หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่160 ท่านอนที่มีความยากสูง
บทที่160 ท่านอนที่มีความยากสูง
พอมาถึงหน้าเตียงของหลานเยาเยาก็ต้องตกใจกับท่านอนของนาง นางเพ่งมองอยู่นาน เพ่งเท่าไหร่ก็ดูไม่ออกว่านางจัดท่านอนยังไง?
มันระดับยากไปแล้ว!
พอได้ยินประโยคนี้ หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น
น่าจะเพราะเมื่อคืนฝันว่าเล่นโยคะ……
ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้น หลังจากใส่เสื้อผ้าล้างหน้าล้างตาเสร็จจึงจับชีพจรให้โหลวเย่ว
แม้ร่างกายนางจะยังอ่อนแออยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร
“ข้าว่าข้าเจอแล้ว ตั้งแต่ข้าตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เจ้าก็จ้องข้าตลอด เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าไม่ยินยอมเจ้าหรอกนะ”พูดจบหลานเยาเยาก็ป้องกันตัวเองแน่นหนาทำท่าเหมือนกับให้ตายยังไงก็ไม่ยินยอม”
จึงทำให้โหลวเย่วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่นางมองนางอย่างนั้นมันก็มีเหตุผล
“เยาเยา จู่ๆข้าก็รู้สึกว่าเจ้าน่าดึงดูดมาก แค่มองเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ผู้ชายพันหมื่นคนหลงได้……”
“หยุดๆๆ เจ้าอยากจะพูดอะไร?”
โหลวเย่วยังไม่ทันพูดจบก็ถูกนางตัดบท
เช้าตรู่อย่างนี้โหลวเย่วจะทำอะไร?
“เมื่อวานคุณหนูแต่ละตำหนักมาเยี่ยมชม วันนี้เช้าตรู่ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็มีเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทและคุณชายคุณหนูตระกูลขุนนางสองสามคนมาที่ตำหนักแล้ว จนถึงตอนนี้ก็รอมาเกือบสองชั่วยามแล้ว
บอกว่ามีคนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ จึงตั้งใจมาเชิญท่านไปตรวจ ข้าดูแล้วท่าทางมันผิดปกติดังนั้นจึงมาหาเจ้าที่นี่เพื่อดูว่าเจ้ามีวิธีการอะไรไหม”
โหลวเย่วลูบคางเบาๆทำท่าราวกับตนเองเป็นนักสืบ
ดวงตาของหลานเยาเยาหรี่ลงอย่างพินิจพิเคราะห์
เมื่อวานเป็นแค่การเรียกน้ำย่อย
วันนี้ความวุ่นวายที่แท้จริงมาแล้ว!
ฮองเฮาเพิ่งเสียไปไม่นานซึ่งนับว่าเป็นการตายที่ไม่ปกติ ยศของฮองเฮาก็ถูกถอนไม่สามารถจัดงานศพได้ตามฐานะฮองเฮา แต่ในฐานะองค์ชายรัชทายาทผู้เป็นลูกแท้ๆไม่ว่ายังไงก็ควรไว้ทุกข์สักช่วงนึงไหม?
มาด้วยความรีบร้อนขนาดนี้ คาดว่าคงเกลียดนางเข้ากระดูก……
“มานี่สิ ไปส่งอาหารเช้า”กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงโต้ตอบความวุ่นวาย “แล้วก็เอาติ่มซำไปวางไว้ที่ห้องโถงให้แขกด้วย”
“เพคะ!”
สาวใช้เฝ้านอกประตูรับคำแล้วจากไป
หลังจากโหลวเย่วตกใจก็อุทานขึ้นมาทันทีว่า: “เยาเยา ตอนนี้มันเวลาเท่าไหร่กันแล้ว เจ้ายังมีกะจิตกะใจกินอีก?”
เป็นความจริงที่ว่าฮ่องเต้ไม่รีบแต่คนที่รีบตายคือขันที(คนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยนี่มักกังวลแทน) โหลวเย่วรู้สึกกังวลแทนนาง
โหลวเย่วรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ร้ายแรงมาก
อีกทั้งการตายของฮองเฮามีความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อนางมาก ตอนนี้ที่เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทมาหาแน่นอนว่าต้องเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว
เสด็จอาไม่อยู่ก็ไม่รู้ว่าเยาเยาจะสามารถรับมือได้หรือไม่?
