หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่226 ผู้อาวุโสสามที่โหดเหี้ยมอำมหิต
บทที่226 ผู้อาวุโสสามที่โหดเหี้ยมอำมหิต
ผู้อาวุโสรองกระวนกระวาย
วันนี้หลังจากที่พวกหลานเยาเยาเดินออกไป ในชนเผ่าก็มีกองทหารลึกลับบุกเข้ามา พวกเขาสู้ไม่ได้แถมยังถูกบังคับให้เข้ามายังหุบเขาจิ้น
หลังจากเข้ามายังหุบเขาจิ้นแล้ว
พวกเขาก็ประสบกับการไล่ล่าโจมตีที่โหดร้าย คนร้อยสองร้อยคน จนถึงตอนนี้เหลือเพียงสิบกว่าคน
ตอนนี้ด้านหน้าก็มีมดที่น่ากลัว ด้านหลังก็มีสัตว์กินคน
พวกเขาเขาจะทำอย่างไรดี?
“ใครบอกว่าไปไม่ได้?”
ผู้อาวุโสสามที่ไม่ได้ละสายตาไปจากสถานการณ์ข้างล่างเลย เมื่อเห็นว่าข้างหลังเหลือคนอยู่ไม่กี่สิบคน นัยน์ตาก็ประกายแผนร้ายขึ้นมา
คนที่เหลืออยู่พวกนี้ จะเป็นหินที่พวกเขาจะเหยียบไปข้างหน้า……
——
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่
พวกหลานเยาเยาทั้งสี่คนก็มาหยุดอยู่ที่ผืนดอกไม้สีแดง
นี่ก็คือดอกกระดูกขาวที่พวกเขาเห็นตอนอยู่บนปากถ้ำก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นภาพที่อยู่ในหนังสือทำเนียบบรรพชน
เพียงแต่บนหนังสือทำเนียบบรรพชนไม่มีสี วาดไว้เพียงแต่รูปร่าง
เมื่อมองไปยังดอกกระดูกขาวสีแดงดั่งเลือด แต่กลับสวยงดงามน่าดึงดูด
แต่ทันใดนั้นหลานเยาเยารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แปลก?
ทำไมมีดอกกระดูกขาวเยอะมากมายขนาดนี้?
ในหนังสือทำเนียบบรรพชนไม่ได้บอกหรือว่าดอกกระดูกขาวนั้นยากที่จะพบ คิดอยากจะหาแค่สักดอกมันไม่ได้ง่ายเลย
แต่ว่าที่นี่……
ผืนใหญ่ๆ ไม่เหมือนกับเติบโตตามธรรมชาติแต่เหมือนกับใช้คนปลูก ถึงได้มีทัศนียภาพแบบที่เห็น
“นี่คือดอกกระดูกขาว?”
เสียงชั่วร้ายดังขึ้นนิ่งๆ สีหน้าของหานแสก็ไม่ชัดเจน
หลานเยาเยารู้ว่าความคิดของหานแสนั้นเหมือนกับนาง
แม้จะผ่านความเป็นความตายมา แต่เมื่อเจอดอกกระดูกขาว พวกเขากลับลังเล
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงเอาหนังสือทำเนียบบรรพชนออกมา “เจ้าดูนี่ เหล่าดอกไม้สีขาวนี้เหมือนกับดอกกระดูกขาวบนหนังสือทำเนียบบรรพชน”
แต่นางไม่เข้าใจ
ว่าทำไมบนหนังสือทำเนียบบรรพชนถึงต้องวาดดอกกระดูกขาวเหมือนกันสองดอก?
“งั้นก็ไปเด็ด”
พูดจบ หานแสก็ยกเท้าเดินไปทางดอกกระดูกขาว
“เดี๋ยวก่อน!”
หานแสหันกลับมา ถามด้วยความไม่เข้าใจ “มีอะไรไม่เหมาะ?”
“ให้ข้าดูก่อน!”
แม้จะมั่นใจว่าเป็นดอกกระดูกขาว แต่นางก็ยังไม่วางใจ
พูดแล้วนางก็เดินไปยังข้างๆดอกกระดูกขาว
นางไม่ได้ยื่นมือไปแตะดอกไม้ แต่โน้มตัวลงไปสังเกตอย่างละเอียด
กลีบดอกกระดูกขาวซ้อนเป็นชั้นๆ คล้ายน้ำวน แต่กลับมองไม่เห็นด้านใน
ทันใดนั้น!
