หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 576 ไปชื่นชมสาวงาม
บทที่ 576 ไปชื่นชมสาวงาม
ถังมู่หวั่นชื่อนี้ หลานเยาเยาคุ้นเคยยิ่งนัก
หากบอกว่าหลานชิวหยุนที่ตายในเรือแห่งความสิ้นหวังคือสมองระดับที่หนึ่งที่น่าอกใหญ่ไร้สมอง เช่นนั้นคุณหนูสามฉินหลิงเจียวจวนสิงปู้ช่างชู และลูกสาวของไท่ฟู่หลินเฟยหรันก็คือสมองระดับที่สองแล้ว
เช่นนั้นหลานจิ่นเอ๋อที่ทำให้นางหลงกลได้ก็นับได้ว่าเป็นสมองระดับที่สาม
แต่คนเหล่านี้เทียบกับถังมู่หวั่น พวกนางล้วนเป็นเศษเดนทั้งสิ้น
ถังมู่หวั่นแผนสูงลึกล้ำ ไม่เคยเผยจิตใจความคิดของตัวเองออกมาให้เห็น แต่กลับหลอกใช้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย เพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตัวเอง
เพียงแค่……
ถังมู่หวั่นจะสามารถแผนสูงได้นานขนาดนี้จริงๆเชียวหรือ?
หรือว่าเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความบังเอิญเท่านั้นจริงๆ?
สองชั่วยามต่อจากนั้น
คนที่เย่หลีเฉินส่งออกไปกลับมาแล้ว องครักษ์ที่เคยเข้าร่วมที่สวนดอกไม้นานาพันธุ์กับการตรวจนับศพคนโดนมนต์ดำ ทั้งหมดได้รับตรวจสอบทีละคน ตอนนั้นพวกเขาเห็นถังมู่หวั่นร่วมนับศพด้วยคนโดนมนต์ดำด้วยจริงๆ
และเกษตรกรดอกไม้ที่เคยอยู่ที่สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ก็จากคนต่างจากไปแล้ว หากต้องการตรวจสอบที่มาที่ไปในเวลานั้นอย่างละเอียด เกรงว่าในเวลาอันสั้นจะเป็นไปไม่ได้
เดิมทีเย่หลีเฉินยังคิดส่งคนไปถามถังมู่หวั่น หลานเยาเยาให้ข้ออ้างแหวกหญ้าให้งูตื่นมาหยุดยั้ง
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับถังมู่หวั่น นางล้วนไม่ต้องการให้นางรู้ชั่วคราว
แต่ว่า มีจุดหนึ่งที่นางรู้สึกแปลกประหลาดใจมาก
“หอเฟิ่งหวงของทะเลสาบหนานหูเป็นใครสร้าง?”
“ถังเฉิงเสี้ยง!”
“ถังเฉิงเสี้ยงไหน? ท่านพ่อของถังมู่หวั่น?”
“ถูกต้อง!”
สำหรับถังเฉิงเสี้ยง แม้เย่หลีเฉินจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เขามีคุณงามความดีต่อประเทศเป็นอย่างมากจริงๆ เป็นขุนนางที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้ความสำคัญ
เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อได้รับตำแหน่ง ก็จัดการคนแล้ว
“ข้าได้ยินว่าหนึ่งปีก่อนเพราะคดีคนโดนมนต์ดำของสวนดอกไม้นานาพันธุ์ รวมถึงในคดีดอกกระดูกขาวในสระบัวได้ถูกไต่สวนถอดถอนจากตำแหน่งแล้ว แต่ทำไม…….”
