หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 515 กองทัพทะเลทราย
บทที่ 515 กองทัพทะเลทราย
ด้านหลานเยาเยาที่เพิ่งกลับมายังรูปปั้นหินทารกยักษ์ ก็เห็นยู่หลิวซูไปยังกลางฝูงชน ส่วนนางรีบบินไปด้านบนของรูปปั้น ตรวจสอบซอกแคบๆนั่นอีกครั้ง
ความรู้สึกกังวลแผ่เต็มไปทั่วทั้งหัวใจ
ทันทีที่มือเพิ่งสัมผัสบนผิวของรูปปั้นหินทารกยักษ์ ความรู้สึกเย็นๆทำให้ใจนางสั่นไหว รีบดึงมือกลับมาทันที
เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ……
เหมือนเป็นกลิ่น
เมื่อคืนอากาศเต็มไปด้วยทรายเหลือง อากาศขมุกขมัว แต่ไม่นับว่าเหม็น
แต่ในตอนนี้มีกลิ่นบางๆอยู่ในอากาศ กลิ่นคาวบ้างเหม็นบ้าง และเหมือนจะออกมาจากด้านในรูปปั้นหินทารกยักษ์
“อ๊า……”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากที่ไกลๆ หลานเยาเยาตกใจเล็กน้อย รีบเงยหน้ามองไปทางน้ำเต้ายา
เสียงกรีดร้องดังมาจากทางนั้น
แตกต่างจากเสียงร้องขององครักษ์วังหลวงที่เข้าใจผิดคิดว่าน้ำเต้ายาเป็นแตงโมและกินเข้าไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย เสียงมันแหลมกว่า และเจ็บปวดกว่า
แต่ทว่า!
ยังไม่ทันได้คิดเยอะ หลานเยาเยาก็รู้สึกมีสิ่งผิดปกติที่เท้า
จึงก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้เห็น ดวงตาคมที่สว่างไสวก็เบิกกว้างฉับพลัน ซอกแคบราวเส้นผมก่อนหน้านี้ ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น ด้านในดำสนิทเหมือนมีสีแดงเข้ม ราวกับจะมีบางอย่างพุ่งออกมา
หลานเยาเยาถอยไปสองก้าวขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็บินลงไป
พูดกับทุกคนว่า:
“เก็บข้าวของ พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่”
ทุกเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครถาม คนที่รับผิดชอบอาหารและน้ำ ก็รีบไปเอาอาหารและน้ำแบ่งกันเอาไป
ยังเก็บไม่ทันเรียบร้อย ก็มีเสียงน่ากลัวออกมาจากกลุ่มคน
“นั่นคืออะไร? ด้านสวนแตงโมนั่น”
เมื่อครู่หลานเยาเยารู้สึกว่าที่สวนน้ำเต้ายานั้นผิดปกติ และตอนนี้เมื่อเห็น ขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวทันที
มองใบหน้าเดิมขององครักษ์วังหลวงไม่ออก บนร่างของเขาถูกปกคลุมเป็นชั้นหนาๆ สีแดงเลือด น่าขยะแขยงอย่างมาก
“ไปเร็ว อ้อมสวนแตงโมนั่น”
จากที่ดึงสติกลับมาจากความตกใจได้ หลานเยาเยาก็รีบกระตุ้นพวกเขา
แต่ว่า……
มันสายไปเสียแล้ว
ที่ซอกแคบของรูปปั้นหินทารกยักษ์ในตอนนี้นั้นได้ขยายจนมีขนาดเท่านิ้วมือแล้ว ตรงที่นั้นก็มีบางสิ่งสีแดงเลือดผืนใหญ่ออกมา ราวกับเทข้าว และตกลงบนหัวคนนึงพอดี
ผืนแดงที่จอแจนั้น ก็คลุมคนนั้นไปด้วยความเร็ว
“อ๊า……”
ผู้นั้นร้องอย่างเจ็บปวด ใช้มือไปคว้าของที่ติดอยู่ตรงหน้าออก หลังจากที่คว้าออกมาก็เห็นเพียงแต่กระดูกที่เปื้อนเลือด
“นั่นคือมด ทำไมถึงตัวใหญ่ขนาดนั้น?”
