หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่152 คำวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
บทที่152 คำวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
“อ๊ะ······เจ้า·····”
ตอนที่นางกำลังคิดอยู่ว่าทำไมวันนี้เย่แจ๋หยิ่งถึงแปลกไปนั้นทั้งร่างก็ถูกโยนลงไปบนเตียง“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าคนบ้าไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีเลยสักนิด ตรงที่เจ้าเจ็บข้าดูแล้ว แล้วข้ารู้ไหม?”
แม้จะตกลงมาบนเตียงแต่ใครบอกหล่ะว่าตกลงมาบนเตียงแล้วมันไม่เจ็บ?
ก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหล่ะเข้าใจไหม?
ขนมที่เพิ่งกินเข้าไปก็แทบจะออกมา
ใครจะรู้······
เย่แจ๋หยิ่งก้มตัวลงมา สองมือกดไหล่นางไว้จ้องนางนิ่ง
“เจ็บตรงไหน?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่ดูจะเหมือนปกติหลานเยาเยาก็วางใจ
“เอ๋? อ้อ เจ็บตรงนี้ ตรงนั้น เจ็บไปทั้งตัวเลย”ทันใดนั้นก็ถูกใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรที่อยู่ตรงหน้าสะกดไว้ คำพูดของหลานเยาเยาจึงตะกุกตะกัก
“งั้นหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางนาง นัยน์ตาของเย่แจ๋หยิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นจากนั้นก็ก้มหัวลงไปจูบหน้าผากนาง “แบบนี้ดีขึ้นไหม?”
“ดีขึ้นแค่นิดเดียว”
บนหน้าผากที่เขาเพิ่งจูบนางไปนั้นยังคงทิ้งร่องรอยของความอบอุ่นเอาไว้อยู่ หลังจากพูดจบมุมปากก็กระดกขึ้นเล็กน้อย รอให้เขาเข้ามาใกล้ๆ
ตอนนี้ สองมือของเย่แจ๋หยิ่งปล่อยนางออกจากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้า
หลานเยาเยาตกใจ
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าทำอะไร? อย่าถอดเสื้อผ้า แค่จูบก็พอแล้วอย่าเกินเลยมากกว่านี้ มันจะเกินเรื่องเอานะ······”
ตอนที่พูดตัวสุดท้ายก็เห็นแผงอกที่เปลือยเปล่าของเย่แจ๋หยิ่งแล้วลิ้นก็พันทันที
ผิวขาวเนียน ร่างกายกำยำ ซิกแพคที่แสนสมบูรณ์ ถ้าเป็นยุคปัจจุบันก็ต้องใช้ Photoshopทำออกมาเท่านั้น!
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นแผงอกเขา แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับสองสามครั้งก่อน หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาลงไปช้าๆจนมาหยุดอยู่ที่ส่วนล่างของเขา
“กางเกงนี้มันดูเกะกะตานะ!”ตอนแรกมันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะโพล่งออกไป
หน้าของหลานเยาเยาแดงขึ้นทันที
“รอไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ?”
พอได้ยินประโยคนั้นหลานเยาเยาก็ไม่พอใจ อะไรที่เรียกว่ารอไม่ได้? นางเป็นคนแบบนั้นรึยังไง?
เพียงแค่ว่ามีชีวิตมาสองชั่วชีวิตแล้วก็ยังไม่เคยพบผู้ชายที่หล่อแบบนี้ อีกอย่างการจูบสองสามครั้งก่อนก็ทำให้นางคิดถึงมาก ไม่รู้ว่าการมีอะไรกันครั้งแรกมันจะเป็นประสบการณ์อย่างไร?
