หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 542 ความหวานสั้นๆ
บทที่ 542 ความหวานสั้นๆ
“เยาเยา ข้าคิดถึงเจ้า”คิดถึงมากๆจริงๆ
ตั้งแต่เห็นนางก็อยากพูดประโยคนี้
แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจแล้ว
ก็รู้อยู่ว่าเรื่องที่นางอยากทำ จะทำอย่างไม่ลังเล แต่เขาก็ไม่ควรปล่อยนางจากตัวเองมาคนเดียว แม้ว่าจะต้องมัด ก็จะต้องมัดนางไว้ข้างกายตัวเอง ความเจ็บปวดและความทรมานทั้งหมด ก็ควรจะให้เขารับไว้
นางควรที่จะมีความสุข ได้กินอาหารทั้งโลกก็ไม่เป็นไร ได้ตั๋วเงินทั้งโลก ทำเรื่องทุกอย่างที่นางมีความสุข
รอหลังจากเรื่องทั้งหมดมันจบ นางอยากไปไหน จะพานางไปที่นั่น……
สุดท้ายก็เป็นหลานเยาเยาที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ผลักเย่แจ๋หยิ่งออกไป เขาจึงปล่อยนางอย่างเศร้าๆ แต่แม้จะปล่อยแล้ว มือใหญ่ก็ยังจับมือนางไว้อย่างไม่ยอม
“ไม่ให้กอดแล้วยังไม่ให้จับมืออีก?”เขาเรียกร้อง
“ไม่ได้ไม่ให้ ตอนนี้พวกเราต้องคุยเรื่องจริงจัง”เรื่องจริงจังร้ายแรง
“อื้ม!”แต่มือก็ยังไม่ปล่อย จากนั้นก็มองตานาง “คุยเลย!”
“อาการบาดเจ็บบนตัวเจ้าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงรุนแรงถึงขั้นนั้น?”
ก่อนหน้านี้ที่เขาจับชีพจรให้เขา ก็พบว่าร่างกายของเขาแย่มาก อวัยวะภายในทั้งหมดเหมือนเกินพิกัด กำลังก็ถูกใช้เกินจนหมด……
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาตั้งใจเด็ดเดี่ยว เขาจะต้องล้มลงไปแน่
“พูดประโยคเดียวก็เพราะอยากเจอเจ้าเร็วๆ”
หลังจากนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็พูดว่าตอนที่อยู่ที่เพาะพันธ์ุดอกกระดูกขาวได้เจอกับนักฆ่าและโดนซุ่มโจมตี แล้วก็พลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นอย่างไร ตลอดทางที่มุ่งไปยังทะเลทราย ได้เห็นเครื่องหมายที่นางทิ้งไว้
เรื่องที่ได้รับบาดเจ็บ ก็พูดสรุปง่ายๆประโยคเดียว
เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร แต่หลานเยาเยากลับทำหน้าขรึม พูดตำหนิว่า:
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ของเจ้าตอนนี้มันแย่มาก?”
เย่แจ๋หยิ่งที่ถูกนางโมโหใส่ก็ตกใจเล็กน้อย แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักขึ้นมาทันที
“มีเจ้า ก็ไม่กลัวว่าจะแย่!”
“ข้าไม่สามารถอยู่กับเจ้าได้ตลอดชีวิต ตอนนี้ข้า……อื้อ……”ประโยคด้านหลังยังไม่ทันได้พูดออกมา ปากก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากอย่างกระทันหัน
ริมฝีปากเย็นเล็กน้อยของเขา ลิ้มรสอยู่บนริมฝีปากนางอย่างละเอียด ราวกับกำลังชิมขนมล้ำค่า เห็นๆอยู่ว่าต้องการมากกว่านี้ แต่ก็จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้
หลังจากนั้นครู่นึง!
เขาถึงปล่อยนางไปทั้งๆที่ยังไม่สมใจ
“เจ้าคือคนที่จะอยู่กับข้าไปตลอดชีวิต ไม่มีเจ้า อาการป่วยของข้าก็ไม่จำเป็นต้องดี ดังนั้นนะเยาเยา เจ้าสบายดี ข้าก็สบายดี”
เสียงทุ้มต่ำ มีความแหบแห้งเล็กน้อย
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยาก็ปวดใจ
สบายดีหรือ?
