หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 151-152
ตอนที่ 151 ขอให้คุณโชคดี
“ขอบคุณค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนจนมั่นคงแล้วจึงหันไปมองเธอตามสัญชาตญาณ ก่อนจะพบว่าคนตรงหน้าไม่เพียงใส่หมวกแก๊ป แต่ยังใส่หน้ากากด้วย
มองไม่เห็นหน้าของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
เพียงแต่สายตาของอีกฝ่ายเป็นมิตรมาก หลังจากเธอเห็นเหนียนเสี่ยวมู่แล้วว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงจะหมุนตัวจากไป
รูปร่างสะสวยนั้นทำให้เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างอย่างน่าประหลาด แต่พยายามนึกแล้วก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน…
แฟนคลับรอบๆ ยังคงคึกคัก เสียงกรี๊ดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาเหนียนเสี่ยวมู่ต้องปิดหู เธออยากเดินไปข้างหน้า แต่ถูกบอดี้การ์ดขวางทางไว้ เข้าไปไม่ได้เลย
เธอจับจ้องไปที่ประตูของลานแฟชั่นโชว์ที่รถมินิแวนเคลื่อนมาถึง หลังจากประตูรถเปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้าไปข้างในภายใต้การคุ้มกันอย่างแน่นหนาของเหล่าบอดี้การ์ด
“ซ่างซิน!”
“นางฟ้า มองผมสักครั้งเถอะ!”
“ซ่างซิน ผมรักคุณ! ผมจะสนับสนุนคุณไปตลอดชีวิต!”
“…”
เมื่อซ่างซินปรากฎตัว แฟนคลับรอบๆ ก็กรูกันเข้ามา เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ทันตั้งตัวจึงถูกเบียดไปอยู่ข้างหน้าไปโดยปริยาย
บอดี้การ์ดแทบจะควบคุมสถานการณ์ร้อนระอุแบบนี้ไม่อยู่แล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่จมอยู่ในฝูงชน ครั้นเห็นซ่างซินกำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์ เธอก็ร้อนใจตะโกนไล่หลังนางแบบสาวไปเสียงหนึ่ง
“ซ่างซิน ฉันขอเวลาคุณสักแป๊บหนึ่งได้ไหม ฉันมาคุยเรื่องร่วมงานกับคุณ…”
สิ้นเสียของเธอ ซ่างซินก็เข้าไปในลิฟต์แล้ว
ประตูลิฟต์ปิดลงอย่างไร้เยื่อใย กั้นพวกเธอทั้งสองคนเหมือนอยู่กันคนละโลก
อย่าว่าแต่เจรจาร่วมงานกันเลย ซ่างซินได้ยินเธอพูดหรือเปล่าเนี่ยสิเป็นปัญหา
เธอตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ สุดท้ายก็ไม่ได้พบหน้าซ่างซินด้วยซ้ำไป…
เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาถึงริมถนน ก่อนจะนั่งยองๆ ลง
เธอคิดจนหัวแทบแตก แต่ยังมีหนทางเจอซ่างซินอยู่ ถ้าเบียดเข้าไปข้างหน้าอีกก็อาจจะได้เจอผู้จัดการของซ่างซิน
มาแย่งพื้นที่ของแฟนคลับ แต่สุดท้ายกลับต้องถอยไปทุกครั้งคงจะไม่ได้
เธอเงยหน้าขึ้น มองฝูงชนที่ค่อยๆ กระจายตัวไปตามการหายไปของซ่างซิน ฉันพลันนั้นเธอก็เหลือบเห็นเงาร่างอันคุ้นเคย
หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปที่ช่วยประคองเธอเมื่อครู่ก็กำลังนั่งยองๆ อยู่ด้านข้าง มองไปยังกลุ่มคนที่สลายตัวไปข้างหน้าเช่นเดียวกับเธอ
สองมือยันแก้ม ดูท่าทางสิ้นหวังอยู่บ้าง
“อารมณ์ไม่ดีเพราะไม่ได้เจอไอดอลที่ชอบเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่หันมาเอ่ยปากถาม
หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปเหมือนจะไม่คิดว่ามีคนสังเกตเห็นเธอ สายตาของเธออึ้งงันไปเล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงจะตอบ “คงงั้นมั้งคะ”
จากนั้นเธอก็ย้อนถาม “แล้วคุณล่ะ ชอบซ่างซินมากเหรอคะ”
“ฉันไม่ใช่แฟนคลับของเธอหรอกค่ะ ฉันแค่อยากเจอเธอเพื่อเจรจาเรื่องพรีเซ็นเตอร์” เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็บุ้ยปากไปทางบอดี้การ์ดตรงหน้าประตูลานแฟชั่นโชว์ “คุณก็เห็นนี่คะ ฉันเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้จัดการของเธอก็ไม่รับโทรศัพท์ด้วย”
หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปฟังเหนียนเสี่ยวมู่แล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “คุณไม่รู้เหรอคะว่าซ่างซินไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์ คุณอย่าเปลืองความคิดเลย”
“คนรอบข้างฉันก็พูดแบบนี้ค่ะ แต่ก็ต้องลองก่อนถึงจะรู้ไม่ใช่เหรอ ล้มเลิกกลางคันไม่ใช่นิสัยของฉันหรอกค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่ยกยิ้มที่มุมปาก บนใบหน้าไม่มีความเศร้าซึมใดเพราะความผิดหวังในวันนี้เลย
ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใสทำให้เครื่องหน้าที่เดิมทีโดดเด่นกว่าใครยิ่งน่าหลงใหลเข้าไปใหญ่
หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปหันหน้ามองเหนียนเสี่ยวมู่พลางเหม่อลอย จากนั้นก็ปรบมือ แล้วลุกขึ้นยืนจากบนพื้น
“ฉันต้องไปแล้ว ขอให้คุณโชคดีค่ะ!”