ตัวของหลานเยาเยาก็แข็งนิ่ง
เมื่อครู่เหมือนนางจะเห็นด้านในสุดของดอกไม้ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างขยับ พอมองดีๆก็ไม่มี
หรือตาลาย?
ขณะตอนที่นางหยิบมีดมากำลังจะเขี่ยกลีบดอกให้เปิดออก ทางด้านหลังก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมา
“ที่แท้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่”
เสียงหยาบคายชั่วร้ายนี้หลานเยาเยาไม่ต้องหันไป ก็รู้ว่าเป็นใคร
เขาก็คือผู้อาวุโสรองของชนเผ่า!
พวกเขาผ่านเขตมดกินคนมาได้อย่างไร? จุดนี้ทำให้นางประหลาดใจ
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงหันกลับไป ก็เห็นคนไม่กี่คนที่ดูจนตรอกสุดขีด
ใช่!
มีเพียงแค่ห้าคน
นี่รวมถึงผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามแล้ว
เมื่อครู่เห็นๆอยู่ว่ามีสิบคนนะ!
ดูท่าแล้ว ผู้อาวุโสสองคนนี้จะโหดร้ายจนถึงขั้นใช้คนตัวเองเป็นบันไดให้ตนเองก้าวข้ามไป
ไม่อย่างนั้น พวกเค้าไม่มีทางที่จะผ่านเขตมดกินคนมาได้แน่
“หลานเยาเยาหล่ะ? เขาตายรึยัง? ตายก็ดี ตายก็ดี!”
“วะฮะฮะฮ่า……”
ผู้อาวุโสรองคิดว่าหลานเยาเยาเป็นผู้ชายมาโดยตลอด ดังนั้นตอนนี้เมื่อไม่เห็นหลานเยาเยา เขาจึงคิดว่าเขาตายแล้ว
ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมายกใหญ่
“นางยังไม่ตาย!”
กลายเป็นผู้อาวุโสสามที่พูด สายตาของเขามองทะลุผ่านพวกจื่อซี จ้องไปยังหลานเยาเยาที่แต่งหญิง
จ้องเหมือนต้องการจะเอานางออกมาจากหลุม
“อะไร? เป็นไปได้อย่างไร? แล้วเขาอยู่ไหน?”
เมื่อได้ยินผู้อาวุโสสามบอกว่าหลานเยาเยายังไม่ตาย รอยยิ้มหัวเราะบนใบหน้าของผู้อาวุโสรองเปลี่ยนมานิ่งทันที และในใจก็จมดิ่ง
ไม่ตายได้อย่างไร?
แม้วิชาการรักษาของหลานเยาเยาจะอยู่จุดสูงสุด แต่เขาไม่มีศิลปะการต่อสู้ แล้วก็ไม่มีกำลังภายใน
จะมีชีวิตอยู่รอดมาถึงที่นี่ได้อย่างไร?
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนที่มีวิทยายุทธสูง ยังต้องเอาคนอื่นมาเป็นโล่เลยถึงจะมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้ หลานเยาเยาจะไม่ตายได้อย่างไร?
“ก็คือเขา!”
ผู้อาวุโสสามพูดชี้ไปที่หลานเยาเยาพร้อมกับรอยยิ้มเรียบๆบนหน้า
“นาง? เจ้าบอกว่าผู้หญิงคนนั้นหรือ?”
หลานเยาเยาเป็นผู้หญิงได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสรองรู้สึกไม่อยากเชื่อ แต่ยิ่งมองหน้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือน
“อะไร?ไม่เจอวันเดียวก็ไม่รู้จักข้าแล้วหรือ?” หลานเยาเยายิ้มเรียบๆมองผู้อาวุโสรอง
เมื่อเห็นสีหน้าคาดเดายากของผู้อาวุโสรอง รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกซึ้งขึ้น
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังไม่ตาย”
น่าชิงชัง!
ทำไมนางยังไม่ตาย?
