หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่38 ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้า
บทที่38 ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้า
ใครจะคาดคิด
ราวกับว่ามีตาเพิ่มขึ้นมาด้านหลังของหลานเยาเยา ก่อนที่เฉิงมู่ศีจะโจมตีโดนตัวนาง นางกลับหลบเลี่ยงออกไปได้ในพริบตา
จากนั้นนางจึงหันกลับมาและฉีกยิ้มประหลาดๆให้กับหลานเฉินมู๋
รอยยิ้มนั้นทำให้เฉิงมู่ศีลงมือไปกลางอากาศโดยไม่รู้ตัว เขาขนลุกชันขึ้นมาและมีร่องรอยแห่งความกลัวเกิดขึ้น!
พอรู้สึกตัวขึ้นมา ในใจของหลานเฉินมู๋ก็โกรธขึ้งขึ้น
สายตาชั่วร้ายหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังดูชมความสนุกอยู่ ระหว่างพวกเขาในนั้นมีสองคนที่มีตำแหน่งเป็นนายพล
สายตาของ หลานเฉินมู๋หรี่ลงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ทั้งสองเมื่อสบเข้ากับสายตาของเขาถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมา ก่อนจะรับเสริมกำลังภายในและเข้ามาล้อมกรอบหลานเยาเยาเอาไว้
มองไปที่ท่าทางของพวกเขา ริมฝีปากของหลานเยาเยาก็ผุดขึ้นมาเบาๆ นางเหลือมองดูประตูที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาจนแม้กระทั่งน้ำยังไม่อาจเล็ดลอดออกไป แต่เคลื่อนสายตาไปยังหน้าต่างที่ถูกเปิดออกเล็กน้อย
หึหึ!
ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกสะบั้นลงแล้ว เช่นนั้นก็สมควรถึงแก่เวลาหนี!
ในเวลานั้นพวกเขาเพิ่มกำลังภายในขึ้นมาเป็นสิบเท่า และกำลังรอโอกาสลงมือใส่หลานเยาเยา…
เช่นเดียวกันกับหลานเยาเยาที่กำลังมุ่งไปยังหน้าต่างและเตรียมตัวหายออกไป …
“หึหึ… ”
เสียงหัวเราะเยาะอีกทั้งแฝงด้วยความเย้ยหยันจู่ๆก็ดังขึ้นนอกห้อง
เสียงนี้…ออกจะน่ากลัวอยู่นิดหน่อย!
ทันใดนั้นจู่ๆน้ำเสียงเย็นเยียบน่าดึงดูดก็ดังขึ้นตามมา
“จวนอ๋องช่างมีชีวิตชีวาเสียจริงๆ!”
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น อุณหภูมิภายในห้องก็ลดต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว ความเยียบเย็นหนาวเหน็บบาดกระดูกคล้ายกำลังดำดิ่งลึกลงไปในใจของทุกคน
“ถวายบังคม ท่านอ๋องเย่!”
ทุกคนคุกเข่าลงทันทีราวกับสายฟ้าแลบ
ในใจของแต่ละคนรู้สึกหวาดกลัว ใบหน้าที่แต่เดิมเต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับซีดจางลงทันใด ได้แต่คุกเข่าอย่างสั่นสะท้านอยู่บนพื้น ราวกับว่าร่างกายนั้นช่างเบาบางจนสามารถถูกลมพัดปลิวไปได้โดยง่าย
ท่านอ๋องเย่มาที่นี่แล้ว!
เหตุใดท่านอ๋องเย่ถึงได้มายังจวนท่านแม่ทัพ? เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขา ทุกคนก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที มองเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นที่ตรงประตู ในใจของทุกคนก็ล้วนหมดอาลัยตายอยาก
นั่นเป็นเพราะวินาทีนี้สายตาของท่านอ๋องเย่นั้นล้ำลึกดำขุ่นเข้มกับกระแสน้ำวน ทั้งยังแฝงไปด้วยรัศมีการเข่นฆ่าอย่างหนักหน่วง ซ้ำมันยังถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่มีการปกปิดเลยสักนิด
เอ่อ ……
ไม่มีทางหรอกน่า!
เขาตามมาฆ่าถึงที่นี่เลยหรือนี่? นางควรทำอย่างไรดี?
ในใจของหลานเยาเยาสั่นไหว!
หัวใจที่เคยฟู่ฟองก่อนหน้านี้คล้ายกำลังจะกระอักขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ตอนนี้นางยังสามารถกระโดดลงหน้าต่างไปได้อยู่หรือไม่?
จินตนาการนั่นช่างงดงาม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย นางได้แค่คิดเท่านั้น ในตอนนี้ตัวของหลานเยาเยากระโดดลงมาจากหน้าต่างอย่างไม่ทันได้รู้ตัว ในเวลาที่นางกำลังจะคุกเข่าลงบนพื้น ห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรจากจุดที่นางอยู่ก็ปรากฏภาพรองเท้าไหมปักดิ้นทองขึ้นมา…
จากนั้น!
