หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 138 เขาไม่อยากรักษาเกียรติเหรอ
อย่าว่าแต่กลายเป็นที่นินทาว่าร้ายของคนอื่นเลย ตอนนี้ควรกังวลว่าจะช่วยตัวเองอย่างไร
เธอกำลัง ร้อนเงิน…
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่แข็งทื่อแล้ว
เธออ้าปาก แต่คิดไม่ออกว่าตัวเองควรพูดอะไร จนเธอต้องตั้งสติ แล้วพูดสิ่งที่เมื่อครู่ตัวเองอยากพูดออกมา “คุณชาย คุณโอนโบนัสให้ฉันได้ไหม”
ครั้นพูดจบ เธอกลับอยากเป็นลมไปเสียให้ได้
เพิ่งทำผิดต่อเขาไป แล้วยังขอให้โอนโบนัสให้อีก นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายอย่างชัดเจนเหรอ
แต่คำพูดที่พูดออกมาแล้วก็เหมือนสาดน้ำออกไป หวนคืนกลับมาไม่ได้แล้ว ทำได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
เธอเปลี่ยนยาให้เสี่ยวลิ่วลิ่วอย่างราบรื่น จากนั้นยืนขึ้นตรงหน้าโซฟา แล้วถือสมุดเล่มเล็กๆ ที่พกติดตัวไว้ในกระเป๋า เดินข้างหน้า
จากนั้นกางลงตรงหน้าอวี๋เยว่หาน
“ตอนที่ไปงานเลี้ยงวันเกิดครั้งก่อน คุณให้ฉันเต้นรำเปิดฟลอร์กับคุณ หลังจากนั้นก็มีอีกหลายครั้ง ทุกครั้งฉันจดไว้หมด…” เหนียนเสี่ยวมู่ชี้จำนวนเงินที่บันทึกไว้บนนั้น ดวงตาสดใสของเธอเป็นประกาย
ราวกับดวงดาวบนฟากฟ้าที่กะพริบพร่างพราว
เงินเล็กน้อยก็ทำให้เธอยิ้มเบิกบานใจได้ขนาดนี้แล้วเหรอ
อวี๋เยว่หานจ้องมองดวงหน้าเล็กงดงามของเธอ ก่อนที่สายตาจะตกลงบนสมุดเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าตน คิ้วขมวดแน่นเป็นปม
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะพกสมุดบัญชีติดตัวด้วย…
“กลัวผมเบี้ยวเหรอ” เสียงของอวี๋เยว่หานทุ้มต่ำลง
“ไม่ใช่อยู่แล้ว คุณชายรูปหล่อ สง่างาม แข็งแกร่งเหมือนต้นยูคาลิปตัส มีออร่าสูงส่งไม่มีใครเกิน จะเบี้ยวได้ยังไงกัน ฉันแค่…แค่…” เธอแค่อยากบอกว่าช่วงเวลาจ่ายเงินมาถึงแล้ว เธอร้อนใจอยากคำนวณเงินจ่ายหนี้
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังสับสนว่าจะตอบอย่างไร เขาก็เอ่ยปากอย่างเยียบเย็น
“อีกเดี๋ยวให้ผู้ช่วยพาคุณไปฝ่ายการเงิน”
“…”
“ตอนนี้พวกเราคุยเรื่องก้อนน้ำแข็งก่อน มันคืออะไรกันแน่”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
แสร้งทำเป็นความจำเสื่อมตอนนี้ยังทันไหมนะ
หรือว่าแกล้งตายดีกว่า
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังร้อนใจ เสี่ยวลิ่วลิ่ววิ่งเข้าไปในห้องพักผ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เด็กหญิงถือรูปวาดรูปนึ่ง กำลังวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ
“พี่สาวคนสวย หนูวาดพี่กับปาปาด้วยล่ะ”
เหนียนเสี่ยวมู่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
เธอยื่นมือไปรับภาพวาดในมือของเสี่ยวลิ่วลิ่ว แล้ววางลงตรงหน้าอวี๋เยว่หานอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง “คุณชาย ดูเร็วสิ เสี่ยวลิ่วลิ่ววาดคุณออกมาได้เหมือนจริงราวกับมีชีวิต…”
แต่เพิ่งพูดได้แค่ครึ่งเดียวก็ต้องหยุดไป
บนภาพไก่เขี่ยสีสันสดใสนั้น พอจะมองคนใส่กระโปรงออกอยู่สองคน คือเธอกับเสี่ยวลิ่วลิ่ว
ส่วนอวี๋เยว่หาน…
เหนียนเสี่ยวมู่หาอยู่ในภาพวาดอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นานมาก สุดท้ายก็ชี้สิ่งที่เหมือนเสาไฟฟ้า ก่อนจะถามเสี่ยวลิ่วลิ่วอย่างสิ้นหวัง “นี่คือรูปพ่อที่หนูวาดเหรอ”
เธอชำเลืองมองเด็กหญิงพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม อยากจะคิดว่าตัวเองไม่เคยเรียนสุภาษิตที่ว่า ‘เหมือนจริงราวกับมีชีวิต’ เสียเหลือเกิน
หลังจากเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอวี๋เยว่หานจ้องมองเสาไฟฟ้าบนรูปวาด สีหน้าดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก…
เสียงทุ้มต่ำคล้ายกับดังมาจากนรกค่อยๆ พูดทีละคำ “ที่แท้ภาพลักษณ์ของผมในสายตาของคุณก็เป็นเอกลักษณ์แบบนี้นี่เอง”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
ถึงทางตันแล้ว จะทำอย่างไรดี
ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือล้มเลิก
“คุณชาย อยู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าแผนกประชาสัมพันธ์มีงานมากมายรอฉันอยู่…”
เธอปล่อยภาพวาดในมือ แล้วหันหน้าวิ่งหายวับไปจากประตู
วินาทีต่อมา ผู้ช่วยถือเอกสารมาฉบับหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก มุ่งหน้ามาตรงหน้าอวี๋เยว่หานโดยตรง “คุณชายหาน เรื่องที่คุณให้ผมตรวจสอบ ได้เรื่องแล้วนะครับ”
“…”
“ถึงจะยังหาปูมหลังของเหนียนเสี่ยวมู่ไม่เจอ แต่พวกเราหาคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเธอเจอคนหนึ่ง ชื่อว่าถานเปิงเปิงครับ”