หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 467 แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว (1) / ตอนที่ 468 แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว (2)
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 467 แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว (1) / ตอนที่ 468 แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว (2)
ตอนที่ 467 แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว (1)
อะไรกัน?
เหนียนเสี่ยวมู่หรี่ตาเป็นเส้น เมื่อเธอแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันอยู่ เธอก็ก้มหน้ามองหน้าจอครั้งหนึ่ง
ครั้นเห็นว่าเป็นสายจากเหวินหย่าไต้ เธอพลันขมวดคิ้วมุ่นทันที
ผู้หญิงคนนี้ อยากจะเล่นลูกไม้อะไรอีก
เธอไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของอีกฝ่าย ขณะที่คิดจะวางสาย เสียงถากถางของเหวินหย่าไต้ก็ดังมาจากปลายสายแล้ว “เหนียนเสี่ยวมู่ อย่าคิดว่าเธอชนะแล้ว เธอแค่อาศัยหน้าตาที่คล้ายกับผู้หญิงคนนั้นก็เท่านั้นแหละ!”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ชะงักมือ ไม่ได้กดวางสายทันที
“เธอหมายความว่ายังไง”
หลังจากได้ยินเสียงของเธอ เหวินหย่าไต้ก็หัวเราะอยู่ที่ปลายสาย เหมือนกับคนบ้าก็ไม่ปาน
“ฉันรักเขามาตั้งหลายปี เขายังไม่ยอมรับฉันเลย แถมข้างกายเขายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน เธอไม่รู้สึกแปลกๆ เลยหรือไง”
“…”
อวี๋เยว่หานไม่เคยคบกับใคร เขามีชื่อเสียงในเรื่องนี้
เหนียนเสี่ยวมู่ก็เคยคิด ว่าเขามีตัวเลือกตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงมาเลือกเธอ…
หญิงสาวคว้าโทรศัพท์มือถือไว้แน่น “ฉันไม่อยากฟังคุณพูดไร้สาระ คุณอยากพูดอะไรก็พูดให้จบทีเดียว”
“เธอดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่วทุกวัน ไม่เคยสงสัยเลยเหรอ ว่าแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นใคร”
“…”
“ทุกคนพากันพูดว่าอยู่ๆ คุณชายหานก็มีแฟน แต่ด้วยฐานะของคุณชายหาน ถ้าเป็นผู้หญิงที่เขาไม่ชอบ อย่าว่าแต่คลอดลูกให้เขาเลย แค่คิดจะแตะต้องเขาก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!”
“…”
เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกหวั่นใจ เธออยู่ข้างกายอวี๋เยว่หานทุกวัน รู้จักการป้องกันของเขา มันรัดกุมมากจริงๆ
แล้วเสี่ยวลิ่วลิ่วมาได้อย่างไร
“ฉันบอกกับเธอตามตรง ผู้หญิงที่คุณชายหานรักฝังใจ มีแต่แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่วมาโดยตลอด! ถึงผู้หญิงคนนั้นจะจากไปแล้ว แต่ในหัวใจของเขาก็ไม่เคยที่ว่างอื่นให้ใคร ส่วนเธอ เป็นเพราะเธอหน้าตาคล้ายกับผู้หญิงคนนั้น ก็เลยกลายมาเป็นตัวแทนของอีกคนเท่านั้นแหละ!”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วมุ่น
คำพูดของเหวินหย่าไต้ เหมือนเข็มทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ
ทั้งๆ ที่รู้ ว่าอีกฝ่ายจงใจปลุกปั่น แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตัวแทน’ ในใจกลับมีความรู้สึกโมโหบังเกิดขึ้น
เหวินหย่าไต้ที่อยู่ปลายสายยิ่งหัวเราะได้ใจยิ่งขึ้น ราวกับรู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่กำลังลำบากใจ
“เหนียนเสี่ยวมู่ เธอมันน่าสงสารจริงๆ คิดว่าตัวเองเจอผู้ชายที่รักเธอแล้ว แต่สุดท้ายกลับพบว่าเป็นแค่ความฝัน คนที่เขารักไม่ใช่เธอ! เธอก็เป็นแค่ตัวแทน พอแม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่วปรากฏตัวขึ้น เธอต้องถูกตัดหางปล่อยวัดแน่!”
