หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 553 การตกใจตื่นจากฝันของฮ่องเต้รุ่นแรก1
บทที่ 553 การตกใจตื่นจากฝันของฮ่องเต้รุ่นแรก1
รอจนจื่อเฟิงมาถึงด้านหน้าของพวกเขา ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ก็ขมวดคิ้วแน่น ถามอย่างลากลำบาก :
“คุณหนูล่ะ? องค์ชายรัชทายาท?”
บรรดาผู้คนเพิ่งได้สังเกตว่าไม่เห็นเย่หลีเฉินแล้ว พาศพของหลานเยาเยาหายไปพร้อมกัน
ทุกคนรีบหาโดยรอบ ค้นหาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ค้นหาแทบจะทุกที่ใกล้เคียงโดยรอบแล้วรอบหนึ่ง ก็หาคนไม่พบ สุดท้ายยังเป็นเขาที่กลับมาเอง
เพียงแค่……
กลับมาเพียงเขาผู้เดียว
สีหน้าจื่อซีเต็มไปด้วยความโกรธ พุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของเขา ซักถามอย่างเด็ดขาด :
“คุณหนูล่ะ?”
ดวงตาของเย่หลีเฉินค่อนข้างโศกเศร้า โดนจื่อซีคว้าไว้แน่นจนหวาดกลัวเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่ง เขามองไปทางเย่แจ๋หยิ่งที่ยังคงสลบไสล ท้ายที่สุดเหมือนว่าได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วเช่นนั้น ยิ้มบางๆ
“นางไปแล้ว”
“ไปแล้ว? ท่านโกหกผีน่ะสิ! รีบพูด ท่านเอาคุณหนูไปไว้ที่ไหน?” คุณหนูตายแล้ว นางจะสามารถไปได้อย่างไรอีก?
พูดจบ!
จื่อซีได้ชักดาบพกออกมาแล้ว ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางต้องการจะบังคับให้เขาบอกเบาะแสศพคุณหนูของตัวเองออกมาให้ได้
เมื่อเย่หลีเฉินโกรธ
หลังจากผละออกจากจื่อซี โซเซก้าวหนึ่ง กล่าวพร้อมความโกรธเล็กน้อย :
“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรกับนางหรือ?” จบประโยคนี้ เสียงของเขาแหบเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ข้าจะสามารถทำอย่างไรกับนางได้อีก?”
เพราะเหตุนี้ทำให้เสด็จอาคิดทำทุกวิถีทางเก็บศพของหลานเยาเยาไว้ เศร้ารันทดทั้งชีวิต สู้ทำให้เขามีความรำลึกยังจะดีกว่า มีชีวิตดีๆต่อไป
นี่คือสิ่งที่หลานเยาเยาต้องการ
เขาต้องทำสุดความสามารถเป็นธรรมดา ทำธุระเพื่อนางด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตัวเองสามารถทำได้ แม้ว่าจะต้องทำทุกวิธี เขาก็ไม่เสียดาย
“เช่นนั้นคุณหนูอยู่ที่ไหน?”
คนที่เหลือล้วนมองไปทางเขา ในตานอกจากความโศกเศร้า ก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เย่หลีเฉินไม่สนใจจื่อซี หมุนตัวเดินไปถึงข้างกายของเย่แจ๋หยิ่งแบกเขาขึ้นมา วางไว้บนหลังเล่หก ดึงบังเหียน มองดูองครักษ์ลับไม่กี่คนที่รออยู่ด้านนอก
นั่นคือองครักษ์ลับที่ก่อนหน้านี้เย่แจ๋หยิ่งเป็นผู้นำเข้ามาที่ใต้ดินของวังทอง เหลือองครักษ์ลับไว้สามคน ม้าและสัมภาระเดินทางล้วนดูแลโดยพวกเขา
หันกลับไปทางไม่กี่คนที่รอคำตอบของเขา ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พูดอย่างแผ่วเบา :
“หลานเยาเยาไปแล้ว ถูกผู้ที่เรียกว่าพระคุณเจ้าหยวนซูพาไป เขาบอก เขากับหลานเยาเยามีความผูกพันที่แก้ไม่ได้ ยังบอกว่าบนโลกนี้มีวิธีที่สามารถทำให้คนที่ตายแล้วฟื้นได้ แต่พานางไปได้เพียงผู้เดียว
