หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 1037 คนหายไปหมดแล้ว / ตอนที่ 1038 ราชาแห่งการหลอกลวงเข้าสิง!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 1037 คนหายไปหมดแล้ว / ตอนที่ 1038 ราชาแห่งการหลอกลวงเข้าสิง!
ตอนที่ 1037 คนหายไปหมดแล้ว
“คุณรู้อะไรไหม ฟ่านอวี่สืบเจอแล้วนะว่ามั่วเฉียนคือพ่อของฉัน ฉันเองก็จำได้ว่าเขาคือพ่อของฉันเหมือนกัน แต่เขาเจอฉันวันนี้ เขากลับต้องการจะฆ่าฉัน…”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดถึงตอนนี้ก็สูดจมูก
เสียใจอยู่หน่อยๆ
ในความทรงจำของเธอ พ่อรักเธอมาก
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร พ่อไม่เคยโกรธเธอเลย
บางครั้งเธอดื้อจนแม่ดุเธอ พ่อก็จะปกป้องเธอโดยบอกว่าเจ้าหญิงน้อยของเขาทำอะไรก็ไม่ผิด
จากนั้นแม่ก็จะโมโหและบอกว่าต่อไปเธอจะโดนพ่อตามใจจนเสียคน…
พ่อที่รักและเอ็นดูเธอขนาดนี้ ทำไมถึงต้องการฆ่าเธอ?
จนถึงตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ก็คิดไม่ตก
เธอนึกว่าคนที่ต้องการฆ่าเธอคือมั่วหย่งเหิง แต่ตอนที่เห็นมั่วเฉียนกับตาตัวเอง เธอก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
พอคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก็เจ็บหัวอยู่หน่อยๆ
รถเลี้ยวเข้าคฤหาสน์ตระกูลอวี๋
อวี๋เยว่หานไม่ยอมพูดกับเธอแม้แต่ประโยคเดียวมาตลอดทาง
หลังจากถึงคฤหาสน์ เขาก็ตื่น
ยื่นมือเปิดประตูรถแล้วเดินเข้าคฤหาสน์ไป
ร่างสูงตระหง่านและขายาวคู่นั้นก้าวยาวๆ เดินเข้าไป
เหนียนเสี่ยวมู่ต้องวิ่งเหยาะๆเพื่อตามเขาไปให้ทัน
แต่ไม่กล้าตะโกนบอกให้เขาเดินช้าๆเหมือนเมื่อก่อน
ระหว่างทางที่พวกเขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ คนรับใช้ในคฤหาสน์ต่างก็จับจ้องมาที่พวกเขา
โดยเฉพาะเหนียนเสี่ยวมู่ที่เดินตามหลังอวี๋เยว่หาน
หน้าตาดูตกตะลึงราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าคุณผู้หญิงที่หนีจากงานแต่งงานยังจะใจกล้ากลับมาที่นี่อยู่อีก?
และยังมีอีกหลายคนที่มองเธอด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ คล้ายกับว่าการที่เธอปรากฏตัวอยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นเพราะเธอต้องการกลับมาเอง แต่เป็นเพราะถูกอวี๋เยว่หานจับได้จึงลากเธอกลับมาด้วยและเตรียมจะหักขาเธอ…
มองจนเหนียนเสี่ยวมู่ขนลุกไปทั้งตัว
น่ากลัวจัง!
พอเข้ามาในคฤหาสน์
คุณย่าไม่อยู่ เสี่ยวลิ่วลิ่วก็ไม่อยู่
คฤหาสน์หลังใหญ่โล่งไปหมด
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับอวี๋เยว่หาน เธอเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นเขากำลังขึ้นไปชั้นบน ก็ตามขึ้นไปด้วย
พอมาถึงหน้าบันได เขาก็หยุดเดินกะทันหัน
เหนียนเสี่ยวมู่เบรกตัวเองไม่ทันจึงชนเขาไปตรงๆ
ชนแรงจนเธอสะเทือนถอยออกมาสองก้าว
เท้าข้างหนึ่งลื่นเกือบจะหกคะเมนไปกับพื้น
“กรี๊ด!”