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเย่แจ๋หยิ่ง อารมณ์ที่สั่นไหวในตอนแรกก็หายวับไป
“ใช่ ข้ารอไม่ได้ขนาดนั้นแหล่ะ แล้วยังไง? ไม่พอใจเหรอ! ไม่พอใจก็ออกไป”
พูดจบหลานเยาเยาก็ไล่ไป
แทบจะลืมไปเลยว่านางจะไปจากที่นี่คืนนี้ การมาอย่างกะทันหันของเย่แจ๋หยิ่งแทบจะทำให้ทำอะไรไม่ถูกเลย
ใครจะรู้ เย่แจ๋หยิ่งไม่ขยับเลยสักนิด
หลังจากเงียบไปสักพักก็เหมือนกับว่าเขาตัดสินใจอะไรได้อย่างงั้น
“ถ้าให้เจ้าสมปรารถนา วันหลังเจ้าต้องฟังข้า ได้ไหม?”สีหน้าของเขาจริงจัง จริงจังมากๆ
เอ่อ······
หลานเยาเยาสับสนไปหมดแล้ว
มีความรู้สึกว่าเย่แจ๋หยิ่งใช้ความหล่อมาดึงดูดนาง!
อะไรที่เรียกว่าให้นางสมปรารถนา นางเป็นคนที่ถูกสะกดด้วยความหล่อได้รึไง?
“ไม่ได้ ข้าไม่อยากยุ่งกับเจ้าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ เรื่องแบบนี้คนที่เสียเปรียบไม่ใช่เจ้า”
หลายเยาเยาเบะปาก นางไม่ต้องการให้เขามาจำกัดอิสระของนาง
ดังนั้น!
นางจึงขยับไปด้านข้างช้าๆจากนั้นก็มุดผ้าห่มและนอนกรนขึ้นมา
ทิ้งเย่แจ๋หยิ่งที่มีสีหน้าแปลกประหลาดไว้ เขามองๆร่างกายตนเอง
ทำไมครั้งนี้ใช้ไม่ได้?
แต่ก่อนไม่ใช่ว่าแค่นางเห็นแผงอกเขาก็ถูกสะกดแล้วหรือ?
หรือไม่มีเสน่ห์แบบเมื่อก่อน?
เขาคิดอยู่นานสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเอนตัวลงบนเตียง
มองหลานเยาเยาที่หันหลังให้เขา จู่ๆเขาก็คิดอยากยื่นมือไปกอดเอวนางไว้ แต่ยื่นมือไปได้เพียงครึ่งก็ต้องหยุด
เขามองไม่เห็นนาง ตอนนี้ก็ยิ่งมองไม่ชัด······
เช้าวันรุ่งขึ้น หลานเยาเยาพลิกตัวนอนหงายตื่นนอนด้วยใจที่กลัดกลุ้ม
ตอนแรกคิดว่าเมื่อคืนก็จะสามารถจากไปได้ คิดไม่ถึงว่าเย่แจ๋หยิ่งจะอยู่ในห้องนางตลอดเวลาทำให้นางนอนไม่หลับทั้งคืน
ถึงอย่างไรเสีย!
เย่แจ๋หยิ่งดูเหมือนยังไม่ตื่นนอน หลังจากมองเขาก็เดินออกจากห้องไป
“หู้ว······”
มองน้ำค้างที่ตกลงมาบนหลังคา หลานเยาเยาก็พ่นหมอกขาวๆออกมา
น้ำค้างลงแล้ว!
อีกหน่อยก็หิมะตกแล้วสิ?
“ชอบหิมะไหม?”จู่ๆเสียงของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
หลานเยาเยาหันกลับไปมองชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ตรงประตู เขายังดูงัวเงียเหมือนเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิท แต่ว่าท่าทางตอนนี้ก็ยิ่งเพิ่มความขี้เกียจขึ้นไปอีก
“ไม่ชอบ หนาว”
ตอนแรกก็ค่อนข้างชอบหิมะแต่นางรู้ว่าร่างกายนี้ค่อนข้างอ่อนแอไม่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้
“หนาวก็เข้ามาในบ้านอย่าไปวิ่งเล่นด้านนอก ข้าสั่งให้คนไปเตรียมถ่านไฟให้แล้ว”
ประโยคนี้มันปกติมาก หลานเยาเยาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ดังนั้น นางจึงไม่ฟังเขาพูดและยังคงยืนอยู่ด้านนอกมองไปรอบๆ
“มีไฟเผาแม้จะดี แต่พอนานไปร่างกายก็จะไม่สามารถทนต่อความหนาวของด้านนอกได้อีก”
ได้ยินดังนั้น!
