หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่187 อ๋องเย่หึงอีกแล้ว
บทที่187 อ๋องเย่หึงอีกแล้ว
“ได้!”
หลานเยาเยาที่เตรียมยาสลบไว้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นยาสลบอีกแบบ เป็นแบบที่ชาครึ่งนึง
นางรู้ว่าในทวีปนี้อาจไม่เคยได้ยินว่า การที่ผ่าท้องออกมาดูแล้วจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้
ถึงอย่างไรก็มีเพียงผู้ชันสูตรศพเท่านั้นที่จะสามารถผ่าท้องออกมาดูได้
เย่แจ๋หยิ่งยอมให้นางทำการผ่าตัด นั่นก็เพราะเขาเชื่อใจนางมาก
ในไม่ช้าการผ่าตัดก็เริ่มขึ้น
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน จนกระทั่งการผ่าตัดผ่านไปได้ครึ่งทาง ด้านนอกก็เริ่มมีเสียงเคลื่อนไหว มันคือเสียงอาวุธปะทะกัน
นักฆ่ายิงจวนหาที่ตั้งของพวกเขาได้ไวขนาดนี้เลยหรือ ดูท่าหานแสจะเป็นดวงตาของท่านชายหยิ่งที่ปล่อยออกมาจริงๆ
แต่ว่า……
ผ่านไปสักพัก
ก็ไม่มีนักฆ่าคนไหนพุ่งเข้ามา อีกทั้งเสียงเข่นฆ่าด้านนอกยังคงไม่จบไม่สิ้น
หลานเยาเยาในตอนนี้ใจจดใจจ่ออยู่กับการผ่าตัด แม้ว่าจะไม่เข้าใจสถานการณ์ข้างนอก แต่การเคลื่อนไหวของมือนางก็เพิ่มความเร็วขึ้นมาก
ตอนที่หลานเยาเยาหาหนอนพิษกู่พบก็ต้องตกตะลึง
ตอนแรกมีเพียงแต่หนอนพิษกู่ที่ตัวเท่าปลายเข็ม หรือจะบอกว่าเป็นไข่ แต่ว่าตอนนี้มีขนาดเท่านิ้วมือของเด็กทารกแล้ว
นี่เป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วันก็เติบโตได้มากขนาดนี้ อัตราการเติบโตนี้มันน่าเหลือเชื่อมาก
ถ้าช้าไปอีกนิด ไม่อาจคิดผลที่ตามมาได้เลย……
หนอนพิษกู่ในตอนนี้ก็ยังพยายามเจาะเข้าไปในหัวใจของเย่แจ๋หยิ่งอย่างสุดฤทธิ์ จนกระทั่งหลังจากถูกนางหนีบออกมาด้วยความไวแล้วเอาใส่เข้าไปในภาชนะใส นางก็รีบเย็บให้เย่แจ๋หยิ่งอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เย่แจ๋หยิ่งกลับแสดงอาการที่เสียเลือดมากเกินไป อีกทั้งสถานการณ์ก็วิกฤต
ทันใดนั้นในใจก็มีการคาดเดาว่า
สาเหตุที่หนอนพิษกู่โตไวขนาดนี้ต้องเป็นเพราะดื่มเลือดของเย่แจ๋หยิ่งเป็นแน่
อย่างไรเสีย เลือดของเขาก็พิเศษมาก
เมื่อเห็นรูม่านตาของเย่แจ๋หยิ่งเล็กลง นางไม่พูดจาอะไรดึงเลือดตัวเองขึ้นมาหนึ่งห่อแล้วทำการถ่ายเลือดให้เย่แจ๋หยิ่ง เพราะนางและเย่แจ๋หยิ่งต่างเป็นกรุ๊ปเลือด A3ที่หาได้ยากมาก
ด้วยการนี้ นางจึงถ่ายเลือดให้เย่แจ๋หยิ่งไปพร้อมๆกับเย็บแผล
หลังการผ่าตัดจบลง ก็ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไร
โดยรวม!
ร่างกายนางเองก็เริ่มอ่อนแอและเวียนหัว
ส่วนเย่แจ๋หยิ่งสลบไปนานแล้ว ด้านนอกปากถ้ำก็ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวอีก
เมื่อหันกลับไปมองหนอนพิษกู่ที่ถูกใส่ไว้ในภาชนะใสก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหนอนพิษกู่ตายแล้ว
และเป็นไปตามที่นางคาดการณ์ไว้ว่า นางเอาหนอนพิษกู่ออกมาไม่นานก็ตาย
หรือจะเป็นเพียงกาฝากในร่างกายมนุษย์?