ทันทีที่เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมา อวี๋เยว่หานก็เอื้อมมือออกไปคว้าไหล่ของเธอไว้เพื่อประคองเธอให้มั่น
มองเธออย่างเย็นชา
“ตอนหนีออกจากโบสถ์วิ่งเร็วนักไม่ใช่เหรอ ทำไมพอกลับคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ถึงเดินไม่เป็นไปซะล่ะ?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่ก้มหน้า ตัวเองทำผิดก่อนจึงฟังเขาสั่งสอนโดยไม่ตอบโต้
ในใจคิดว่าในที่สุดเขาก็ดุเธอจนได้
ถ้าเขาไม่ดุ เธอคงถูกแช่แข็งตายด้วยไอเย็นบนตัวเขา
เธอยอมให้เขาโวยวายใส่เธอดีกว่าทำเป็นไม่สนใจเธอและไม่ยอมพูดกับเธอแบบนี้
อึดอัดจะตายอยู่แล้ว…
อวี๋เยว่หาน “รู้ไหมว่าทำไมในคฤหาสน์ถึงไม่มีคนอยู่?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าพลางกะพริบตามองเขา
ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง
อวี๋เยว่หานยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา “ก็เพราะวันนี้คุณย่าไปจัดงานเลี้ยงครอบครัวในช่วงบ่าย เธออยากให้คุณไปศาลบรรพบุรุษตระกูลอวี๋เพื่อไปพบญาติผู้ใหญ่ตระกูลอวี๋ทุกคน”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่ดวงตาหม่นหมอง เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
งานแต่งถูกยกเลิกไปชั่วคราว
ตอนนี้คุณย่าจะต้องยุ่งอยู่กับการช่วยเธออธิบายให้ญาติผู้ใหญ่ตระกูลอวี๋ฟังอยู่แน่ๆ…
เรื่องในวันนี้เป็นเพราะเธอคิดไม่ดีพอ
มัวแต่เป็นห่วงถานเปิงเปิงจนลืมไปว่าการที่เธอจากไปแบบนี้ ไม่เพียงแค่ส่งผลต่องานแต่งงานเท่านั้น
“อวี๋เยว่หาน เราไปงานเลี้ยงครอบครัวตอนนี้ทันไหม?” เหนียนเสี่ยวมู่คิดอะไรขึ้นได้จึงเงยหน้าจากอก มองเขาด้วยแววตาระยิบระยับอย่างจริงใจ
ตอนที่ 1038 ราชาแห่งการหลอกลวงเข้าสิง!
ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็เป็นตัวต้นเหตุ จะให้คุณย่าช่วยเธอแบกรับไม่ได้
เธออยากไปอธิบายจริงๆ คนที่สมควรไปขอโทษญาติผู้ใหญ่ตระกูลอวี๋ไม่ใช่คุณย่า แต่เป็นเธอ!
ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด
เหนียนเสี่ยวมู่จ้องอวี๋เยว่หานด้วยสายตาจริงจัง
แววตาอวี๋เยว่หานเป็นประกายซับซ้อน เหลือบมองเธอด้วยความเย็นชา จากนั้นก็หลับตาลงโดยไม่พูดอะไร หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน
เหนียนเสี่ยวมู่จะอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร
เมื่อกี้เธอยังไม่รู้ว่าคุณย่ากับเสี่ยวลิ่วลิ่วไปไหน แต่พอตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคุณย่าไปขอโทษญาติผู้ใหญ่ตระกูลอวี๋เพราะเธอหนีไปจากงานแต่งงาน เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับความผิดพลาดในอดีต
“อวี๋เยว่หาน…”
“คุณอยากไปจริงๆ?” อวี๋เยว่หานหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือพลางเหลือบมองเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
ถึงจะโดนดุ เธอก็จะไป เธอไม่สามารถทิ้งคุณย่าไว้ตามลำพังได้
อวี๋เยว่หาน “คุณจะไปในสถานะอะไร?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “???”
ยอมรับผิดจะต้องมีสถานะด้วยเหรอ?
