้หรือไม่……
หลานเยาเยาพยักหน้า
“อืม!” แน่นอนว่านางเข้าใจนิสัยของมนุษย์ดีและหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องถึงขั้นนั้น “เจ้าไปพูดกับพวกเขาให้ชัดเจน ข้ารู้สึกว่ารูปปั้นหินทารกยักษ์มีบางอย่างผิดปกติ ข้าอยากสำรวจอีกสักหน่อย”
เกี่ยวพันกับชีวิตของหลายคน จำเป็นต้องรอบคอบ
“ได้!” ยู่หลิวซูพยักหน้ารับคำ
ทางด้านฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า
เมื่อเห็นพวกหลานเยาเยากลับไปยังรูปปั้นหินทารกยักษ์ มุมปากฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าก็ยกรอยยิ้มขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
“ช่างโง่เสียจริง”
น้ำเสียงเยาะเย้ย แสดงความรู้สึกโดยไม่ปกปิดแม้เพียงเล็กน้อย
เขานึกว่าเทพธิดาจะเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาด ที่แท้เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายและการเอาตัวรอด นางก็เป็นคนธรรมดา
ตกใจจนใบหน้าหวาดกลัวสุดขีด หางจุกตูดกลับไปยังรูปปั้นหินทารกยักษ์
ทางด้านขันที ไม่ได้มีใบหน้าหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับยิ้มหัวเราะพร้อมมองไปยังฮ่องเต้ และพูดเสียงอ่อน
“ฝ่าบาท พวกเขาไปหมดแล้ว”
“อ้อ! ข้ารู้แล้ว ไปเรียกสามคนนั้นให้ลุกขึ้นมา! เคลื่อนไหวเบาๆด้วย อย่าให้กลุ่มสกปรกนั่นเห็นเข้า”
สวนแตงโมตอนนี้เป็นของเขาแล้ว เพียงแค่ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ!
เมื่อได้ยินฮ่องเต้มีรับสั่ง ขันทีเจ้าแผนการยังไม่ได้เข้าไปในสวนแตงโม ความน่ากลัวของงูทองทะเลทรายยังคงอยู่ในสมองของเขา เขาทำอะไรล้วนระแวดระวังอย่างมาก
เขาอยู่ที่ขอบสวนแตงโมยืนเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปมององครักษ์วังหลวงที่ทำการแสดงทั้งสามคน
“นี่ๆๆ พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้ว พวกเขาไปแล้ว เคลื่อนไหวเบาๆด้วย อย่าให้คนกลุ่มนั้นเห็น”
เสียงของเขาไม่ดังไม่เบา แต่เพียงพอที่ให้ผู้ที่นอนอยู่ในสวนแตงโมทั้งสามคนสามารถได้ยิน
แต่ที่ตอบกลับเขา กลับเป็นเสียงลมที่พัดผ่านใบหน้า……
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ขันทีคิดว่าเสียงของเขาเบาไป จึงจับคอและพูดเสียงดังขึ้น
“ได้ยินหรือไม่? ฮ่องเต้มีรับสั่ง พวกเจ้าทำการแสดงได้ยอดเยี่ยม ตอนนี้ลุกขึ้นได้แล้ว”
แต่สิ่งตอบกลับเขายังคงเป็นความเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆเหมือนเดิม
ขันทีเริ่มขมวดคิ้ว ในใจเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย
คิดที่จะก้าวเท้าเข้าไปในสวนแตงโม ไปเขย่าทั้งสามคนให้ตื่น แต่ขณะที่ก้าวเท้าเพียงชั่วพริบตาก็รีบหยุด และหันไปทางฮ่องเต้
แววตานิ่งสนิทของฮ่องเต้จ้องมององครักษ์ทั้งสามที่นอนอยู่ในสวนแตงโม ดวงตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ในใจเกิดความรู้สึกหมดหวัง
“ฮ่องเต้”
ขันทีตะโกนเรียกเขา เขาไม่ตอบ
เขาเงียบอยู่นานถึงได้ออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“ตะโกนเรียกอีก!”
เมื่อถูกท่าทางของเขาทำให้ตกใจ ขันทีรีบพยักหน้าเรียก ตะโกนไปยังสวนแตงโมหลายครั้งแต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเหมือนเดิม
เมื่อถึงตรงนี้ขันทีแน่ใจแล้วว่า ที่เห็นว่าทั้งสามคนแกล้งทำเป็นถูกพิษแท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่ทั้งสามคนนั้นถูกพิษจริงๆ ไม่อย่างนั้นคนที่หิวอย่างมากเมื่อเห็นแตงโมตรงหน้าจะแสดงได้เหมือนจริง ไม่มีพิรุธใดๆได้อย่างไร?