“วางใจเถอะ พวกเจ้าตาย ข้าก็ยังไม่ตาย เพราะข้าดวงแข็ง”
“เจ้าหาที่ตาย……”
“เอาหล่ะ ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว ยังมาอวดอ้างความสามารถอีก”
ผู้อาวุโสรองถูกผู้อาวุโสสามกล่าวตำหนิ
ผู้อาวุโสสามขมวดคิ้วแน่น ไม่ชอบผู้อาวุโสรองอย่างมาก ถ้าไม่เห็นแก่ศิลปะการต่อสู้ของผู้อาวุโสรองที่แข็งแกร่ง เขาก็จะให้เขาตายไปในหุบจิ้นแล้ว
“ข้าโกรธเกินไป”
ความโกรธของผู้อาวุโสรองไม่ได้หายไป ทำได้เพียงแค่มองผู้อาวุโสสามอย่างทำอะไรไม่ได้
“ทนไว้!” ผู้อาวุโสสามชายตามองเขา พูดเสียงเบาๆว่า: “ท่านคิดว่าที่หลานเยาเยารอดมาจนถึงตอนนี้ได้เพราะแค่โชคดีงั้นหรือ?”
“หรือไม่ใช่?”
“เฮอะ! นางเป็นคนที่ซ่อนได้เนียนที่สุดในพวกเขาสี่คน ระวังหน่อย”
ตอนนี้บนตัวของหลานเยาเยาไม่มีรอยเลือดแม้แต่น้อย
นี่ก็สามารถบอกได้ว่า หลานเยาเยาก็เหมือนหานแส ที่ร่างกายไม่มีแม้แต่บาดแผลเล็กๆน้อยๆ
ย้อนกลับมาดูพวกเขา!
คนนับร้อยถูกบังคับให้เข้ามาในหุบเขาจิ้นด้วยกัน ถ้าเขาไม่ใช้อุบายให้คนอื่นล่อสัตว์แปลกประหลาดพวกนั้น พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
แม้จะรอดมาจนถึงตรงนี้ บาดแผลเล็กใหญ่บนตัวพวกเขาก็นับไม่ถ้วน
ดังนั้น!
เขาจึงไม่กล้าดูถูกหลานเยาเยาสักนิด
“งั้นตอนนี้จะทำอย่างไร?”
ไม่มีผู้อาวุโสใหญ่แล้ว ผู้อาวุโสรองก็ไม่มีแผนการอะไร ดังนั้นตอนนี้ผู้อาวุโสสามจึงเป็นแกนหลักของพวกเขา
“ดูไปตามสถานการณ์!”
ตอนนี้ฝั่งพวกเขาเหลือเพียงห้าคน ส่วนพวกหลานเยาเยาแม้จะมีเพียงสี่คน แต่มีแค่หานแสคนเดียว พวกเขาก็สู้ไม่ได้แล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงดูไปตามสถานการณ์ จะแข็งข้อไม่ได้
แม้ผู้อาวุโสรองจะไม่พอใจ แต่เขาก็รู้กำลังของฝั่งตนเอง ดังนั้นจึงได้แต่กัดฟันทน
“ที่แท้มีคนหัวโล่งคนนึง แล้วคิดว่าทุกคนจะไร้ความสามารถหมดเหรอ!”
เสียงเบาๆออกมาจากปากหลานเยาเยา ผู้อาวุโสรองก็ยิ่งโกรธจนกัดฟัน กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดแทบจะระเบิด
เขาโง่ ก็รู้
ที่หลานเยาเยาบอกว่าไร้ความสามารถ ก็หมายถึงเขา
ผู้อาวุโสสามตบไหล่ผู้อาวุโสรองเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เขาว่าอย่าโมโห
จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดกับหลานเยาเยาว่า:
“หมอเทวดาหลานวาจาคมคาย ถ้าข้าเดาไม่ผิด ผืนดอกไม้แดงหลังเจ้านี้ ก็คือดอกกระดูกขาวที่บันทึกไว้บนหนังสือทำเนียบบรรพชน เจ้าคิดว่าจะทำยาแก้พิษคนโดนมนต์ดำอย่างไร?”
เขาตั้งใจมอบหนังสือทำเนียบบรรพชนให้หลานเยาเยา
ที่จริงเขาดูหลายรอบแล้ว รูปแบบของดอกกระดูกขาวเขาก็จำไว้ในใจ
ดังนั้น!
ตอนที่เขาเห็นผืนดอกไม้สีแดง ก็รู้แล้วว่านี่คือดอกกระดูกขาวในหนังสือทำเนียบบรรพชน
“ข้ารู้แล้วว่าจะทำอย่างไร ขอไม่รบกวนผู้อาวุโสสาม”
ตอนนี้มาสุภาพกับนางแล้ว?
นางไม่ยอมรับหรอก
เมื่อเห็นหลานเยาเยาเย็นชา ก็ไม่ได้โกรธขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้จักวางตัวปิดปากเงียบ