ปัญหานี้ยังไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นนางจึงเอาอุปกรณ์การรักษาและหนอนพิษกู่ใส่เข้าไปในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยกัน หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย
หลานเยาเยาจึงเดินไปทางปากถ้ำ
กำจัดผงยาพิษที่อยู่บนพื้นแล้วค่อยเคลื่อนย้ายวัชพืช
ฉากที่ตราตรึงอยู่ตรงหน้าทำให้หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
เห็นหานแสคุกเข่าอยู่หน้าปากถ้ำ ในมือถือดาบยาวที่ไม่รู้ว่าแย่งจากใครมากและแทงลงไปที่พื้นครึ่งด้าม
มีบาดแผลด้านหลังนับไม่ถ้วน ร่างกายมีเลือดไหลซิบ
และเบื้องหน้าของเขาก็คือศพเต็มไปหมด……
เมื่อเห็นสถานการณ์นั้น!
หลานเยาเยารีบเดินไปข้างหน้า จับมือแล้วจับชีพจรเขา
“เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วเหรอถึงได้ดันทุรังกั้นไว้?”
โชคดีที่ยังมีชีพจร ถ้าเขาตาย นางก็จะเป็นคนฆ่าเขาทางอ้อม นางละอายใจ
“ข้ารับปากไว้แล้ว ไม่อาจผิดสัญญา”
ประโยคนี้ทำให้หลานเยาเยาสับสนในใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
หานแสที่สติพร่าเลือน หลังจากได้ยินเสียงของหลานเยาเยาก็มีรอยยิ้มเศร้าๆปรากฏขึ้นบนหน้า จากนั้นก็หมดสติไป
หลานเยาเยารีบเข้าไปประคองร่างกายที่ล้มลงแล้วลากเขาเข้าไปในถ้ำ
นางรู้ว่านักฆ่ายิงจวนจะกลับมาอีก ดังนั้นนางจึงรีบพันแผลให้หานแส ตอนที่จะถอดเสื้อผ้าให้เขาอีกครั้งกลับพบว่ามีกลิ่นผิดปกติบนเสื้อผ้าเขา
ถ้านางเดาไม่ผิด กลิ่นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขา
หรือนางจะเข้าใจผิด?
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หานแสก็ถือว่าช่วยชีวิตเย่แจ๋หยิ่งไว้ ดังนั้นตอนที่หลานเยาเยาพันแผลให้เข้าจึงดูแลเป็นพิเศษ
เมื่อพันเสร็จ หลานเยาเยารีบเอารถม้ามาไว้ที่ปากถ้ำจากนั้นก็ลากพวกเขาขึ้นรถม้าทีละคนๆ
สิ่งที่น่ายินดีก็คือ รถม้าที่นางซื้อมานั้นค่อนข้างกว้างขวาง อีกอย่างคนที่อยู่ข้างในก็ไม่ค่อยสั่นสะเทือน สำหรับราคานั้น……ก็เป็นเรื่องที่ทำให้นางปวดใจ
รถม้าแล่นไปข้างหน้าไม่หยุด เมื่อความมืดใกล้เข้ามา นางหยุดพักอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่ง
จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องบังเอิญ
หานแสเพิ่งตื่นมาได้ไม่นานเย่แจ๋หยิ่งก็ตื่น
แต่ว่า……
ก่อนหน้านี้เพื่อให้นางสะดวกในการดูแลพวกเขาสองคน จึงเอาพวกเขาสองคนวางไว้บนหญ้าแห้งด้วยกัน ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงจ้องกันและกัน
“นั่นสิ……โจ๊กต้มเสร็จแล้ว พวกเจ้าใครจะกินก่อน?”
