หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่97 อ๋องเย่โกรธในใจ
บทที่97 อ๋องเย่โกรธในใจ
บนลานขายมีเนื้อย่างสุกเต็มไปหมด ทันใดนั้นนางไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“หยุดรถ!
ใช่ ต้องหยุดรถ ไม่ว่าจะหยุดรถม้าหรือหยุดรถเก๋ง
พอรถม้าหยุด หลานเยาเยาลืมบอกลา ก็รีบพุ่งออกจากรถ ตรงไปที่ลานเนื้อย่าง
ทำให้เซียวจิ่นหยูที่อยู่บนรถม้าอมยิ้ม!
“ซื่อจื่อ จะรอพระชายาเย่ไหม?”
พอได้ฟัง!
เซียวจิ่นหยูจับผ้าเช็ดหน้าที่หลานเยาเยาโยนทิ้ง ผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือดที่ยังไม่แห้ง……
นั่นเป็นเพราะนางยังไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ก็เอาผ้าเช็ดหน้าเขาขึ้นมา นำไปเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล
หลังจากที่เช็ดเสร็จก็โยนทิ้งทันที!
นางจะรู้หรือไม่ นี่เป็นสิ่งของที่ผู้หญิงมากมายต้องการ นางก็โยนทิ้งอย่างนี้……
“ไม่ต้องแล้ว ข้าจะรีบกลับไปพักฟื้น!”
“ได้”
คนขับรถม้ารู้สึกตกใจ
เป็นไปไม่ได้จริงๆ!บาดแผลถ้าไม่หนักขนาดนั้นจริงๆ ซื่อจื่อไม่มีวันยอมพักฟื้น นึกไม่ถึงวันนี้ซื่อจื่อเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
โดนกระทบกระเทือนจิตใจหรือเปล่า?
……
โรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
เย่แจ๋หยิ่งกำลังนั่งเงียบๆอยู่ในห้องที่เงียบสงบและหรูหรา ในมือถือแก้วน้ำชาอุ่นพอดี สายตาจ้องไปที่น้ำชา ไม่รู้ว่ากำลังคิด
อะไรอยู่
เวลานี้ มีองครักษ์ลับได้เข้ามา!
แล้วกระซิบอยู่ที่ข้างหู ทันใดนั้นเย่แจ๋หยิ่งได้ถือแก้วน้ำชาไว้แน่น แววตาที่คมลึก
“ตอนนี้นางอยู่ไหน?”
“เรียนเจ้านาย อยู่ที่หนันเหมิงถนนของกินที่ดัง” มองเห็นท่าทางของเจ้านาย ในใจองครักษ์ลับรู้สึกกลัว
พอเขาพูดจบ ก็เห็นเจ้านายลุกขึ้นมา แล้วก้าวออกไป
องครักษ์ลับเก็บความกลัวไว้ รีบพูดเตือนอย่างรวดเร็ว
“เจ้านาย ถังเฉิงเสี้ยงมาถึงแล้ว……”
“ให้เขารอก่อน!”
“ได้!”องครักษ์ลับประกบมือแล้วเงยหน้าขึ้น แต่เย่แจ๋หยิ่งหายตัวไปแล้ว
ถนนของกิน
หลานเยาเยาก็เหมือนปกติ ปากก็กินเนื้อย่างเดินไปที่ถนนของกิน ทุกคนต่างปรบมือต้อนรับ
สำหรับเจ้าของร้านเหล่านี้ หลานเยาเยาก็เหมือนทองก้อนโตของพวกเขา
ทุกครั้งที่นางมา นางจะไปอุดหนุนทุกร้าน ร้านไหนที่โชคดี ก็จะโดนเหมาเกลี้ยง
ถึงแม้นางจะชอบต่อราคา แต่ร้านเหล่านี้ก็ไม่ขาดทุน
“แม่นางค่อยๆไปนะ โอกาสหน้าเชิญมาใหม่!”