เย่แจ๋หยิ่งอดไม่ได้ที่จะอึ้งไป เขาเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร
จนกระทั่งพวกเขากินข้าวเช้า พ่อบ้านเหมยก็รีบร้อนเดินเข้ามา: “ท่านอ๋อง พระชายา เช้าวันนี้มีเรื่องที่พระชายามีความสามารถด้านวิชาการรักษาแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง อีกทั้งยังชมวิชาการรักษาของพระชายาว่าลึกลับแปลกประหลาดที่สุด ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร?”
แม้วิชาการรักษาของพระชายาจะเก่งมาก
แต่ชมพระชายาว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ขนาดที่ว่าสามารถฟื้นคืนชีพคนตายได้ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ด้วยเหตุนี้ พ่อบ้านเหมยจึงมีความกังวล!
“ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้”เย่แจ๋หยิ่งพูดนิ่งๆ
นี่ทำให้หลานเยาเยาและพ่อบ้านเหมยพากันตกตะลึง หลานเยาเยารีบวางตะเกียบพูดแย้งว่า:
“เย่แจ๋หยิ่ง เรื่องนี้ดูก็รู้แล้วว่ามันผิดปกติไม่สามารถปล่อยมันไปได้ ไม่งั้นไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้นแม้แต่จวนอ๋องเย่ก็จะต้องเดือดร้อน”
ยิ่งไปกว่านั้น!
ถ้าตอนนี้ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง นางจะไปหมูบ้านหยินไห่ได้อย่างไร?
“ไม่เห็นเป็นไร เจ้าไม่ใช่บอกหรือว่าแม้มีถ่านไฟมันจะดี แต่พอนานไปร่างกายก็จะไม่สามารถทนความหนาวได้? ตอนนี้ข้าก็ทำเพื่อให้เจ้าไม่ต้องอยู่อย่างสุขสบายเกินไป ได้รับความหนาวอย่างเหมาะสมถึงจะดี”
เย่แจ๋หยิ่งพูดดูเหมือนไม่มีความผิดพลาดอะไรสักนิด แต่หลานเยาเยารู้ว่าเขาตั้งใจ
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าก็เห็นอยู่ว่ามีคนคิดจะจัดการข้ายังจะปล่อยมันไปอีกหรือ? นี่ เจ้าจะไปไหน? เจ้าอย่าไปนะ!”
นางยังไม่ทันพูดจบ เย่แจ๋หยิ่งก็สะบัดแขนเสื้อจากไปแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งเพิ่งไป ฮัวหยู่อันก็รีบเดินมาพูดด้วยสีหน้าจนใจว่า: “เยาเยา ด้านนอกมีคุณชาย คุณหนูของครอบครัวตระกูลขุนนางมากันเต็มไปหมด ต่างมาเพื่อพบท่าน ทำไมเพียงแปปเดียวท่านถึงได้รับความนิยมขนาดนี้?”
พูดไปยังนะยิ่งหลานเยาเยามีเพื่อนมากเท่าไหร่ วันหลังอาหารเลิศรสก็ยิ่งต้องแบ่งน้อยลงเรื่อยๆ?
ไม่เอานะ!
“ได้รับความนิยม?ไม่จำเป็น”คาดว่าจะเป็นการหาความวุ่นวายมาให้
หรืออาจจะได้รับคำยุยงมาจากใครสักคนให้มาทดสอบการรักษาของนาง
เห้อ!
ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้
แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนไปได้ก็ดี เรื่องทุกอย่างก็จะให้เย่แจ๋หยิ่งเป็นคนจัดการเอง
ตอนนี้กลับดี พวกกเฬวรากเหล่านี้ก็ต้องให้นางมาจัดการ
ดังนั้น!
นัยน์ตาของหลานเยาเยาเป็นประกาย ประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา รีบเอ่ยขึ้นมาว่า: “เสี่ยวฮัว เจ้าชอบดูการแสดงใช่หรือไม่? งั้นช่วยไปเตรียมของพวกนี้ให้ข้าหน่อย อีกครู่จะมีการแสดงดีๆให้ดูแล้ว”