“กลัวอะไร? ไม่กินให้อิ่มแล้วจะมีแรงไปทำอะไรได้ยังไง รอครู่เดียวเจ้าก็กินเยอะๆหน่อย”
หลานเยาเยารู้ว่าโหลวเย่วกำลังกังวลแทนนาง
ถึงอย่างไร!
คนคนนึงที่ยังต้องนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยสามารถพาร่างกายที่อ่อนโรยมาอยู่ตรงนี้ได้มันไม่ง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นคนคนนี้ยังเป็นองค์หญิงอีก
“อื้ม ได้!”
เมื่อเห็นว่าหลานเยาเยาไม่กังวลเลยสักนิด ใจที่กังวลของโหลวเย่วก็ผ่อนคลาย
……
กลางห้องโถง
องค์ชายรัชทายาทที่นั่งอยู่บนเก้าอี้——เย่หลีเฉิน ใบหน้าหล่อเหลาและผอมๆมีเมฆดำคลุมอยู่ มองดูน้ำชาที่ส่งไปให้นานแล้วอยู่นาน สายตาหม่นๆ มีที่ถือถ้วยชาอยู่เส้นเลือดก็ปูดขึ้นมาแทบระเบิด
หลานเยาเยานี้นี่ นางไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆรึไง?
ก็รู้อยู่ว่าเขามาแล้ว ยังจะกล้าให้เขารออยู่ที่นี่นานขนาดนี้……
แต่ว่า ไม่เป็นไร
หลังจากวันนี้ ถ้าหลานเยาเยาไม่ตายก็จะกลายเป็นจุดน่าหัวเราะ ที่น่าขันที่สุดในโลก เขาจะทำให้นางพลิกตัวไม่ได้ตลอดไป
หลังจากครึ่งชั่วยาม
ตอนที่หลานเยาเยาก้าวเข้าห้องโถง ทุกสายตาในห้องโถงก็มารวมอยู่ที่นางทั้งความหนาวเหน็บ อันตราย ไตร่ตรองตลอดจนสายตาแบบมองการแสดงสนุกๆก็มี
แต่ทว่า……
จู่ๆฝีเท้าของหลานเยาเยาก็หยุดลง นางรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ
จึงหันไปมองตามสายตานั้น……
นางเห็นเครื่องหน้าที่กระจัดกระจายไปอย่างน่าทึ่งเมื่อเอามารวมกันใบหน้าที่สวยงาม
นั่นเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับองค์ชายรัชทายาท ผู้ที่ครอบครองนัยน์ตาสงบสลัวๆเป็นประเภทที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้คนมองไม่ออก
คงเป็นเพราะถูกนางจ้องนานไป ชายหนุ่มนั้นจึงกระแอมขึ้นและหันหน้าหนีไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
ทุกคนเมื่อเห็นนางมาก็ต่างพากันลุกขึ้นคำนับ
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่แยแส
คนนึงคือเย่หลีเฉิน เดิมทีเขาไม่ชอบหลานเยาเยาอยู่แล้วแล้วยิ่งเพิ่มเรื่องการตายของฮองเฮาไปอีกเหลือแต่ความจงเกลียดจงชังไว้ให้นาง แม้นางจะเป็นอาสะใภ้แต่เขาก็ไม่เห็นหัวนางแม้แต่น้อย
ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มที่หลานเยาเยาเพิ่งมองเมื่อครู่
เขาหน้าซีดเผือด ร่างกายผอมโซนั่งอยู่บนเก้าอี้เพียงแค่คำนับมือน้อยๆ
ในไม่ช้าก็มีคนอธิบายกับนางว่าเขาชื่อหานแสเป็นคนที่คลุกคลีกับเตียงคนไข้ตลอดเวลา แต่เขาไม่ใช่คนของประเทศก่วงส้า
สำหรับว่าเขาเป็นคนอะไร พวกเขาไม่ได้บอกหลานเยาเยาก็ไม่ได้ถาม
เดาว่าอาหารจานหลักวันนี้น่าจะเป็นเขา!
