หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 817 ต้องเป็นเธอแน่ๆ! ตอนที่ 818 เลี้ยงดูไม่ไหว
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 817 ต้องเป็นเธอแน่ๆ! ตอนที่ 818 เลี้ยงดูไม่ไหว
ตอนที่ 817 ต้องเป็นเธอแน่ๆ!
ในวิดีโอทางออกของสนามบินมีเงาเบลอคนอยู่ไม่กี่คนสะท้อนม่านตาในชั่วขณะ
ฟ่านอวี่ชี้ไปยังรูปที่คมชัดที่สุด “ฉันทำการเทียบกับวิดีโอที่จุดเช็คตั๋วเพื่อหาคนที่มีรูปร่างคล้ายถานเปิงเปิงมากที่สุดในบรรดาคนที่ออกจากสนามบิน เธอดูซิว่าพอจะจำได้ไหม”
แม้จะเป็นรูปที่คมชัดที่สุดรูปหนึ่ง แต่เป็นเพราะระยะห่างของกล้องอยู่ไกลเกินไป จึงเห็นได้เพียงแค่คนเดียว
หลังจากขยายรูปภาพแล้วจะทำให้หน้าตาเบลอไปโดยปริยาย
ในกรณีนี้เป็นการยากที่จะระบุตัวบุคคล
อย่างไรก็ตามเหนียนเสี่ยวมู่ยังคงจำคนในภาพได้ “เป็นเปิงเปิง! ต้องเป็นเธอแน่ๆ!”
เธอไม่ได้ขึ้นเครื่องบินจริงๆด้วย…
เหนียนเสี่ยวมู่จับเมาส์อย่างกระวนกระวาย เธอตรวจดูคนที่ปรากฏในวิดีโอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่สนามบินมีทางออกหลายทาง คนสัญจรไปมาก็เยอะมาก ทว่าดูเหมือนถานเปิงเปิงจงใจหลบกล้อง เธอเลือกทางออกที่มีการสัญจรน้อยและอยู่ห่างจะกล้องไปมาก
หากมีกล้องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เธอจะใช้หมวกบนเสื้อกันหนาวปกปิดใบหน้าตัวเอง
เสื้อผ้าบนตัวของคนที่ปรากฏอยู่ในกล้องแตกต่างกันอยู่หลายช็อต
หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลที่ปรากฏภายในกล้องใช่ถานเปิงเปิงหรือไม่
แต่เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ใช่คนอื่น เธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับถานเปิงเปิงมากที่สุดและรู้จักเธอดีที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา!
“เธอแน่ใจนะว่าเป็นถานเปิงเปิง? ฉันหาคนมาเทียบแล้วแต่หน้าจริงมันเบลอเกินไป แน่ใจเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น” ฟ่านอวี่เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินที่เธอพูด
“ไม่ต้องทำแล้ว ฉันมั่นใจมากว่าเป็นเธอ!”
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ถึงเธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่สร้อยที่อยู่บนคอยังไม่เปลี่ยน นั่นเป็นสร้อยที่ฉันมอบให้เธอในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว เธอสวมมันติดตัวไว้ตลอด!”
“……”
ฟ่านอวี่โน้มตัวเข้าไปมองคนในวิดีโอ
จากนั้นก็พบว่าแม้หน้าตาของคนคนนั้นจะเบลอมาก แต่กลับจับภาพสร้อยที่อยู่บนคอได้อย่างชัดเจน
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอาจจะมองไม่ออก
แต่ถ้าสร้อยนั้นเป็นของที่เหนียนเสี่ยวมู่มอบให้ นั่นย่อมแตกต่างกันออกไป…
“ถ้าเป็นอย่างนี้ วันนั้นต้องเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่สนามบินถึงทำให้ถานเปิงเปิงไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน งั้นก็บอกได้ว่าเธอยังไม่ตาย!” ฟ่านอวี่หันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่มีสีหน้าฮึกเหิม ต่อจากนั้นเขาพูดต่อด้วยเสียงเข้มเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่าเธอเชื่อในตัวถานเปิงเปิง แต่เธอเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าถานเปิงเปิงยังไม่ตาย ทำไมเธอถึงไม่กลับมา? ในวิดีโอก็เห็นชัดเจนแล้วนี่ว่าตอนที่เธอหนีออกมาจากสนามบิน เธอไม่เพียงแค่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังมีสติแจ่มชัด และไม่ได้มีใครลักพาตัว…”
ดังนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดไม่ใช่ว่าถานเปิงเปิงกลับมาไม่ได้ แต่เป็นเพราะเธอไม่คิดจะกลับมา!