เข่าของเธอตกลงบนรองเท้ายาวคู่นั่นแทน
บ้าเอ้ย!
นางอุตส่าห์พยายามแทบตายเพื่อลดบทบาทของตัวเองในที่นี้ลง?
แต่นางก็ยังรู้สึกว่าดวงตาราวกับพญาเหยี่ยวของเย่แจ๋หยิ่งกำลังจ้องมองเธออย่างแน่นิ่งราวกับกำลังจ้องมองเหยื่อก็มิปาน
ด้วยความสิ้นหวัง เธอจึงได้แต่กัดฟันเงยหน้าขึ้นมา
ศีรษะเงยขึ้นก่อน จากนั้นจึงตามด้วยรอยยิ้มเบิกบานให้แก่เย่แจ๋หยิ่ง “สวัสดีท่านอ๋องเย่!”
“ลุกขึ้น!” น้ำเสียงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ดังขึ้น
หลังจากเสียงอันเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งที่ดังขึ้น ในใจของหลานเยาเยาก็สั่นสะเทือนไปมาอย่างไม่หยุด สุดท้ายจึงยังคงลุกขึ้นมาอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง
หลังจากที่หลานเยาเยาลุกขึ้น คนอื่นๆที่ไม่รู้จึงพลอยคิดไปด้วยว่าท่านอ๋องเย่สั่งให้พวกเขาลุกขึ้นได้แล้ว ในใจจึงโล่งอกขึ้นจากนั้นจึงลุงขึ้นยืนตามมา
ใครจะคาดคิด…
“บังอาจ ท่านอ๋องยังไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าลุกขึ้น พวกเจ้ากลับกล้าลุกขึ้นยืนโดยพลการ ช่างไม่เห็นท่านอ๋องอยู่ในสายตายิ่งนัก”
ผู้ที่ตามหลังเย่แจ๋หยิ่งก็คือจื่อเฟิงและพ่อบ้านเหมย ในตอนนี้คิ้วของจื่อเฟิงขมวดขึ้นและใช้สายตาเย็นเยียบกวาดดูพวกเขาทุกคน
ได้ยินเช่นนั้น!
ในใจของพวกเขาทุกคนสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ร่างกายประหนึ่งว่าที่กำลังจะหลุดลอย “ตุ๊บ”เสียงดังขึ้นพร้อมกับเข่าที่คุกลงไปอีกครั้ง
พวกเขารีบร้องขอความเมตตาอย่างรวดเร็ว: “ท่านอ๋องเย่โปรดไว้ชีวิต ท่านอ๋องเย่โปรดไว้ชีวิต ท่านอ๋องเย่โปรดไว้ชีวิตด้วย…”
เจ้าหน้าที่ทางการและองครักษ์ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นล้วนตัวสั่นสะท้านและกระแทกหัวของพวกเขาลงไปที่พื้นอย่างสุดชีวิต โดยหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากท่านอ๋องเย่
“ลบหลู่ข้าควรจัดการอย่างไร?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นตามมา
“โบยอย่างหนักสามสิบไม้!” จื่อเฟิงตอบอย่างรวดเร็ว
“เช่นนั้นจงโบยซะ!”
“ขอรับ!”
ในเวลานี้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดาษอีกครั้ง แต่ละคนล้วนตกอยู่ท่ามกลางความตื่นตะลึงสิ้นหวัง
โบยอย่างหนัก 30 ไม้ที่ท่านอ๋องเย่พูดถึงนั้นย่อมไม่เหมือนการลงโทษโบย30ไม้โดยทั่วไปของพวกเขาอย่างแน่นอน หากโบยอย่างหนัก30ขึ้นจริงๆ เกรงว่าคนผู้ที่มีเกียรติและประพฤติตนดีอย่างพวกเขาอาจจะสูญเสียชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง
พอคำพูดจบลง!
จู่ๆอากาศภายในห้องก็ปั่นป่วนขึ้นมา จากนั้นจึงปรากฏเป็นองครักษ์เงาท่าทางเย็นชาสิบกว่าคน ในมือของพวกเขาล้วนถือไม้โบยที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเข้า!