ชั้นวางของที่ว่างเปล่า เจ้าของร้านได้บอกลาหลานเยาเยาด้วยความดีใจ
หลานเยาเยาในเวลานี้ ห่อเล็กห่อน้อยเต็มมือ ในมือยังถือน่องไก่ไว้กิน
เมื่อนางหันมา!
ทันใดนั้นก็โดนคนรูปร่างสูงใหญ่ขวางทางไว้
“รบกวนหลีกทางหน่อย”
หลานเยาเยาติดใจอาหารอร่อย ไม่มีเวลาสนใจว่าคนที่ขวางนางเป็นใคร
แต่พูดด้วยความสุภาพให้เขาหลีกทางหน่อย
ปรากฏว่า……
คนที่มาขวางนาง ไม่ยอมหลีกทาง ความเยือกเย็นถูกแผ่ออกมาอยู่รอบตัว และปกคลุมนางไว้อย่างรวดเร็ว
หลานเยาเยาหัวใจเยือกเย็นขึ้นมา!
รู้สึกคุ้นเคยมาก นี่เป็นเย่แจ๋หยิ่งที่หัวใจเย็นชาดั่งภูเขาน้ำแข็ง!
ดังนั้นนางเลยรีบเงยหน้าขึ้นมอง ก็ปะทะกับสายตาที่คมลึก
แม่งเอ๋ย
เป็นเขาจริงๆด้วย!
เหมือนว่าเขาโกรธ คงไม่ใช่เรื่องเมื่อเช้าที่นางสัมผัสมือเขา?
ไม่ต้องเวอร์ขนาดนั้นก็ได้? สัมผัสมือแค่นี้จะเป็นไร? ไม่ได้ทำให้ส่วนไหนขาดหายไป นี่ขนาดโกรธตั้งแต่เช้าถึงตอนนี้เลย
เหรอ
หมดปัญญาจริงๆ!
หลานเยาเยายิ้มหวานๆให้เขา
“ท่านจะกินหน่อยไหม?”
นางยื่นอาหารในมือให้เขาอย่างใจกว้าง แล้วทำตากระพริบให้
ใครจะไปรู้……
เย่แจ๋หยิ่งหรี่ตาลง ยื่นมือใหญ่ออกมา จับตัวนางขึ้นมา นางไม่มีสิทธิ์ต่อต้านเลย
หลังจากนั้น
ร้านน้ำชาที่หรูที่สุดในเมืองหลวง ในห้องที่เงียบสงบและหรูหรา
หลานเยาเยานั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ฝั่งตรงข้ามเย่แจ๋หยิ่ง สายตายังจ้องไปที่อาหารบนโต๊ะ ในใจกำลังคิดแผนอยู่
เย่แจ๋หยิ่งไม่พูดสักคำ!
ก็นั่งเฉยๆอย่างนี้กับเขา มันมีอะไรน่าสนใจหรือเปล่า?
เขาต้องการทำอะไรกันแน่?
“ท่านอ๋อง นี่เป็นเนื้อย่างสูตรดั้งเดิม โรยด้วยเครื่องเทศสูตรลับเฉพาะของร้านนี้ หอมเข้มข้น กินเสร็จจะทำให้ท่านลืมไม่ลง
มามามา ท่านชิมคำหนึ่ง?”
ด้วยความหวังดีหลานเยาเยาเอาเนื้อย่างหนึ่งไม้ ยื่นไปที่ปากของเขา
แต่ว่าเขาไม่ใส่ใจอะไรเลย!
อย่าว่าแต่กินคำหนึ่งเลย แม้แต่มองยังไม่มองเลย
“ไม่ชอบถ้าอย่างนั้นก็กินจนหมดเลย?”
นางไม่รอคำตอบจากเขา ก็ลงมือฉีกเนื้อเป็นชิ้น แล้วยื่นไปที่หน้าเขา
“ท่านดูซิ ข้าฉีกชิ้นเล็กให้ท่าน กำลังร้อนๆรีบกินเร็ว!”
นางถือเนื้อตั้งนานจนหมดหนทาง ก็ไม่มีท่าทีว่าเย่แจ๋หยิ่งจะกิน นางก็เหลือกตาใส่เขาทีหนึ่ง
“ท่านไม่กินข้ากินเองนะ!”