คำพูดด้านหลัง หลานเยาเยาไม่ได้พูด แต่เย่หลีเฉินกลับเข้าใจแล้ว
“สวนดอกไม้นานาพันธุ์เป็นฮ่องเต้พระองค์ก่อนพระราชทาน แม้ว่าคดีคนโดนมนต์ดำและดอกกระดูกขาวในสระบัวจะเกิดขึ้นในสวนดอกไม้นานาพันธุ์ทั้งหมด แต่ยุคสมัยเนิ่นนาน ไม่เหมือนกับฮ่องเต้พระองค์เก่าพระราชทานให้
ด้วยเหตุนี้ ถังเฉิงเสี้ยงถึงแม้จะมีความผิด แต่อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงจัดการลดขั้นขุนนาง
ในราชสำนักรากฐานของเขาหยั่งลึกมาก บวกกับสร้างทะเลสาบหนานหู ทดน้ำเข้านาดี แล้วยังซ่อมบำรุงหอเฟิ่งหวงอีก ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แล้วยังเสนอแผนการเสนอนโยบาย ยังมีแรงกดดันจากเสด็จย่าอีก นอกจากให้ข้าคืนยศขุนนางให้เขา ข้าจะสามารถทำอย่างไรได้อีก?
เขาอยู่ในหนึ่งปีนี้ ถังเฉิงเสี้ยงระมัดระวังตัวมาก กระทำการรอบคอบ หาจุดผิดไม่ได้สักที่ ข้ายิ่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้แล้ว
ฮ่องเต้เช่นข้านี้เป็นได้อย่างไร้ประโยชน์มาก เสด็จอาก็ไม่ยอมช่วยข้าอีก”
พูดถึงสุดท้าย เย่หลีเฉินก็รู้สึกน้อยใจ
ขณะที่เสด็จพ่อดำรงตำแหน่ง เสด็จพ่อหวาดกลัวเสด็จอา แอบลอบสังหารหลายต่อหลายครั้ง หาจุดผิดทุกอย่างมาบังคับกดดัน ล้วนทำไม่มีทางทำอะไรเสด็จอาได้แม้แต่เล็กน้อย เขาเลื่อมใสเป็นที่สุด
ตอนนี้กลับดี เสด็จย่าใช้อำนาจฉวยโอกาสแทรกแซงราชสำนัก ถังเฉิงเสี้ยงก็นั่งตำแหน่งเฉิงเสี้ยงอย่างมั่งคง อำนาจในราชสำนักพัวพันซับซ้อน เขาล้วนสงสัยแล้วว่าประเทศศัตรูได้ยื่นมือเข้ามาในราชสำนักแล้ว
เสด็จอากลับสนใจก็ไม่อยากจะสนใจ เตรียมให้เขาเกิดขึ้นแล้วดับสูญไปเอง!
หลานเยาเยาชำเลืองมองเย่แจ๋หยิ่งที่เอนพิงบนเก้าอี้เคลือบสีแดงแวบหนึ่ง หน้าหันออกนอกหน้าต่าง ราวกับว่าสำหรับเรื่องที่พวกเขาพูด ไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย
ถังเฉิงเสี้ยงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เข้าใจการเอาตัวรอดอย่างฉลาดแจ่มแจ้ง จุดนี้เย่แจ๋หยิ่งรู้เป็นธรรมดา
ไทเฮา อ่อไม่ ตอนนี้ควรจะเป็นไทหวงไทเฮา(คำที่เรียกย่าของฮ่องเต้) นางก็ไม่ใช่คนที่ซื่อๆจัดการได้ง่าย ตั้งใจอยากควบคุมราชสำนักตลอด อันนี้เย่แจ๋หยิ่งก็รู้เช่นกัน
ขณะที่เย่หลีเฉินเป็นไท่จื่อ ฮ่องเต้สุนัขนั่นก็ไม่ให้เขาสัมผัสกับอำนาจจริงๆ ดังนั้นอำนาจอิทธิพลอ่อนแอ
ตอนนี้เป็นฮ่องเต้แล้ว ไม่มีอำนาจบารมีอะไรเป็นธรรมดา
ขณะนี้มีเพียงเย่แจ๋หยิ่งสามารถช่วยเขาได้ แต่เย่แจ๋หยิ่งกลับนั่งดูไม่สนใจ เย่หลีเฉินไม่รู้สึกอัดอั้นน้อยใจก็แปลกแล้ว
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงรอทางท่านมีเบาะแสแล้ว ฮ่องเต้ ท่านวันๆมีงานร้อยพันเรื่องให้จัดการ งานยุ่งรัดตัว น่าจะไม่สะดวกที่จะอยู่ที่นี่นานๆหรอกนะ!”