หลานเยาเยาเดินมานั่งตรงที่นั่งตนเองอย่างไม่รีบร้อน ก้นยังนั่งไม่ทันร้อนเย่หลีเฉินก็เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ได้ยินมาว่าวิธีการรักษาของอาสะใภ้นั้นยอดเยี่ยมมาก สามารถฟื้นชีพคนตายได้เก่งกาจเหมือนกับหมอหัวโถ ข้ารู้ว่าเสด็จอาซื่อสัตย์จริงใจ มีจิตใจดีราวแม่กวนอิมซึ่งหาได้ยาก
พอดีว่าตรงนี้ข้ามีเพื่อนที่ดีสองคนทุกข์ทรมานจากโรคประหลาด หาหมอเทวดาไปทั่วหล้าก็ไม่มีทางรักษาได้ จึงตั้งใจพามาที่นี่ให้ดู
มองอาสะใภ้ที่มองหน้าเสด็จอา มองๆดูก็เลี่ยงเพื่อไม่ให้กระทบต่อหน้าตาของจวนอ๋องเย่
น้ำเสียงของเย่หลีเฉินเต็มไปด้วยความรู้เหมือนดินระเบิด ดูราวกับว่าถ้านางกล้าพูดคำว่าไม่ขึ้นมาเขาก็จะระเบิดมันทันทีเลย
คิดไม่ถึงจริงๆ……
เย่หลีเฉินไม่ได้โง่ รู้ที่จะเยินยอนางพร้อมกับใช้ชื่อเสียงของจวนอ๋องเย่มาขู่นาง
เฮอะ!
น่าตลกจริงๆ
นางไม่ได้โตมาด้วยการถูกคุกคาม จะกลัวเขาเหรอ?
อีกอย่างเย่หลีเฉินกล้าพูดเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเห็นว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้อยู่ที่ตำหนักและปฏิบัติกับนางเหมือนกับผู้หญิงที่ขี้ขลาด
ดังนั้น นางจะกางมือออกอย่างหมดคำพูดและถอนหายใจออกมา
“หลานชาย! เจ้าอย่าพูดเช่นนี้สิ มันทำร้ายข้าจริงๆ ข้าจะไปเข้าใจวิธีการรักษาได้ที่ไหนกัน? มันก็เป็นการแพร่ข่าวมั่วๆของภายนอก”
“อาสะใภ้ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ได้ยินมาว่าโรคที่ไม่มีทางรักษาของจาวหยางกับโรควิกลจริตของเสด็จแม่ก่อนสิ้นพระชนม์ล้วนเป็นท่านที่รักษาจนหาย ที่พูดแบบนี้นี่เป็นการดูถูกข้ารึเปล่า?”
หลานชาย?
นางกล้าเรียกจริงๆ……
เรื่องของฮองเฮาเป็นความอัปยศเรื่องอื้อฉาวของราชสำนัก ฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยให้เปิดเผยต่อสาธารณะแน่ เพียงแค่แถลงต่อภายนอกว่าฮองเฮาไม่มีศีลธรรม หลังจากสิ้นชีวิตตำแหน่งก็ถูกปลด
คนนอกไม่รู้แล้วเย่หลีเฉินที่เป็นองค์ชายรัชทายาทจะรู้ได้ยังไง?
แม้ตอนนั้นเขาจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แต่หลังจากเขากลับมาก็พอเข้าเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆ
ดังนั้น!
การตายของเสด็จแม่เป็นเพราะหลานเยาเยาผู้เดียว
สามารถเป็นองค์ชายรัชทายาทได้แล้วยังดำรงตำแหน่งนี้มาได้ตั้งนาน จะไม่ฉลาดเลยได้ยังไง?
ไม่สนว่าวิธีการรักษาของหลานเยาเยาจะเก่งกาจหรือไม่?
หานแสที่ตามหาหมอเทวดาไปทั่วหล้าก็ยังรักษาไม่ได้แล้วหลานเยาเยาจะรักษาได้อย่างไร?
ตราบใดที่รักษาไม่ได้ งั้นเขาก็มีวิธีที่ทำให้หลานเยาเยาเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อถึงเวลาก็ค่อยทรมานนางช้าๆให้นางรู้สึกว่าการตายมันดีกว่าการอยู่ เพื่อคลายความเกลียดชัง
“หลานชายอย่าพูดมั่วๆสิ โรคของโหลวเย่วได้รับรักษาจากหมอผู้ลึกลับท่านหนึ่ง ฮองเฮา……โรคของฮองเฮาองค์ก่อนก็ได้รับการรักษาทั้งหมดจากจื่อซี ไม่เกี่ยวกับข้าเลยสักนิด”
“ท่าน……”