ตอนนี้พวกเขาสองคน คนนึงเพิ่งผ่านการผ่าตัดมา อีกคนบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองคนเป็นคนที่อ่อนแอมาก ถ้ามีอุบัติเหตุเล็กน้อยอาจอันตรายถึงชีวิตได้
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ทั้งสองคนยังไม่พ้นขีดอันตราย
กินข้าวอะไรตอนนี้ยังขยับเองไม่ได้เลย
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงป้อนพวกเขาทีละคน
แต่เมื่อพูดประโยคนั้นออกไป ทั้งสองคนก็มองมาทางนางพร้อมกันด้วยสายตาที่นางไม่เข้าใจ
เอ่อ……
พวกเขาไม่พูด แล้วนางจะป้อนใครก่อน?
“ช่างเถอะ ป้อนพร้อมกันสองคนละกัน!”
ดังนั้น หลานเยาเยาจึงประคองพวกเขาพิงรูปปั้นเก่าๆทีละคน
นางประคองเย่แจ๋หยิ่งก่อน สายตาพึงพอใจ เร่าร้อนของเย่แจ๋หยิ่งจับจ้องที่นางตลอด แต่เมื่อถึงตอนที่ไปประคองหานแส นางรู้สึกถึงสายตาที่มีอำนาจทะลุทะลวงหยุดอยู่บนตัวของหานแส
“ข้าทำเอง!”
หานแสเองก็รู้สึกถึงสายตานั้นของเย่แจ๋หยิ่ง สีหน้าจึงอึกอักเล็กน้อย
“ถ้าเจ้าทำเองได้ ข้าก็ไม่เสนอป้อนเจ้าหรอก” หลานเยาเยาจ้องเย่แจ๋หยิ่ง
ไม่ว่าจะยังไงคนนี้ก็ช่วยเขาไว้จึงมีสภาพแบบนี้ เขายังจะไม่ให้คนนี้กินข้าวอีก
“เจ้าไม่ต้องสนใจเขา”
หานแสมองนางและเย่แจ๋หยิ่งแปลกๆ แล้วก็ไม่ได้อวดเก่งอีก
ดูท่าแล้ว ป้อนโจ๊กพร้อมกันสองคนคงจะไม่สงบสุขแน่ ดังนั้นหลานเยาเยาจึงตัดสินใจป้อนหานแสก่อน
หานแสกินโจ๊กในถ้วยหมดอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยขอบคุณอย่างเกรงใจ
“ข้าหิวแล้ว!”
เมื่อเห็นหลานเยาเยายิ้มให้หานแสอย่างอ่อนโยน เขาก็หน้ามืดพูดเสียงดังขึ้นทันที
“มาแล้วมาแล้ว อย่ารีบสิ”
เมื่อเห็นว่าเรียกหลานเยาเยาได้สำเร็จ มุมปากเย่แจ๋หยิ่งก็ยกขึ้น มองหานแสด้วยสายตาหยิ่งผยอง
เหมือนกับเขากำลังพูดว่า: นางเป็นของข้า สนใจได้แต่ข้าผู้เดียว
แต่ทว่า!
เมื่อตอนที่หลานเยาเยามายังข้างกายเขาเพื่อป้อนโจ๊ก เขากลับทำเสียงฮึดฮัด แล้วหันหน้าไปอีกทาง
“……”
นี่จะก่อเรื่องอะไร?
ก็เป็นผู้บาดเจ็บทั้งหมดไหม? รู้สึกเหมือนกำลังปรนนิบัติบรรพบุรุษ
“จู่ๆข้าก็ไม่หิวแล้ว”
ตอนนี้ หลานเยาเยามองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด
“ไม่หิว? เจ้าจะเป็นเซียนรึไง? อ้าปาก” หลานเยาเยาเอ่ยปากสั่ง
นี่คืออ๋องเทพสงครามที่มีอำนาจล้นฟ้า หยิ่งยโสหรือนี่? ทำไมช่างเหมือนกับเด็กเล็ก?
“ชิ ข้าบอกว่าไม่หิว”
แต่เมื่อพูดจบ ก็รีบเปิดปากทันที
“……”
……
จนกระทั่งตกดึก เย่แจ๋หยิ่งและหานแสไม่ได้ต้องการจะพักผ่อน ทั้งสองคนระมัดระวังมาก
หลานเยาเยาส่ายหัวอย่างจนปัญญา
“ไม่ต้องกังวลนักฆ่าพวกนั้นหรอก พวกมันจะหาที่นี่ไม่เจอชั่วคราว พวกเจ้าสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ”
สายตาทั้งสองหยุดอยู่ที่นาง รอจนกระทั่งนางพูดจบ ……