“พวกมันมีสีแดง ทั้งยังกินคน น่ากลัวไปแล้ว”
“ยังตกใจอะไรอยู่อีก? รีบไปเร็ว”
เมื่อหลานเยาเยาเห็นเหตุการณ์ เดิมคิดจะออกคำสั่ง แต่มีคนลงมือหาทางช่วยก่อนที่นางจะออกคำสั่ง แต่ในขณะที่แกว่งมีดใหญ่ไปที่มด มดก็ยึดครองมีดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และปีนไปยังบนตัวของผู้ที่พยายามจะช่วย
มดสีแดงเลือดที่อยู่ในซอกของรูปปั้นหินทารกยักษ์กำลังตกลงมาไม่หยุด ในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งสองคนต่างก็ถูกมดปกคลุมตอดกิน
“ซี่ซี่……”
“ซี่ซี่……”
“ซู่……”
ที่ซอกอีกด้านหนึ่ง ก็มีมดสีแดงเลือดผืนใหญ่ตกลงมา หลังจากนั้นก็ตกลงมาตลอดไม่หยุด มดสีแดงเลือดที่ตกลงพื้น เหมือนกับได้กลิ่นคนและได้รับคำสั่ง ปีนตรงไปทางกลุ่มคน
คนจำนวนมากหนีไปด้วยความเร็ว
เย่หลีเฉินและตาเฒ่าเย่นที่ต้องปกป้องกองกำลังจึงอยู่ท้ายสุด มดกลุ่มนึงได้ปีนขึ้นข้างเท้าของตาเฒ่าเย่น และก็ถูกเขาใช้กำลังภายในเขย่าออกไป
แต่ไม่รู้ว่าด้านบนหัวมีมดตกลงมาอีกผืนใหญ่
หลานเยาเยาตื่นตระหนก ตบออกไป และใช้ลมแรงพัดตาเฒ่าเย่นออกไปสองสามเมตร
จู่ๆก็เกิดแสงเย็นวาบที่ด้านหลัง ผ่านข้างกายนางไป
เพียงแค่หันกลับไปมองก็เห็นแสงเย็นวาบอีกอันมาจากจื่อเฟิงที่พิงเย็นหงอยู่ ซึ่งโบกเอามดที่เข้าใกล้นางออกไป แล้วก็ตบมดสองสามตัวที่ตกอยู่บนใบหน้าให้ตาย
“ครืด……”
รูปปั้นหินทารกยักษ์กำลังสั่นสะเทือน ราวกับมดที่อยู่ในซอกหินทุกซอกจะระเบิดออกมา
“เยาเยา ไปเร็ว”
เย่หลีเฉินไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พุ่งไปตรงหน้าหลานเยาเยา คว้ามือนางไว้ และบินออกไปด้านนอก
เพิ่งออกจากเขตเงาดำมืดของรูปปั้นหินทารกยักษ์มา ทุกซอกหินของรูปปั้นหินทารกยักษ์ก็ต่างพ่นผืนสีแดงออกมา ราวกับไฟโหมไหม้ พอตกถึงพื้นก็เป็นเหมือนกรงเล็บปีศาจร้าย ยื่นมาทางพวกเขา……
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด
ทันใดนั้น ด้านหน้าของเขาก็มีทรายเหลือง ค่อยๆรวมตัวกันขึ้นมา ยิ่งรวมตัวกันก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งทำให้คนไม่สบายใจ
เมื่อรวมตัวกันจนความสูงคงที่แล้ว ก็มีมดสีแดงเลือด แดงจนโปร่งแสงตัวนึงโผล่ออกมา
จากนั้นก็สองตัว สามตัว สี่ตัว……
โผล่ออกมาด้านนอกไม่หยุด ราวกับจะไม่มีการหยุดพักอย่างไรอย่างนั้น
กำลังจะปะทะไปด้านบน หลานเยาเยาพลิกมือ โอบเอวเย่หลีเฉินไว้ และพาเขาข้ามผ่านกลุ่มมด
“อ๊า! ช่วยข้าด้วย……”
เสียงน่าเวทนาร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากด้านหน้า ตอนที่มีคนวิ่งหนี ได้ตกลงไปกลางฝูงมดที่ไหลกรูออกมา เพิ่งจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกฝูงมดปกคลุมกินเป็นอาหารหมดแล้ว
ทางด้านหน้าถูกตัดขาด จะถอยก็ถอยไม่ได้ มดทางด้านซ้ายก็รอบล้อมเข้ามา ด้านขวาก็เป็นสวนน้ำเต้ายา จากเสียงกรีดร้องขององครักษ์วังหลวงเมื่อครู่นี้ ก็คาดว่าน่าจะถูกมดพวกนั้นครอบครองไปแล้ว
แต่ตอนนี้มีเพียงที่นั่น ที่สามารถไปได้
ที่สวนน้ำเต้ายานั่นเงียบผิดปกติ ไม่มีบรรยากาศแบบมีคนอยู่เลย มีแต่เพียงกระดูกเป็นชิ้นๆที่ถูกตอดกินจนหมดเกลี้ยง ด้านบนยังทิ้งรอยเลือดที่ยังไม่แห้งไว้อยู่
“พวกนั้นมันคือมดอะไรกันแน่?”