เมื่อเย่หลีเฉินได้ยิน ก็ไม่เต็มใจในพริบตา
ไม่ง่ายที่พบเจอเสด็จอาครั้งหนึ่ง ก็กลับไปเช่นนี้แล้ว ไม่เต็มใจจริงๆ
ฉับพลันนั้นเขาพบว่า ตอนนี้เสด็จอาของเขาเชื่อฟังคำพูดของซ่างกวนหนานซู่มาก เขาจำเป็นต้องเข้าใกล้ซ่างกวนหนานซู่ หนึ่งคือเพื่อความปลอดภัยของเสด็จอา สองคือเพื่อเรื่องคนโดนมนต์ดำ สามคือ……
สามคือ เขาสงสัย ซ่างกวนหนานซู่จะต้องความสัมพันธ์ซับซ้อนเกี่ยวข้องกับหลานเยาเยาแน่นอน
ไม่เช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เสด็จอาจะปฏิบัติดีต่อคนคนหนึ่งอย่างมีเหตุผล
ด้วยเหตุนี้ รีบกล่าวทันทีว่า :
“ไม่รีบไม่รีบ เรื่องของข้า เสด็จย่ายังใส่ใจมากกว่าข้า ข้ายิ่งว่างเสด็จย่ายิ่งพอพระทัย อีกครู่พวกท่านจะไปที่ไหนล่ะ?”
หลานเยาเยามองเย่หลีเฉินอย่างสงสัยแวบหนึ่ง มองอย่างสังเกตเงียบๆ จึงกล่าว :
“ไปหาสาวงามที่หนึ่งของเมืองหลวง ข้าชื่นชมมานานแล้ว รีบร้อนอยากไปเห็นใบหน้าที่งดงาม”
“คิดไม่ถึงว่าท่านจะไปดูผู้หญิง? นางมีอะไรน่าดู ไม่เช่นนั้นข้าเป็นเจ้าภาพ พาพวกท่านไปชมดอกไม้?”
ตอนนี้คนงามอันดับที่หนึ่งของเมืองหลวงคือถังมู่หวั่น
อายุยี่สิบช่วงบานสะพรั่ง แม่สื่อเหยียบจนประตูบ้านพังหมดแล้ว ยังไม่ยอมแต่งงานไปอีก
คนอื่นไม่รู้ เขายังจะไม่รู้เชียวหรือ? เหตุผลที่ถังมู่หวั่นไม่ยอมแต่งงาน ก็คือกำลังรอเสด็จอา
หากว่าสี่ปีก่อน หลานเยาเยาไม่ได้อารมณ์นิสัยเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเสด็จอา คาดว่าท้ายที่สุดที่แต่งด้วยกันกับเสด็จอาก็คือถังมู่หวั่นแล้ว อย่างไรเสียเวลานั้นทุกคนล้วนกล่าวว่า เสด็จอากับถังมู่หวั่นคือสวรรค์สร้างมาคู่กัน
เดิมทีเขาอยากพระราชทานงานแต่งให้ถังมู่หวั่น ตัดความคิดของนาง
แต่ใครจะรู้……
อารมณ์นิสัยของนางเปลี่ยนมากมายอย่างฉับพลัน วิชาการรักษาล้ำเลิศ ยังจะคลุมเสื้อสีแดงไปเต้นระบำที่หอเฟิ่งหวงบ่อยๆ ทั้งยังห่ออาหารอันโอชะแต่ละชนิดบ่อยๆ กินยกใหญ่ นิสัยเหมือนคนผู้หนึ่งเป็นที่สุด
จากความรักของเสด็จอาต่อหลานเยาเยา หากว่าเห็นนิสัยที่เปลี่ยนไปมากมายของถังมู่หวั่น ไม่รู้ว่าจะมีความรู้สึกอย่างไร
เขาไม่อยากให้เสด็จอากับถังมู่หวั่นพบกันในตอนนี้ ด้วยเหตุนี้แอบหยุดข่าวทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับถังมู่หวั่น เขายอมรับเขาเห็นแก่ตัว
เพียงเพื่อหลานเยาเยา
เขารู้ว่าเสด็จอาเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรัก และรู้ว่าเขารักหลานเยาเยาอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นหวังว่าเสด็จอาจะสามารถจดจำหลานเยาเยาได้นานอีกหน่อย
แต่ตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าซ่างกวนหนานซู่จะต้องการไปดูถังมู่หวั่น
เขากล้าพนัน หากว่าซ่างกวนหนานซู่ไปแล้ว เสด็จอาก็ต้องตามไปด้วยแน่ แน่นอนว่าเขาต้องการจะกีดกั้นทุกทาง
“ชมดอกไม้? ตอนเป็นฤดูหนาว อีกไม่นานก็สิ้นปีแล้ว ชื่นชมดอกไม้ที่ไหนกัน?”