ไม่ใช่ว่าเป็นคู่หมั้นของเขาหรอกเหรอ…ที่เกือบจะได้เป็นภรรยาแล้วอะไรทำนองนั้น
อวี๋เยว่หาน “ศาลบรรพบุรุษตระกูลอวี๋ไม่ใช่สถานที่ที่คนนอกจะเข้าได้ ถึงคุณจะเป็นคู่หมั้นผม แต่ก็เป็นแค่คู่หมั้นทางวาจาเท่านั้น เรายังไม่ได้จัดงานหมั้นกันเลย ที่จริงวันนี้มันควรจะเป็นงานแต่งด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว…”
หมายความว่าตอนนี้เธอเป็นแค่คนนอกสำหรับตระกูลอวี๋
ถึงแม้ว่าเธอจะคลอดลูกสาวให้ตระกูลอวี๋
เหนียนเสี่ยวมู่พูดไม่ออก
เบิกตากว้างมองเขาด้วยความตกใจ
เหมือนรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง พวกเขาเปลี่ยนจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดไปเป็นคนแปลกหน้าภายในชั่วข้ามคืน
แสบจมูกเล็กน้อย
แน่นหน้าอกหน่อยๆ
เหมือนลูกแมวกำลังจะโดนเจ้าของทิ้ง เกาหูตัวเองและเงยหน้าถาม
“อวี๋เยว่หาน นี่คุณหมายความว่ายังไง? คุณจะเลิกกับฉันงั้นเหรอ?”
“ประโยคนี้ผมควรจะถามคุณมากกว่า” พออวี๋เยว่หานหันกลับมา เขาก็พบว่าเหนียนเสี่ยวมู่กำลังทำหน้าขุ่นเคืองยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง “คุณหนีจากงานแต่งงานโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับผมหรอกเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่! ชีวิตคนสำคัญที่สุด ฉันแค่รีบไปช่วยคนเท่านั้น ในใจยังคิดจะรีบไปรีบกลับ รีบมากลับแต่งงานกับคุณให้ทัน!” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบอย่างไม่ต้องคิด
อวี๋เยว่หาน “…”
อวี๋เยว่หานยื่นมือเปิดประตูห้องหนังสือ ระงับอารมณ์ในแววตาและเริ่มแผนการของตัวเอง
“ตามผมมา”
เหนียนเสี่ยวมู่รีบเดินตามเข้าไปโดยไม่ได้สงสัยในตัวเขา
มองเขาเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานและหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก ยื่นให้เธอ
“นี่คืออะไร? เลิกกันยังต้องเซ็นสัญญาด้วยเหรอ?” เหนียนเสี่ยวมู่ทำหน้าผิดหวังและรับเอกสารมา เธอเปิดดูก็ถึงกับผงะ
(สัญญาแต่งงาน)
ข้อความบนนั้นเกือบจะทำให้เธอสงสัยความผิดปกติในแววตาของเขา
เขาไม่ได้จะเลิกกับเธอ เขาต้องการจดทะเบียนสมรสกับเธอ?
เขาไม่โกรธแล้ว!
“อวี๋เยว่หาน…”
“คุณย่ายังอยู่ที่ศาลบรรพบุรุษ ถ้าคุณอยากไปช่วยเธอก็ต้องเซ็นสัญญาแต่งงานฉบับนี้ก่อน ไม่อย่างงั้นคุณจะเข้าไปไม่ได้” อวี๋เยว่หานพูดเรียบๆ
หลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองใบหน้าเซ่อซ่าของเธอ
พร้อมกับพูดเสริม
“ถ้าคุณไม่เต็มใจเซ็นผมก็ไม่บังคับ ยังไงคุณย่าก็ไม่ได้ต้องการให้คุณช่วยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่โต ญาติผู้ใหญ่ตระกูลอวี๋พวกนั้นเคี่ยวขนาดไหนคุณก็เห็น คุณย่าไปศาลบรรพบุรุษคนเดียวไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง…”
ก่อนที่อวี๋เยว่หานจะพูดจบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็หน้าซีด