เจ้าหน้าที่ทางการและเหล่าองครักษ์ล้วนตกตะลึงหน้าซีด แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงร้องออกมา แม้กระทั่ง หลานเฉินมู๋ผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวโหดเหี้ยมถือดียังไม่กล้าเช่นกัน
อยู่เบื้องหน้าอ๋องเย่ แม้กระทั่งผายลมเขายังไม่นับว่าเป็น ขอแค่อ๋องเย่กระตุกปลายนิ้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้ตำแหน่งแม่ทัพของเขาหลุดลอยไป
หลังจากนั้นไม่นาน …
“ป๊าบ ……”
“ป๊าบ ……”
“ป๊าบ ……”
“…”
เสียงไม้โบยอันทรงพลังดังขึ้นมาในโสตประสาทของหลานเยาเยา นางมองดูกลุ่มคนรวมไปถึงหลานเฉินมู๋ที่กำลังถูกโบยอย่างเจ็บปวดทรมานจนเห็นเส้นเลือดแต่กลับอดทนไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาสักแอะ
ทำเอาหลานเยาเยาต้องกลืนน้ำลายลงอย่างไม่หยุด!
มารดามันเถอะ!
หลังจากเสร็จสิ้นจากคนพวกนี้แล้ว เย่แจ๋หยิ่งคงไม่ได้หันมาจัดการเธอต่อหรอกนะ?
ใครจะคาดคิด…
หลังจากเย่แจ๋หยิ่งหันไปมองรอบๆ และนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน จากนั้นจึงหันมามองยังหลานเยาเยา ริมฝีปากเรียวบางของเขาหยิบยกขึ้นมาน้อยๆ:
“นั่งลง!” เป็นน้ำเสียงเผด็จการที่ไม่เปิดโอกาสให้คนได้มีข้อสงสัย
หลานเยาเยาย้ายตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ถัดจากเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหยิบถ้วยชาขึ้นมาถ้วยหนึ่งแล้วส่งเขาไปหาเขา มุมปากฉีกยิ้มกว้างและเอ่ย
“ท่านอ๋องเย่ดื่มชาหน่อยดีหรือไม่?”
เดิมทีนางนึกว่าเย่แจ๋หยิ่งคงจะไม่สนใจไยดีตนแต่อย่างใด แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงแต่ยกชาขึ้นไปดื่มเท่านั้น แต่ยังเอ่ยขึ้นเบาๆ
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เอ่อ….
อะไรคือรู้สึกอย่างไร?
มองเห็นพวกหลานเฉินมู๋ที่ถูกตีแล้วรู้สึกอย่างไรงั้นหรือ?
แน่นอนว่าพอได้มองเห็นพวกหลานเฉินมู๋ถูกตีก้นจนเลือดไหลซึมออกมาบนเสื้อผ้า ในใจของนางก็รู้สึกสบายอย่างยิ่ง แต่พอนึกไปถึงจุดจบต่อมาของตนเอง จู่ๆก็รู้สึกราวกับกำลังโดนทอดบนกระทะ
แต่ใบหน้าของนางก็ยังคงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “ดียิ่ง!”
พูดจบนางก็กลืนน้ำลายลงไปเอื๊อกหนึ่ง
“เช่นนี้ก็ดี เจ้าต้องรีบทำตัวให้คุ้นชิน!”
หือ?
นี่หมายความว่าอย่างไรอีก?
ในที่สุดหลานเยาเยาก็รู้สึกได้ถึงความไม่ถูกต้องบางอย่าง หรือว่าที่วันนี้เย่แจ๋หยิ่งมาที่นี่จะไม่ได้มาจัดการกับเธองั้นหรือ?
พอนึกถึงตรงนี้ ในใจก็สงบลงมาได้เล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งความระมัดระวังลง จากนั้นนางจึงดื่มน้ำลงไปเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง ก่อนจะเริ่มเอ่ยถามหยั่งเชิงด้วยความสงสัย
“นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?”
เธอเอ่ยพูดเสียงเบาราวกับเมฆลอย แต่กลับยกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ข้าจะแต่งงานกับเจ้า!”น้ำเสียงเย็นกระด้างดังขึ้นอย่างไร้เยื่อใย
“พรูด….”
ข้อมูลที่ได้รับนั้นช่างน่าสยองเกินไป หลานเยาเยาเบิ่งตากว้างทันใด น้ำชาในปากของนางไหลลงมาจากปากอย่างไม่หยุด ซ้ำที่แน่ยิ่งกว่าคือมันแทบจะหยดลงไปบนหน้าของเย่แจ๋หยิ่งอยู่รอมร่อ
ทันใดนั้นอากาศภายในห้องก็คล้ายกับจู่ๆก็จับตัวกันขึ้นมา อุณหภูมิลดลงจบหนาวเหน็บ แม้กระทั่งเสียงของไม้โบยและเสียงร้องโอดโอยพึมพำก็หยุดลงเช่นกัน
คนทั้งหมดที่ถูกตีจนเหงื่อตกไปทั่วศีรษะ ถึงแม้จะกำลังตกอยู่ท่ากลางความเจ็บปวด แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่อ๋องเย่เอ่ยกับหลานเยาเยา พวกเขาก็ยังคงแทบไม่เชื่อคำพูดในหู!
ท่านอ๋องเย่กล่าวว่าจะแต่งงานกับหลานเยาเยา?
นี่ นี่ นี่ …
นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?