หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่124 หนทางการไล่ตามเมียยังอีกยาวนาน
บทที่124 หนทางการไล่ตามเมียยังอีกยาวนาน
“เจ็บไหม?” เขาดูเหมือนถามอย่างห่วงใย
“ไม่เจ็บได้รึ? เลือดออกแบบนี้” หลานเยาเยากัดฟันตอบ
นางเช็ดๆรอยเลือดบนไหล่แต่พอเช็ดสะอาดเลือดก็ซึมออกมาอีกก็ยิ่งขุ่นเคือง
แม้เมื่อคืนวานนางจะทิ้งรอยจูบไว้ทั่วตัวเขาแต่นั่นก็แค่ดูดนะนางไม่ได้กัด
น่าโมโหจริงๆ!
ใครจะรู้……
คำพูดต่อไปของเย่แจ๋หยิ่งจะทำให้นางตะลึง
“เจ็บก็ถูกแล้ว!”
“……”หมายความว่าอะไรหล่ะ?
“เจ้ายั่วยุข้าก่อน” เขาพูดท่าทางนิ่งๆหลังจากนั้นก็เหลือบมองไหล่นางอย่างไม่ใส่ใจ บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ถ้ากล้ายั่วยุข้าอีกข้ากับเจ้าได้ตายกันไปข้าง!”
ไม่หรอกมั้ง!
รุนแรงขนาดนั้นเลย?
ดูท่าทางเย่แจ๋หยิ่งแล้วไม่ดูเหมือนล้อเล่น หลานเยาเยาก็รู้สึกสงสัย
คนนี้ช่างผูกพยาบาทเสียจริง
งั้นหลังจากนี้ไม่ดื่มเหล้ากับเขาก็พอ ถ้าอยากดื่มก็ไปดื่มกับคนอื่นเพื่อป้องกันทั้งไม่ให้เกิดการดื่มแล้วซี้ซั้วทำนู่นนี่และทั้งการไปยั่วยุเขา
“วางใจเถอะ! หลังจากนี้ข้าจะไม่ยั่วยุเจ้าอีก ใครยั่วยุคนนั้นเป็นหมา”
“……หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
เมื่อเห็นความไม่เชื่อในสายตาของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาก็กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ
ไม่ยั่วยุสิแปลก
ระบบของนางยังคงรอการเลื่อนขั้นอยู่นะ!
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ งั้นนางก็จะมาเงียบๆ จะให้เขาคิดว่าไม่ใช่นางที่เป็นคนยั่วยุก่อน แบบนั้นเขาก็จะไม่พูดอะไรแล้ว!
“สามีชายชาตรี ข้าไม่ผิดคำพูดเจ้าไม่ต้องกังวลไป”
นางพูดอย่างงี้ ความผิดชอบชั่วดีนางไม่รู้สึกเจ็บปวดสักนิด
ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่ชายชาตรีแต่เป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆก็เท่านั้น!
“เฮอะ!”
เย่แจ๋หยิ่งส่งเสียงฮึดฮัดเดินหมุนตัวไปทางโต๊ะ
หลานเยาเยาเหมือนกับคิดอะไรได้รีบเดินไปข้างหน้า แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งสวมเสื้อคลุมซ้ำยังลากพื้นอีกด้วย
นางเดินไปก้าวเดียวก็เหยียบไปบนเสื้อคลุมแล้ว หลังจากนั้นเสื้อคลุมก็ดูเหมือนอ่อนแรงมากถูกเหยียบหล่นไป
เหยียบหลุดไปก็ไม่มีอะไร
บางทีอาจเพราะเสื้อคลุมมันเรียบเนียนไป จนเท้าของนางลื่นถลาไปข้างหน้า
จากนั้นก็เคอะๆเขินๆ……
นางถลาไปจนถึงหลังของเย่แจ๋หยิ่ง ด้วยสัญชาตญาณนางก็จับเสื้อของเขาไว้
เย่แจ๋หยิ่งเดิมทีก็เปิดเสื้อคลุมไว้เพื่อให้นางดูรอยจูบบนร่างกายดังนั้นเสื้อคลุมก็ยังคงเปิดอยู่ หลังจากที่ถูกนางคว้า นางล้มลงก็ยังไม่เป็นอะไร แต่ยังลากเสื้อคลุมของเขาลงไปด้วยอีกพอดี……
“……”
“……”
นางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!