“คุณก็เช่นกันนะคะ ขอให้เช้านี้ได้เจอไอดอลของคุณค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่โบกมือบอกลา พร้อมกับมองเงาร่างของเธอจากไป ครั้นกำลังเตรียมจะเดินไปตามฝ่ายจัดการลานแฟชั่นโชว์ว่าขอพบซ่างซินได้ไหม โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาทันใด
ตอนที่ 152 ที่แท้เป็นเธอนี่เอง!
เหนียนเสี่ยวมู่ควักโทรศัพท์ออกมา เหลือบมองครั้งหนึ่ง พบว่าเป็นโทรศัพท์จากที่บริษัทจึงรีบร้อนรับสาย
“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณไปไหนเนี่ย ไม่เห็นคุณตั้งแต่เช้าแล้ว คนจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ามา กำลังสอบถามเรื่องพรีเซ็นเตอร์ซ่างซิน ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหนต้องรีบกลับมา!” เสียงร้อนใจของเย่หมิงหมิ่นดังลอดออกมาจากในสาย
ครั้นพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไป
เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินว่าคนจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ามาแล้ว เธอก็รีบยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า ก่อนจะมุดตัวเข้าไปในรถแท็กซี่ที่เรียกได้
“ไปบริษัทตระกูลอวี๋ค่ะ!”
หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปที่เพิ่งเดินมาถึงประตูลานแฟชั่นโชว์เหมือนรู้สึกถึงอะไรบ้างอย่างจึงหยุดฝีเท้าเงยหน้ามองมาทางเหนียนเสี่ยวมู่ทันที
แต่ก็มองเห็นเพียงรถแท็กซี่ที่ขับไกลออกไปเท่านั้น…
เธอขมวดคิ้วมุ่น
สายตาของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
“ซ่างซิน ใกล้ถึงเวลาลองชุดแล้ว เธอยังตะลึงอะไรอยู่อีก รีบเข้ามาสิ!” ผู้จัดการยืนอยู่หน้าประตู พลางเรียกเสียงเบา
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปก็ได้สติกลับมา ก่อนจะจะยื่นมือไปกดหมวกแก๊ปของตัวเอง ก้มหน้า แล้วเดินเข้าไปในลานแฟชั่นโชว์อย่างถ่อมตัว
บริษัทตระกูลอวี๋
เหนียนเสี่ยวมู่รีบร้อนกลับมา แต่ก็ไม่ทันผู้จัดการโครงการของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า
“คนจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าไปแล้ว แต่ฝากข้อความไว้ พวกเขาหวังมากว่าจะเชิญซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งสัปดาห์ก็จะเริ่มโครงการแล้ว นั่นก็หมายความว่าคุณเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์”
เย่หมิงหมิ่นก้าวมาข้างหน้า ส่งสาส์นของอีกฝ่ายให้เหนียนเสี่ยวมู่
“ผู้จัดการเหวินพูดว่า บริษัทของพวกเราเสียแรงเสียเวลากับโครงการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าไปมาก จะต้องทำความต้องการของพวกเขาให้ได้มากที่สุด”
“…”
พูดน่ะง่าย แต่ไม่มีใครติดต่อซ่างซินได้เลย
คำขอของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ายากเย็นอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่ถ้าหากพวกเขาทำตามคำขอไม่ได้ตั้งแต่เริ่มต้นร่วมงานกันก็จะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำในการร่วมงานกันภายหลังได้ง่ายมาก
แต่ในทางกลับกัน หากพวกเขาเชิญซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้จริงก็จะพิสูจน์อำนาจของพวกเขาต่อบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เหวินหย่าไต้จึงหวังว่าจะทำตามคำขอของอีกฝ่ายได้ เพื่อบริษัทตระกูลอวี๋
“ฉันทราบแล้วค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็เดินกลับไปนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง พลางเหม่อมองคอมพิวเตอร์
เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้ซ่างซินตกลงพบเธอ…
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณคงไม่คิดจะเชิญซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จริงๆ หรอกใช่ไหม” เพื่อนร่วมงานข้างๆ เป็นนักศึกษาฝึกงานสาว เธอหันหน้ามาถามเสียงเบา
แต่คนรอบข้างที่ได้ยินก็หันมามองเหนียนเสี่ยวมู่ไม่น้อย
ในสายตามีความอยากรู้อยากเห็นฉายชัด
“อืม นี่เป็นคำของการร่วมมือ มีทางให้ประนีประนอมด้วยเหรอ” เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ พร้อมกับตอบอย่างใจเย็น
“มีสิคะ” นักศึกษาฝึกงานที่เป็นคนถามเมื่อครู่ขยับเข้ามาใกล้เธอ ก่อนจะพูดเสียงเบา “คนทั้งแผนกต่างก็รู้ว่าซ่างซินไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์ ให้เธอออกงานอีเวนท์สักงานยังยากเลย งานนี้ทำให้คุณลำบากชัดๆ เลย”
“…”
“ฉันว่านะคะ คุณไปอ้อนผู้จัดการดีกว่า ทำตัวน่าสงสารสักหน่อย บอกว่าซ่างซินไม่ยอมพบคุณ แล้วให้ผู้จัดการไปปฏิเสธเรื่องพรีเซ็นเตอร์กับคนของเซิ่งต้า”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งงัน เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็มีเสียงถากถางดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“นี่ งานนี้ยังไม่ทันเริ่มก็รีบลั่นกลองรบถอยทัพแล้วเหรอ แผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเราอ้อนผู้จัดการก็ไม่ต้องทำงานได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”