ได้ยินคำนี้ เย่หลีเฉินวางตัวไม่ถูกทันที แต่ก็ยังจะปากแข็งแถข้างๆคูๆ
“ใครบอกว่าฤดูหนาวไม่มีดอกไม้ให้ชม? ในพระราชอุทยาน ดอกไม้แต่ละชนิดเป็นช่อๆ กล้วยไม้ออกดอกรอเบ่งบาน ต้นเหมยผลิบานมากเป็นที่สุด สีสันสดสวยแพรวพราวปรารถนาจะร่วงรวย ยังมี……”
“เช่นนั้นก็ขออภัย เทียบกับชมดอกไม้ ข้าชอบชื่นชมคนมากกว่า”
พูดจบ!
หลานเยาเยายังมองไปทางเย่แจ๋หยิ่งที่สง่างามดั่งภาพวาด “อ๋องเย่ ต้องการไปไหมขอรับ?”
“ข้าเป็นคนของเจ้า เจ้าไปที่ไหนข้าก็ไปที่นั่น”
เย่แจ๋หยิ่งลุกขึ้นแล้ว หลานเยาเยาก็เดินไปทางประตูห้องส่วนตัว
เห็นดังนั้น เย่หลีเฉินที่รู้อยู่ลึกๆว่าไม่มีทางกีดขวางได้ ยกเท้าแล้วจึงติดตามไป เกรงว่าช้าไปหนึ่งก้าว ทั้งสองคนก็จะสลัดเขาทิ้งเช่นนั้น
—
ไปที่จวนเฉิงเสี้ยงจึงได้รู้ ถังมู่หวั่นไม่อยู่ในจวน ไปพายเรือที่ทะเลสาบหนานหูแล้ว
ด้วยเหตุนี้หลานเยาเยารีบเปลี่ยนทางไปทะเลสาบหนานหูทันที
วันนี้ทะเลสาบหนานหูลมแรง บนผิวน้ำคลื่นทอประกายระยิบระยับ นักท่องเที่ยวสองสามคนข้างฝั่ง เรือเล็กในทะเลสาบลอยลำ น้ำของทะเลสาบเชื่อมต่อกับภูเขาสีเขียวที่อยู่ไกลๆ เหมือนดั่งภาพม้วนทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามเป็นเลิศ
กลับเป็นใจกลางทะเลสาบ มีเรือลำที่ใหญ่กว่าเรือพายมากนัก
นั่นเป็นเรือที่ใช้สำหรับการเที่ยวเล่นของลูกค้าพิเศษโดยเฉพาะ ได้ยินนักท่องเที่ยวบนฝั่งกล่าวว่า วันนี้ที่อยู่บนเรือลำนั้นคือคุณหนูใหญ่ถัง กับลูกหลานคนร่ำรวยที่ชอบการกินเป็นชีวิตไม่กี่คน
หลานเยาเยาหยิบเหรียญเงินแท่งหนึ่งให้คนขับเรือ ไม่กะพริบสักน้อย ก็ขึ้นเรือแล้ว
เพราะเหตุนี้ แววตาของเย่แจ๋หยิ่งชะงักลง ในตามีเพียงความสับสน……