ฮื่อฮื่อฮื่อ……
ทั้งหมดมันเป็นเหตุสุดวิสัยนะ
“หลานเยาเยา ยังไม่ทันได้ออกประตูไปเลย เจ้าร้อนใจไปหน่อยไหม?”
ดีมาก!
เขาเพิ่งพูดจบไปไม่นานก็เกิดเหตุสุดวิสัยแล้ว ดูท่าแล้วแม้แต่เทวดาฟ้าดินก็ล้วนจะช่วยพวกเขา
พูดว่าตายกันไปข้าง งั้นก็ตายกันไปข้างหล่ะ!
ชีวิตนี้……ข้าชดใช้ไหว
หลานเยาเยาอยากจะร้องก็ร้องไม่ออกแต่ก็แก้ตัวไม่ขึ้น เรื่องมันบังเอิญขนาดนี้ นางจะยังพูดอะไรได้?
ที่นางร้อนใจขนาดนั้นเมื่อครู่นี้ก็แค่อยากพูดว่า: “เจ้าส่งองครักษ์ไปส่งข้าที่จวนแม่ทัพนะ!”
นางต้องการวางมาดใหญ่ แล้วการกระทำก็ใหญ่หน่อย
ไม่ใช่เพื่อจิตใจที่ทะเยอทะยาน แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนนาง
“แล้วข้าจะส่งเจ้ากลับไปอย่างไร?”
ได้ยินดังนั้น!
นัยน์ตาหลานเยาเยาก็ประกายทันที
ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าคำพูดแบบนี้แล้ว แผนของนางก็จะยิ่งสมบูรณ์มากขึ้น แต่เย่แจ๋หยิ่งจะไปส่งนางอย่างไม่มีเหตุมีผลได้อย่างไร?
ต้องมีเล่ห์เหลี่ยม
ดังนั้นนางจึงปฏิเสธสีหน้าเรียบๆ
“ไม่ต้องแล้ว เจ้าสั่งให้องครักษ์ไปส่งข้าก็พอ”
“เมื่อวานข้าเพิ่งได้รับบัตรเชิญของจวนแม่ทัพพอดี ไม่ต้องคิดมาก ข้าไปจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมคนคนหนึ่งแล้วก็รวดส่งเจ้า”
คนอื่นก็ล้วนพูดแบบนี้
แน่นอนว่าหลานเยาเยาหวังอยากจะให้ไปส่งจึงฮึดฮัดอย่างหงุดหงิดกลับไปลานซวนซี
ในห้องหนังสือ
เย่แจ๋หยิ่งกำลังจัดเสื้อผ้าตนเองอยู่แล้วก็มีชายรูปงามเดินออกมาจากที่มืด: “ดูแล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จไวทีเดียว”
เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วย หลานเยาเยาจะเหยียบเสื้อคลุมเขาหลุดง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร
“หึ! เจ้ายุ่งมากไปละ”
เย่แจ๋หยิ่งพูดเรียบๆแต่ก็ไม่ได้ตำหนิเขา
“พวกเจ้าไม่ใช่เคยเจอกันแล้วหรือ? ทำไมต้องไปดูนางที่จวนแม่ทัพด้วย?” โม่เหลียงเฉินไม่เข้าใจอย่างมาก
“ข้าก็มีเจตนาของข้า!”
บางเรื่องแม้จะเกินมานานมากแต่ตอนนี้ก็อาจถึงเวลาแก้ไขแล้ว
ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทน ที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ข้าจะแนะนำเจ้าสักหน่อยว่า สิ่งเดียวบนโลกนี้ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ก็คือใจของผู้หญิง ถ้าให้นางเห็นว่าเจ้าเดินใกล้กับหญิงอื่น สาวงามที่มาจ่อยู่ตรงปากเจ้าแล้วอาจจะหายไปก็ได้”
ภายนอกของหลานเยาเยาดูแล้วไร้เดียงสาไม่มีอะไร
แต่กลับเป็นผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ผู้หญิงแบบนี้จะไม่แสดงจิตใจที่แท้จริงของตนเองออกมาง่ายๆ
ข้อนี้เขารู้ เย่แจ๋หยิ่งรู้ดีกว่าเขานัก
“ข้าเองก็รู้ขีดจำกัด!”