อีกอย่าง
ความรู้ด้านการรักษาของเทพธิดานั้นลึกลับนัก ถึงขั้นช่วยชีวิตคนตายให้กลับมามีชีวิตได้ แม้แต่คนข้างกายของนางยู่หลิวซูและส้งเย่นกุยล้วนเป็นผู้เข้าใจวิชาการรักษา
พวกเขาไม่โง่
แต่พวกเขาปล่อยทิ้งไปได้ง่ายๆเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่า……
พวกเขาไม่ได้ถูกกลอุบายของฮ่องเต้ทำให้ตกใจ แต่พบเบาะแส ดังนั้นจึงออกไปจากสวนแตงโม
มันเป็นเพียงแค่ชั่วครู่ ขันทีคิดใคร่ครวญเป็นร้อยเป็นพันรอบและพิจารณาคำพูด มองไปยังฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง ค่อยๆเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ:
“ฝ่าบาท พวกเขา พวกเขาไม่เหมือนว่ากำลังทำการแสดง”
“ข้าพูดว่าทำการแสดงก็คือทำการแสดง เคยผิดพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ในเวลานั้นฮ่องเต้เหมือนมีเมฆหมอกปกคลุม สีหน้าหม่นหมองดูไม่ดีเลย
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ฝ่าบาทท่านถูกต้องแล้ว”
สิ่งที่ขันทีเพิ่งคิดในใจทั้งหมดเป็นการคาดเดา สถานการณ์จริงนั้นยังไม่รู้ องครักษ์ที่นอนอยู่ในสวนแตงโมนั้นอาจจะทำปลอมๆ ก็ได้
โธ่ มนุษย์!
ผู้ที่ไม่รักตัวเอง ฟ้าดินลงโทษ
พวกเขาแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวแบบนี้ ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้:
พวกเขาได้ปรึกษากันไว้แล้ว นอกจากต้องการให้เทพธิดาตกใจแล้ว ยังต้องการทำให้ฮ่องเต้ตกใจหนีไปอีกด้วย ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สวนแตงโมเป็นพวกเขาที่จงใจทำ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ในใจของขันทีเกิดความคิดอย่างหนึ่ง จึงพูดด้วยเสียงต่ำ:
“ฝ่าบาทเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด ท่านเรียกให้องครักษ์วังหลวงที่เชื่อถือได้อีกคนมาลองชิมแตงโมดีหรือไม่?”
“อืม!” ฮ่องเต้เห็นด้วย
ที่จริงเขาคิดไว้อยู่แล้ว เพียงแต่รอขันทีเอ่ยปากเท่านั้น
ดังนั้นจึงสั่งขันทีให้เรียกองครักษ์วังหลวงผู้หนึ่งมาลองชิมแตงโม พูดคำพูดดูดีสง่างาม บอกว่าเมื่อครู่เขาขัดขวางเทพธิดาสำเร็จ ฮ่องเต้ให้รางวัลพิเศษสำหรับเขาโดยให้กินก่อน
องครักษ์วังหลวงผู้นั้นดีใจเหมือนดั่งได้กินตุ๊กตาน้ำตาลหนึ่งร้อยอัน จึงเด็ดแตงโมผลโตริมสวนมาหนึ่งลูก ใช้ฝ่ามือผ่าแตงโมออกกินคำใหญ่
เริ่มกินไปได้สองคำยังไม่ทันได้รสชาติ แต่ไม่นานสีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยน อ้าปากอย่างทรมาน ดวงตาโมโหสุดขีด
มือทั้งสองสั่นเทาเกาคอของตนเหมือนกับมีพิษเป็นหมื่นทิ่มอยู่ข้างในคอ ดิ้นรนอยู่ได้ไม่นานก็ล้มลงกับพื้น พลิกตัวไปมาและร้องตะโกนอย่างทรมาน
มุมปากเริ่มมีเลือดสีดำไหลออกมา ทั่วทั้งร่างสั่นราวกับเป็นตะคริว มือทั้งสองบวมแดง ใบหน้าเปลี่ยนสี น่ากลัวน่าขนลุก
พลิกตัวไปมาไม่กี่ครั้งก็ขยับตัวไม่ได้และร้องไม่ออกอีก เหลือเพียงแต่ดวงตาทั้งสองเบิกโต นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด
ขันทีสำรวจลมหายใจของเขา ก็หน้าถอดสีพูดขึ้นว่า:
“ฝ่าบาท เขา เขาตายแล้ว”
“เลว เลว ไอ้สารเลว” สภาพจิตใจของฮ่องเต้ใกล้แตกสลาย
แตงโมแท้จริงแล้วมีพิษ!
สวรรค์ลืมข้าใช่ไหม?
เขาคือฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า อยู่เหนือคนนับหมื่น ในอนาคตยังต้องมีชีวิตอมตะ ปกครองใต้หล้า
แต่ตอนนี้จะทำอย่างไร
ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ขนาดเนื้อคนเลือดก็คนล้วนกินแล้ว แต่ตอนนี้ยังบีบให้เขาหมดหนทาง
เขาตายไม่ได้ เขาคือฮ่องเต้ เป็นบุตรของมังกรสวรรค์โดยแท้!
ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าที่จิตใจที่ใกล้แตกสลาย หยิบกระบี่ที่กำลังพลของเขาทิ้งไว้ แล้วฟันแตงโมอย่างบ้าคลั่ง ด้วยท่าทางอย่างกับใกล้เป็นบ้า
“ล้วนตั้งตนเป็นศัตรูกับข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าต้องฆ่าให้หมด”
เขาพูดจาอย่างไร้สติ พร้อมกับฟันไปทั่ว
คิดไม่ถึงว่า น้ำเต้ายาที่ถูกตัดเถาด้านบนไปแล้ว กองทรายเหลืองก็ค่อยๆ รวมตัวกัน เหมือนกับมีบางสิ่งต้องการโผล่ออกมาจากทรายเหลือง…