เสียงหัวใจได้ใจของเหวินหย่าไต้ ทำให้เหนียนเสี่ยวมู่เหม่อลอยในพริบตา
หญิงสาวสะบัดศีรษะ พยายามทำให้สมองตัวเองตื่นเต็มตา
“เธออยากพูดกับฉันแค่นี้ใช่ไหม เธอคิดว่าฉันเชื่อคำพูดไร้สาระของเธอเหรอ”
“…”
เสียงเรียบนิ่งของเหนียนเสี่ยวมู่ ทำให้เหวินหย่าไต้ที่อยู่ปลายสายพูดไม่ออกในทันใด
เดิมทีเธอคิด ว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะโกรธ เสียใจ แม้กระทั่งแหลกสลาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นแค่ตัวแทนของใครอีกคนงงง
แต่เหวินหย่าไต้คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง ว่าเธอจะย้อนถามเธอด้วยความเฉยชาอย่างนี้
เธอตะลึงไป ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ไปดูที่ห้องหนังสือของคุณชายหานเองก็ได้ ในลิ้นชักล่างสุดใต้โต๊ะของเขา มีรูปภาพอยู่รูปหนึ่ง รูปภาพนั้นก็คือรูปแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว แค่เธอเห็น เธอก็จะรู้ ว่าเธอเป็นแค่หนอนน่าสงสาร ที่เป็นตัวแทนของใครอีกคนมาตั้งแต่แรก!”
หลังจากเหวินหย่าไต้ตะคอกเสร็จ เธอก็รอคอยเหนียนเสี่ยวมู่ร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่เงียบๆ
ทว่าสิ่งที่เธอได้รับ มีเพียงคำตอบอันเฉยชายิ่งกว่าเดิมของเหนียนเสี่ยวมู่
ตอนที่ 468 แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว (2)
“คุณหัวเราะอะไร ถึงแม้ฉันจะเป็นตัวแทนของคนอื่น ก็ยังอีกว่าคุณ ที่แม้แต่สิทธิ์การเป็นตัวแทนก็ไม่มี!”
“…”
เหวินหย่าไต้ถูกตอกหน้าจนพูดไม่ออกในทันที
ครั้นเธออยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เหนียนเสี่ยวมู่ก็วางสายไปแล้ว
หญิงสาวเห็นคำพูดของอีกฝ่ายเป็นแค่การตั้งใจยั่วยุ จึงโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งอย่างไม่ใส่ใจสักนิด แล้วลอดเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นตอนเที่ยงแล้ว
สมองของเธอหนักอึ้ง เหมือนยิ่งหลับก็ยิ่งหนัก
เธอกอดผ้าห่มเริ่มเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง…
นานๆ ทีไม่ต้องไปที่บริษัท ได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน แถมอวี๋เยว่หานยังรังแกเธอจนลงจากเตียงไม่ได้อีก
ต้องขอลาหยุด เพราะบาดเจ็บจากการทำงาน!
หลังจากคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะนึกได้ ว่าตอนที่เธอตื่นนอนก่อนหน้านี้ อวี๋เยว่หานไม่อยู่ในห้อง
เขาไปไหน
“แกรก!” ประตูห้องถูกเปิดจากข้างนอก เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งพลันสาวเท้าเข้ามา
เมื่อเห็นคนที่ยังนอนขลุกอยู่ในผ้าห่ม อวี๋เยว่หานก็ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเธอไว้ แล้วก้มหน้าลงจูบเธอครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มได้กลิ่นกายหอมธรรมชาติของเธอ เขาขบติ่งหูเล็กๆ น่ารัก “ตื่นแล้วเหรอ”
“ยังไม่ตื่น!” เหนียนเสี่ยวมู่โกหกทั้งๆ ที่ลืมตาอยู่ พร้อมกันนั้นก็หดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่ม
“เที่ยงแล้ว ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน กินอิ่มแล้วค่อยนอน” อวี๋เยว่หานพูดพลางบีบจมูกของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
เหนียนเสี่ยวมู่กลับปัดมือของเขาออกอย่างไม่ใยดี
“ทำมาเป็นเห็นใจ ฉันลุกไม่ขึ้นเพราะเมื่อคืนคุณทำอย่างนั้นกับฉันบนรถไม่ใช่เหรอ…” เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียว หน้าก็แดงขึ้นมาแล้ว
พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถระหว่างพวกเขาทั้งสองคน หัวเล็กๆ แทบจะเหมือนหอยทาก มุดเข้าไปในผ้าห่มจนมิด
“คุณอย่าเพิ่งมาคุยกับฉัน ให้ฉันใจเย็นลงก่อน!” หญิงสาวอายจนโมโห พูดจาติดสำเนียงห่อลิ้น
เทียบกับความเขินอายของเธอแล้ว บนในหน้าของอวี๋เยว่หานกลับพึงพอใจและใจเย็น
ชายหนุ่มดึงเธอออกจากผ้าห่มอีกครั้ง ก่อนจะขยี้ผมของเธอ แล้วขยับริมฝีปากบาง “เด็กดี ลุกขึ้นมากินข้าวเถอะ ผมมีของขวัญจะให้คุณด้วย”
ของขวัญ?!
เมื่อได้ยินสองคำนี้ ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่พลันมีภาพแหวนวงนั้นเด้งออกมา!
เธอไม่เคยชอบแหวนวงไหนขนาดนี้มาก่อน
ไม่ใช่เพราะแหวนวงนั้นสวยเท่านั้น มันยังเข้ากับรสนิยมของเธออีกด้วย
แต่พอนึกได้ ว่าอวี๋เยว่หานจะใช้แหวนราชินีมาขอเธอแต่งงาน หัวใจของเธอก็เต้นเร็วจนควบคุมไม่ได้
เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ…
ความไม่พอใจเมื่อครู่กลายเป็นความตื่นเต้นอย่างเต็มตื้น
เธอปล่อยให้เขาอุ้มตัวเองจากเตียง รวมถึงล้างหน้าล้างตาด้วย
สุดท้ายเหนียนเสี่ยวมู่ก็ตั้งใจเลือกชุดกระโปรงที่ค่อนข้างเป็นทางการจากในตู้เสื้อผ้ามาใส่ แล้วถึงจะตามเขาลงไปชั้นล่าง
เมื่อเข้าไปในห้องอาหาร พ่อบ้านก็เตรียมอาหารกลางวันไว้เรียบร้อยแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่ที่ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองจะตื่นเต้นจนไม่อยากกินข้าว ครั้นเห็นของอร่อยเต็มโต๊ะ กลับกลายเป็นว่าเธอจำของขวัญอะไรไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ต้องเติมท้องให้อิ่มก่อน
เธอปืนออกจากอ้อมอกของอวี๋เยว่หาน ก่อนจะเดินไปยังหน้าโต๊ะอาหาร แล้วเริ่มกินอย่างตะกละตะกลาม
หลังจากกินข้าวสวยไปสองชาม รวมถึงกับข้าวอีกหลายอย่าง เธอก็ดื่มน้ำซุปถ้วยใหญ่เป็นอย่างสุดท้าย…
หญิงสาวเห็นพ่อบ้านนำกล่องแหวนเดินเข้ามาจากข้างนอกจริงๆ ความขี้เกียจในร่างกายเมื่อครู่พลันหายไป เธอนั่งหลังตรงด้วยความตื่นเต้นแล้ว!
เหนียนเสี่ยวมู่ดึงแขนเสื้อของอวี๋เยว่หาน “เอ่อ ไปที่อื่นไหม ตรงนี้เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะ…”
มีใครขอแต่งงานต่อหน้าจานชามที่เพิ่งกินอาหารไปจนเกลี้ยงกันบ้างเล่า
นี่ไม่เท่ากับประกาศว่าตัวเองแต่งงานกับจอมตะกละหรอกเหรอ