โม่เหลียงเฉินเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเย่แจ๋หยิ่งก็อดหัวเราะไม่ได้
ในความเข้าใจของเย่แจ๋หยิ่ง ชีวิตมีทุกที่ในสนามรบ เขาคงมองหลานเยาเยาเป็นเมืองที่ต้องการจะยึด
แต่เขาลืมไป!
เมืองมันตายแต่คนนั้นมีชีวิต
เห้อ!
เขาคาดการณ์ว่าหนทางการไล่ตามเมียของเย่แจ๋หยิ่งยังอีกยาวนาน
……
ที่ปากประตูวัง
หลานเยาเยาเข้าไปนั่งรอในรถม้าของเย่แจ๋หยิ่งนานแล้ว รอจนหลังจากเย่แจ๋หยิ่งขึ้นรถม้าแล้ว รถม้าถึงออกตัว
หลานเยาเยาเหลือบมองเย่แจ๋หยิ่งที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแต่ยังคงใส่เสื้อคลุมอยู่
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงถนนที่มีคนเดินขวักไขว่พลุกพล่าน
ประชาชนเมื่อพอเห็นว่าเป็นรถม้าของเย่แจ๋หยิ่ง ก็ทยอยกันเปิดทางให้พร้อมกับปากที่ต่างพากันพูดคุย
“ในที่สุดอ๋องเย่ก็ปล่อยพระชายาเย่กลับบ้านได้ หาได้ยากจริงๆ”
“พระชายาเย่ต้องโชคดีมากจริงๆ หลังจากสมรสกับอ๋องเย่แล้วก็ไม่เพียงแต่จะได้รับความรักจากอ๋องเย่แต่ก็ยังกลายเป็นสาวงามจนล่มเมืองอีก”
“นั่นสิ! น่าอิจฉาเสียจริง ข้าเองก็อยากจะแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นบ้าง”
“……”
เอ่อ……
พวกเขาเพิ่งไปได้แค่ครึ่งทางเองนะ ประชาชนก็พากันพูดคุยกันแล้ว
แม้นี่จะเป็นผลลัพธ์ที่นางต้องการ แต่ผลลัพธ์ก็ดีไปหน่อยนะ!
ดังนั้นนางอดไม่ได้ที่จะมองเย่แจ๋หยิ่งอีกครั้ง
คาดว่าน่าจะเป็นคนนี้ที่แอบประกาศให้คนรู้ทั่วอย่างลับๆ!
จนกระทั่งถึงจวนแม่ทัพ
หลานเฉินมู๋กับจ้าวซื่อที่เพิ่งมีตำแหน่งสูงขึ้นแล้วก็ยังมีหลานจิ่นเอ๋อรออยู่ที่ประตูใหญ่นานแล้ว จากท่าทางแล้วดูเหมือนจะต้อนรับการมาถึงของพวกเขามากๆ
พอพวกเขาลงรถม้า
หลานจิ่นเอ๋อก็พาทุกคนคำนับ: “คารวะอ๋องเย่ พระชายาเย่”
เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่โบกๆมือสั่งให้ทุกคนลุกขึ้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกเชิญเข้าไปในตำหนัก ในห้องโถงหลานจิ่นเอ๋อลงมือยกน้ำชาให้พวกเขาด้วยตนเอง นางเดินมาข้างหลานเยาเยาแล้วส่งถ้วยชาให้นางถ้วยนึง
“พระชายาเย่เชิญดื่มชา!”
หลานเยาเยามองนางโดยไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักๆหน้ารับน้ำชามา
จนกระทั่งตอนหลานจิ่นเอ๋อยกน้ำชาให้เย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาก็ได้พบเรื่องใหม่ๆ
ความเร็วการส่งน้ำชาให้เย่แจ๋หยิ่งของหลานจิ่นเอ๋อนั้นช้ากว่ามากๆ อีกทั้งแก้มทั้งสองข้างก็แดงเหมือนกับเขินอาย
นางรู้สึกว่าด้วยนิสัยที่แปลกประหลาดของเย่แจ๋หยิ่งที่ไม่ยอมให้ผู้หญิงเข้าใกล้เขาเกินกว่าสามก้าวนั้น คาดได้ว่าแม้เขาจะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาแต่ก็ต้องเย็นชาขึ้นทันทีแน่
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือเย่แจ๋หยิ่งไม่แสดงท่าทางอะไรเพียงแค่รับน้ำชามานิ่งๆ……