จะสบายดีได้อย่างไร? อย่างมากนางก็มีชีวิตได้มากสุดสามวัน
ดังนั้น นางจึงหยิบเม็ดยาสองสามเม็ดที่มีสีต่างกันออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แล้วก็หยิบน้ำออกมา ส่งให้เขาตรงหน้า
“รีบกินยา”
“ป้อนข้า!”เย่แจ๋หยิ่งยกรอยยิ้มมุมปาก ออดอ้อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ยานั้นขม พอเจ้าป้อนมันก็หวาน”
พูดๆไป เย่แจ๋หยิ่งก็ดึงแขนเสื้อนางส่ายไปมาเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและความรู้สึกเหมือนเด็กว่า ถ้าเจ้าไม่ป้อน ข้าก็ไม่กิน
หลานเยาเยายกมุมปากเล็กน้อย
สงสัยมากจริงๆว่าเย่แจ๋หยิ่งนั้นบาดเจ็บตรงไหน เห็นชัดว่าสมองเผาไหม้ไปแล้ว ถึงได้ออดอ้อนนางขึ้นมา
ดังนั้น!
ทำหน้านิ่ง เท้าสะเอว พูดด้วยน้ำเสียงสั่งการ:
“รีบ!กิน!ยา!”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลานเยาเยา เย่แจ๋หยิ่งก็แอบพูดไม่ดีออกมา “อือ” และกินยาเข้าไปเงียบๆ แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่ม กัดแกร๊กๆและกลืนเข้าไป
“ไม่ขมหรือ?”
ถ้าไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ใครจะกินยาแบบนี้กัน?
เย่แจ๋หยิ่ง : “ไม่รู้”
“หมายความว่าอย่างไร?” ขมไม่ขมก็ไม่รู้เหรอ?
หลานเยาเยาขมวดคิ้ว กำลังสงสัยว่าเย่แจ๋หยิ่งสูญเสียการรับรสไปหรือไม่ เขาก็เอนตัวมา มองจ้องใบหน้าเขาที่จู่ๆก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
ริมฝีปากแนบชิดกันอีกครั้ง ครั้งนี้เย่แจ๋หยิ่งไม่ใช่แค่ลิ้มรสแล้วก็หยุดแล้ว แต่กลับเข้ารุกและครอบครอง จูบที่ไม่คิดถึงความเป็นส่วนตัว
เดิมทียังมีรสชาติของความขมเล็กน้อย แต่พอเย่แจ๋หยิ่งกวาดลิ้น ทันใดนั้นก็มีรสขมอยู่ทั่วปาก
“เย่แจ๋หยิ่ง……อื้อ……ปล่อยข้า……”
หลานเยาเยาอยากปัดเขาออก แต่กลับถูกเขาจูบจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง เห็นๆอยู่ว่าใช้แรงผลักเขาออก สุดท้ายพอไปอยู่บนร่างกายกลับเป็นการผลักเบาๆอย่างออดอ้อน
จนกระทั่งรสขมค่อยๆจางหายไป เย่แจ๋หยิ่งถึงจะปล่อยนาง และถามกลับว่า
“หวานแล้วใช่ไหม?”
“หวาน?”
ริมฝีปากบวมแดงเล็กน้อยของหลานเยาเยาบ่นพึมพำ โมโหยกมือขึ้นจะตีเย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งที่คาดไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ก็แฉลบตัวออก และวิ่งไป
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าหยุดเลยนะ”
“ไม่ได้ เหลียงเฉินบอกข้าว่าสามีควรจะเป็นผู้นำ แสดงคุณลักษณะของสามีออกมาอย่างเต็มที่ ข้าก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลดี”คำพูดนี้พูดออกมาอย่างมีพลัง
“เหลียงเฉินเองก็เชื่อฟังภรรยา แอบตามจีบเสี่ยวฮัวมาสามปี ก็ยังไม่ติด เสี่ยวฮัวบอกให้ไปตะวันออก เขาไม่กล้าไปตะวันตก เจ้ายังหวังให้เขามาสอนอีกเหรอ?” นางโมโหมาก ไล่จะตีเย่แจ๋หยิ่ง
ทันใดนั้น!
ก็มีเสียงม้าร้องฮี้ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ หลานเยาเยาหยุดฝีเท้าทันทีและมองไปตามเสียง ก็เห็นม้าเหงื่อโลหิตผอมแห้งตัวหนึ่งวิ่งมาทางนาง วิ่งไปพร้อมกับส่งเสียงร้องฮี้กับนาง
คือสวนหยู่!