คนที่พูดนั้นคือเย่หลีเฉิน หลานเยาเยาและเขามายังด้านน้ำเต้ายา ทุกที่ก็มีเนินทรายเล็กๆรวมตัวกัน รูตรงกลางไม่มีมดโพล่ออกมาแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสได้หอบพักหายใจ
“คือกองทัพมดทะเลทราย สีแดงเป็นพันธุ์ที่ดุร้ายที่สุด แต่ว่า……ทำไมขนาดของพวกมันถึงใหญ่ขนาดนั้น?”
ข้อนี้เป็นสิ่งที่หลานเยาเยาคิดหลายร้อยรอบก็ยังหาคำตอบไม่ได้
รู้สึกว่ารอบกายมีการเคลื่อนไหว หลานเยาเยาจึงหันไปมอง คือจื่อเฟิงที่แบกเย็นหงอยู่ ตามมาจากอีกด้านหนึ่ง
“คุณหนู พวกมันมาแล้ว”
“รีบไปเร็ว”
แต่ทันทีที่สิ้นเสียง หลานเยาเยาหันกลับมาก็ต้องตื่นตระหนก สีหน้าเปลี่ยนไป พูดเสียงดังว่า:
“แย่แล้ว กับดัก!”ติดกับแผนสกปรกของกองทัพมดทะเลทรายเข้าแล้ว
“หมายความว่าอย่างไร?”เย่หลีเฉินไม่เข้าใจ
“กองทัพมดทะเลทรายเป็นมดกองทัพชนิดหนึ่ง สู้กันเป็นกลุ่มเพื่อจับเหยื่อ ฉลาดกว่างูทองทะเลทรายมาก พวกมันเป็นกลุ่มกลุ่มนึง สามารถแบ่งกันออกไปล้อมเหยื่อได้
และตอนนี้ พวกเราอยู่ในขั้นตอนการถูกล้อม ต่อไปพวกมันจะเริ่มกิน”
นางไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด
อีกอย่างกองทัพมดที่เห็นทั้งหมดตอนนี้ ฉลาดกว่าที่คิดไว้เสียอีก
เย่หลีเฉินและจื่อเฟิงได้ยินก็ตกใจ!
พวกเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่หลานเยาเยาพูดนั้นเป็นสิ่งโกหกสักนิด
ตอนนี้!
ในสวนน้ำเต้ายาที่เงียบผิดปกติได้มีกองทัพมดสีแดงผืนใหญ่พรั่งพรูออกมาจากส่วนที่ถูกใบไม้ใหญ่ปิดกั้นไว้
แล้วก็ยังมีพวกที่อยู่ในรูเนิน พรั่งพรูออกมาเหมือนกับได้รับคำสั่ง ทันใดนั้นรอบๆของพวกหลานเยาเยาก็จมอยู่ในสีแดงเลือด
“เยาเยา พวกเราถูกล้อมแล้ว”
ตาเย่หลีเฉินประกาย จับแขนของหลานเยาเยาไว้ แล้วพูดกับนางอย่างหนักแน่น:
“เจ้าต้องหนีออกไป ห้ามให้ยาฉางตานตกอยู่ในมือของราชครูใหญ่”
“เจ้าจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นเย่หลีเฉินเหมือนตัดสินใจอะไรได้ ปฏิกิริยาแรกของหลานเยาเยาก็คือ พลิกมือจับเขาไว้และส่ายหัว
“ไม่ได้ ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ห้ามยอมแพ้”
อีกอย่าง พวกเขายังมีโอกาส
“เยาเยา……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
หลานเยาเยาตัดบท มองกองทัพมดทะเลทรายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บินก็บินออกไปไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้น!
จู่ๆหางตาก็เห็นร่างสูงสีขาวที่คุ้นเคย เมื่อหันไปมอง ร่างสีขาวนั้นก็หายไปแล้ว มีเพียงแต่ใบหน้าหยิ่งยโสของส้งเย่นกุย ที่ยืนนิ่งๆอยู่นอกวงล้อมของกองทัพมด