จากนั้นนางก็กินเองคนเดียว และกินเนื้อย่างไปสามชิ้นใหญ่ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกินเลย
เย่แจ๋หยิ่งยกมุมปากขึ้นมา
มองดูร่างเล็กบอบบางของนาง และไม่สนใจบุคลิกตัวเองในการกินของ ความไม่พอใจ ก็ค่อยๆจางหายไปกับการกระทำ
ของนาง
นางกินเก่งอย่างนี้ ทำไมไม่เห็นมีน้ำมีนวลขึ้นมา?
“วันนี้เจ้าไปไหนมา?”
“ทำไมเหรอทำไมเหรอเหรอเหรอ……”
ในปากหลานเยาเยาเต็มไปด้วยเนื้อคำใหญ่ นางกำลังเคี้ยวแล้วตอบคำถามเย่แจ๋หยิ่ง จากนั้นก็พูดไม่ชัดเจน
“……” นางก็กลืนลงไปก่อนค่อยตอบได้ไหม?
รู้สึกถึงสายตาไร้ความปราณีของอีกฝ่าย นางรีบกลืนเนื้อย่างลงไป จากนั้นเอามือมาจับน้ำชาบนโต๊ะ จากนั้นก็มีเสียง “กูลู
กูลู” ดื่มน้ำชาลงไป
เย่แจ๋หยิ่งมองแก้วชาตัวเอง ตอนนี้ได้อยู่ในมือของหลานเยาเยา รู้สึกน้ำชาดื่มหมดแล้ว
เขาอดไม่ได้ที่จะจับหน้าผาก
แล้วถอนลมหายใจยาวๆออกมา
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหอบเล็กน้อยของหลานเยาเยาแว่วเข้ามาในหูเขา เขาก็เงยหน้าขึ้น “เจ้าพูดอะไรนะ?”
“ข้าก็ไปเที่ยวตลาดแล้วหาของกินไง!” หลานเยาเยาอธิบาย
“ยังมีอีกไหม?” เขาถาม
“ก็ไปจุดธูปมารดา ทำไมเหรอ?”
ตอนแรกเรื่องที่ไปจุดธูป นางไม่อยากพูด แต่นึกขึ้นได้ เย่แจ๋หยิ่งเคยพูดไว้ห้ามพูดโกหก นี่แสดงว่า ไม่ว่านางจะไปไหนคง
ถูกเขาสะกดรอยตามตลอด
ฉะนั้น!
ไม่ต้องปิดบังดีกว่า
“อืม ไม่มีอะไร!”
“อ่อ ใช่แล้ว ข้ายังพบเจอพวกโจร โชคดีที่เซียวซื่อจื่อยื่นมือช่วยเหลือ ข้าเลยไม่ถูกพวกเขาจับไป” พอนึกถึงท่าทางอ่อนโยน
และสง่างามของเซียวจิ่นหยู หลานเยาเยาก็อดไม่ได้อมยิ้มขึ้นมา
“เจ้ายังต้องการเขาช่วยเหรอ?” เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้ว
เอ่อ……
ทำไมนางถึงไม่ต้องการ
ถึงแม้โจรพวกนั้น สำหรับนางเป็นแค่เด็กอมมือ
แต่ว่า ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงอ่อนแอแล้วได้รับการปกป้องจากคนอื่น ก็มีความสุขเหมือนกัน?
“แน่นอน ข้าตัวเล็กอ่อนแอมาก โจรพวกนั้นบอก พรุ่งนี้ให้ข้าไปที่นั่นอีกครั้ง พวกเขาจะจับข้าไปที่เขาไปเป็นฮูหญิงหัวหน้า
โจร คิดๆแล้วก็น่าสนใจเหมือนกัน”
“เจ้าจะไปเป็นฮูหญิงหัวหน้าโจร?”
เย่แจ๋หยิ่งหรี่ตาลง แววตาแผ่แสงออกมาด้วยความน่ากลัว…