ข้ารู้สึกว่า เพราะเหตุนี้ทำให้เสด็จอาคิดทำทุกวิถีทางเก็บร่างกายของนางไว้ เฝ้ากอดร่างศพศพหนึ่งไว้แล้วเสียใจไปตลอดชีวิต สู้พยายามครั้งสุดท้ายแม้ความหวังจะริบหรี่ยังดีซะกว่า ให้เขา ให้พวกเจ้า เหลือความคิดถึงไว้ให้แก่คนบนโลก
ข้ารู้ ทางเลือกเช่นนี้ไม่ดีมากๆ และไม่ฉลาด แต่ทว่าก็เป็นความหวังอย่างหนึ่ง”
หลานเยาเยาเป็นคนรักทั้งชีวิตของเสด็จอา
ความลึกซึ้งแห่งความรัก เปรียบได้กับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ สูญเสียนาง แม้ว่าจะใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพราะคำสั่งเสียก่อนที่นางจะเสียชีวิต แต่ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ก็เหมือนศพเดินได้
บรรดาผู้คนเงียบแล้ว……
พวกเขาไม่รู้ว่าควรไม่ควรเชื่อ
แต่ เป็นคนก็ล้วนต้องมองออก เย่หลีเฉินมีใจต่อหลานเยาเยา
เขาจะไม่หาที่ฝังนางลวกๆ จากนั้นก็แต่เรื่องโกหกพิสดารเรื่องหนึ่ง มาหลอกลวงพวกเขา
บางทีที่เขาพูดเป็นความจริง
มองดูสีดำดั่งหมึก ชั้นเมฆฟ้าคะนองฟ้าแลบที่เหมือนดังวังวน เย่หลีเฉินยื่นมือชี้ท้องฟ้า สาบานต่อสวรรค์ :
“ข้าเย่หลีเฉินใช้ชีวิตเพื่อสาบาน หากพูดปลดแม้ครึ่งประโยค ชีวิตนี้……ให้มีชีวิตที่ไม่สงบสุขตลอดไป หลังจากตายไปแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกต่อไป”
หากว่าเช่นนี้สามารถทำให้พวกเขาเชื่อได้ แม้ว่าการสาบานจะเป็นจริงแล้วอย่างไร?
ท้ายที่สุดพวกเขาเลือกที่จะเชื่อ มองดูเย่หลีเฉินฝืนลากเล่หกจากไปช้าๆ คนที่เหลือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบตามจากไป
เดินไปไกลมากแล้ว ขณะที่คนอื่นไม่ได้สนใจ เย่หลีเฉินก็อดที่จะหันกลับไปไม่ได้ในที่สุด มองไปทางสถานที่ที่ซ่อนฝังหลานเยาเยา
รอข้า……
ข้าจะกลับมา
กลับมาสร้างหลุมศพที่งดงามตระการตาให้เจ้า
หลังจากพวกเขาจากไป ชั้นเมฆที่เหมือนกระแสน้ำวนค่อยๆเชื่อมกับบนพื้นเหมือนดั่งพายุทอร์นาโด ฟ้าร้องฟ้าผ่า ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่มีท่าทางปัญญาชนผู้หนึ่งมาเดินมาช้าๆ มองดูเมฆเป็นชั้นๆที่เหมือนพายุทอร์นาโด สีหน้าเคร่งเครียด มือกำเป็นหมัดแน่น
พึมพำในปาก :
“จะต้องมาเป็นแน่ จะต้องแน่ๆ”
แต่รอจนฟ้าผ่าหยุดลง เมฆเป็นชั้นๆเหมือนวังวนค่อยๆจางไป ท้องฟ้าที่มีลักษณะเป็นรูสีดำก็ค่อยๆฟื้นคืนสู่สภาพเดิม
สุดท้ายเขาคุกเข่าลงมา……
ทำไมไม่มา?
หรือว่าการรอคอยหลายพันปี แลกมาเพียงแค่มองดูท่านตายด้วยตาตัวเองอีกครั้งงั้นหรือ?
“เจ้านาย ท่านผิดสัญญาแล้ว”
ไม่รู้ว่าคุกเข่านานเท่าไหร่ รอจนเขาลุกขึ้น ฟ้าก็มืดแล้ว ยามสนธยาเคลื่อนไป ทั้งร่างของเขามึนงง ไร้ท่าทางที่สะอาดสะอ้านไปนานแล้ว ชำเลืองมองพระอาทิตย์อัสดง เขาเดินไปทางพระอาทิตย์ตกอย่างเหนื่อยล้า
เดินไปเดินไป เขาก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน ทันทีที่มองย้อนไป เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า แยกไม่ออกว่าในใจของตัวเอง คือความเศร้าหรือปีติกันแน่ เป็นความทุกข์หรือเสียใจ รู้สึกเพียงอวัยวะภายในกำลังแปรปรวนอย่างเฉียบพลัน สุดท้ายเบ้าตาแดงแล้ว……
—
ล้วนกล่าวกันว่าคนตายไม่สามารถฟื้นคืน
แต่ว่า หลังจากตายแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?
หลานเยาเยายังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ประสบการณ์ครั้งแรกกลับพบว่า ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ มีเพียงสีขาวไร้ขอบเขตทั้งผืน ราวกับว่ามองไม่เห็นที่สิ้นสุดนิรันดร์กาล และตัวเองทำได้เพียงเดินไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ก็เหมือนความฝันเช่นนั้น
ลมจากทิศเหนือพัดโชย หนาวเหน็บดั่งวันเพ็ญเดือนสิบสอง
เกล็ดหิมะเล็กๆตกลงมาท้องฟ้า ร่วงลงในอุ้งมือ ค่อยๆละลาย
กลับรู้สึกไม่ได้ถึงความอุ่นแม้แต่น้อย
ในไม่ช้า เกล็ดหิมะสีขาวก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ลอยละลิ่วเต็มฟากฟ้า
หิมะตกแล้ว
ผืนสีขาวไร้ขอบเขตเบื้องหน้าค่อยๆชัดเจนขึ้น มีกลุ่มคนพลุกพล่าน เสียงดังจอแจ ยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพเซียนแวบผ่านไป แผ่กระจายความน่าเกรงขามและความเย็นเฉียบของผู้เป็นกษัตริย์
เย่แจ๋หยิ่ง? !
ทำไมเขาก็อยู่ด้วย?
ไม่ถูก เขาไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่ง……
แต่เซียนชุดขาวปรากฏตัวเพียงในภาพลวงตาเท่านั้น สวมใส่ชุดขาวทั้งตัว งดงามไม่เหมือนคนธรรมดา
ฉันพลันนั้น เงาร่างคนอีกผู้หนึ่งก็แฉลบผ่านข้างกายไป เหมือนกับว่าค่อนข้างรีบร้อน
“ฮ่องเต้ ฮ่อง……”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ยังคงความอ่อนเยาว์ มีความห้าวหาญอยู่บ้าง กลับแต่งตัวแบบจอมยุทธ แต่งตัวไม่เข้ากับวัยเป็นอย่างมาก มองดูบุคคลด้านหน้าที่เดินอย่างรวดเร็ว เขารีบสาวเท้าตาม เปิดปากแล้วร้องเรียกอย่างเคารพ
แค่เพิ่งจะร้องออกจากปาก ก็ถูกสายตาที่เย็นยะเยือกของฮ่องเต้ทำให้ฝืนกล้ำกลืนกลับไป
จากนั้นเสียงร้องเรียกแผ่วเบา : “คุณชาย”
อดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ
ฮ่องเต้อยู่ดีๆก็เลิกการว่าราชการ พาเขามาที่เมืองหยินไห่ที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญเพียงผู้เดียว
“มีเรื่องก็ว่ามา”
เสียงของฮ่องเต้เย็นชา ทั้งๆที่ตั้งใจกดเสียงต่ำ พยายามพูดจาให้มีไมตรีจิตเล็กน้อย แต่ยังเป็นเส้นเสียงที่มนุษย์ห้ามเข้าใกล้ชนิดนั้นอยู่
“คุณชาย ในบ้านยังมีเรื่องมากมายให้จัดการ ท่านจะกลับไปเมื่อไหร่ขอรับ?”
ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองกระวนกระวายแทบบ้าแล้ว
ในมือเขาได้รับจดหมายลับกองเป็นภูเขาแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นข่าวสารเร่งเร้าให้ฮ่องเต้กลับราชสำนักของขุนนางผู้ใหญ่ ยังบอกว่าในราชสำนักมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น สาสน์กราบทูลข้อราชการก็สามารถนำมาถมพระราชวังได้แล้ว
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่ง ทั้งที่เพิ่งจะเป็นวัยกลางคน ก็หัวขาวเพื่อเรื่องของราชสำนักแล้ว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขู่ในจดหมาย หากว่าฮ่องเต้ยังไม่กลับไป เขาก็จะแขวนคอตายในท้องพระโรง
หนุ่มน้อยร้อนใจดั่งไฟเผา
ฮ่องเต้กลับไม่แยแสโดยสิ้นเชิง หัวเราะเบาๆ :
“ยอมเชื่อว่าบนโลกนี้มีผี ก็ไม่เชื่อลมปากนั้นของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขารึ ก็กลัวความวุ่นวาย”
“ขอรับ” หนุ่มน้อยเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
อดเห็นใจผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ถูกเรื่องมากมายในราชสำนักทำให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หัวขาวไม่ได้
เดินได้ไม่กี่ก้าว หนุ่มน้อยถามอีก :
“คุณชาย ท่านมาทำอะไรที่นี่กันแน่ขอรับ?”
“หาหมอเทวดาผู้หญิง ร่างกายข้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงนางที่รักษาได้”
ซ่างกวนหนานซู่ เจ้าโกหกข้าอย่างสาหัสมาก
นึกไม่ถึงว่าที่แดนหลงเสียนจะกล้าแกล้งตายแล้วหนีไป รอข้าจับเจ้าได้ ข้าจะตัดหัวเจ้าเก้าชั่วโคตร
หนุ่มน้อยมองดูนิ้วมือที่หนังถลอกนิดหน่อยของฮ่องเต้ หากไม่สนใจ ก็มองไม่ออกจริงๆว่าเป็นแผล ทำให้พูดไม่ออก