หลังจากมรสุมทะเลทรายก็ไม่เคยเจอมันอีก หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องต่างๆ นางถึงขั้นคิดว่ามันน่าจะรอดกลับมายากแล้ว
คิดไม่ถึงว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ ดีเหลือเกิน!
“สวนหยู่!”
หลานเยาเยาเอานิ้วชี้เข้าปาก และเป่าเป็นนกหวีด
สวนหยู่ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น
ทันทีที่พุ่งมายังข้างกายนาง สวนหยู่ก็ถูๆนางตลอด ทั้งยังส่งเสียงสะอื้น ทำให้นางอย่างปวดใจ กอดหัวสวนหยู่อยู่นางไม่ยอมปล่อย
“แค่กแค่ก!”
เย่แจ๋หยิ่งไอขึ้นมาเบาๆ
พบว่าหลานเยาเยากอดสวนหยู่ ไม่สนใจเขา จึงอดไม่ได้ที่ฉายความไม่พอใจออกมา มองสวนหยู่ด้วยสายตาที่เย็นชา
พอมาถึงก็แย่งความรักของเยาเยาไป……
พอคิดถึงตอนที่สวนหยู่อยู่กลางทะเลทราย หิวจนแทบไม่มีแรงเดิน แถมยังคาบผ้าของหลานเยาเยา พยายามเดินไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต
สายตาก็ค่อยๆอ่อนลง ก้าวไปข้างหน้าและลูบหัวมัน
จากนั้นก็เห็นเล่หกของเขามาแล้ว รีบยกมุมปากขึ้น ตรงไปลากบังเหียนของเล่หก พาเล่หกมาตรงหน้าสวนหยู่
ทันทีที่เห็นเล่หก สวนหยู่ที่กำลังเพลิดเพลินกับการกอดของหลานเยาเยา ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที และถูๆหัวของเล่หก
หลานเยาเยา: “เป็นอะไร? สวนหยู่”
เย่แจ๋หยิ่ง: “เล่หกมาแล้ว”
“……”สวนหยู่ม้าเจ้าชู้ตัวนี้ เมื่อเห็นคนรักก็ไม่ต้องการนางที่เป็นเจ้านายแล้ว
มองสวนหยู่ที่ผละออกจากอ้อมกอดของตัวเอง หมุนไปสนิทสนมกับเล่หก หลานเยาเยาก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เห็นท่าทางของเล่หกที่สนิทสนมกับสวนหยู่มาก
นางไม่สามารถแย่งสวนหยู่กลับมาได้แล้วใช่ไหม?
“เยาเยา เล่หกไม่ได้เกิดความชอบง่ายๆ เจ้าจะมาบังคับให้เลิกรักกันไม่ได้”
“ข้า……”นางจะทำที่ไหนกัน?
เพียงแต่อารมณ์ที่ตนเองเลี้ยงม้ามาจนโต จะถูกคนอื่นแย่งไปไม่มีใครเข้าใจนาง นางกลัดกลุ้มมาก
“เจ้าควรจะดูแลข้าเยอะๆ”
“ทำไม?”
“ข้าถูกเจ้าไม่สนใจตั้งนาน ไม่ควรจะชดเชยหน่อยรึ?”เย่แจ๋หยิ่งทำหน้าเย็นชาไม่พอใจ
“……”ท่าทางของเขา สีหน้าที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่บอกว่าจูบหน่อย
ทั้งสองคนเดินไป พูดคุยไป ในบางครั้งหลานเยาเยาก็ถูกเอาเปรียบอย่างงงๆ โมโหจนนางอยากจะตีคน ไม่ยอมแพ้ที่จะตีเขาให้ได้
ฉากที่สวยงามฉากนี้ ถูกชายผู้หนึ่งยืนดูอยู่จากที่ไกลๆ
นัยน์ตามีความริษยา อิจฉา สุดท้ายก็คือปล่อยวาง
ที่แท้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเสด็จอา หลานเยาเยาถึงจะเป็นหลานเยาเยาจริงๆ ไม่มีอะไรมาเจือปน อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากโมโหก็โมโห ไม่ต้องเก็บอะไรไว้ทั้งนั้น……