“……”
ทันทีที่ฟ่านอวี่พูดออกไป บรรยากาศในห้องหนังสือก็เงียบลงในทันใด
รอยยิ้มมุมปากของเหนียนเสี่ยวมู่ค่อยๆหายไป
หลุบตาลงเล็กน้อย
เธอเชื่อในตัวถานเปิงเปิง
ถ้าถานเปิงเปิงต้องการทำร้ายเธอจริงๆ ก็คงไม่รอมาจนถึงป่านนี้
ความใกล้ชิดระหว่างคนสองคน ความรู้สึกที่คนคนหนึ่งดีกับคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ มีเพียงเธอเท่านั้นที่รับรู้ได้
“ฉันขอเตือนเธออีกประโยคนึง สิ่งที่ฉันตรวจสอบได้ อวี๋เยว่หานก็น่าจะตรวจสอบได้เช่นกัน”
ฟ่านอวี่พูดเสร็จก็เอื้อมมือจับไหล่เหนียนเสี่ยวมู่
มองเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ฉันพูดตามตรง ฉันชอบเธอ ฉันอยากเห็นเธอเลิกกับอวี๋เยว่หานจนแทบทนไม่ไหว แต่ในฐานะเพื่อน ฉันคิดว่าเธอควรจะชัดเจนได้แล้ว ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างไม่ได้ชี้ไปที่เธอแต่ชี้ไปที่ถานเปิงเปิง การที่เธอไม่ต้องการสงสัยถานเปิงเปิง นั่นก็เท่ากับยอมรับว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด!”
ตอนที่ 818 เลี้ยงดูไม่ไหว
“…” เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปาก พยักหน้าเบาๆ
เธอเข้าใจคำพูดของเขา
“แบบนี้ยังจะไม่สงสัยถานเปิงเปิง หรือไม่ต้องการอวี๋เยว่หานแล้วล่ะ?” ฟ่านอวี่ปล่อยมือแล้วกอดอก รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาทันใด ใบหน้าหล่อเหลาโน้มมาตรงหน้าเธอ
ชี้ไปที่จมูกตัวเอง
“ไม่เอาอวี๋เยว่หานก็พิจารณาฉันหน่อยก็ได้ คิดๆดูแล้วเราก็เป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ ตอนที่เธอยังเด็ก เธอก็ชอบฉันมากนี่ ยังเคยบอกว่าจะเลี้ยงดูฉันด้วย”
เหนียนเสี่ยวมู่:“o(╯□╰)o……”
“ก็ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กไม่รู้ความ ตอนนี้ฉันยอมรับผิดก็ได้ ว่าไง? นายอย่าคิดสกปรกกับฉันเลย ฉันเลี้ยงดูอวี๋เยว่หานยังเลี้ยงไม่ไหว จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงดูคนอื่นล่ะ”
เหนียนเสี่ยวมู่บุ้ยปาก บ่นเรื่องทุกข์ใจราวกับฟ่านอวี่เป็นญาติ
“นายไม่รู้หรอกว่าฉันรันทดขนาดไหนในช่วงไม่กี่วันมานี้ วันวันมองหน้าหล่อๆของอวี๋เยว่หานโดยที่ทำอะไรไม่ได้ อยู่บริษัทก็ต้องทน กลับคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ก็ยังต้องทน เมื่อวานเขานอนข้างฉันเพราะต้องดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่ว ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะพยายามรอให้เขาหลับก่อน จะได้กอดและแอบจุ๊บเขาสักหน่อย แต่ผลคือเขายังไม่ทันหลับ ฉันก็หลับเป็นหมูไปแล้ว คิดทีไรก็อยากตบหน้าตัวเองสักสองที”
ฟ่านอวี่ยิ้มมุมปาก “จากเขาไปไม่ลงแล้วทำไมหนีออกมาล่ะ?”
“นายจะรู้อะไร ไม่อยากจากก็จำใจต้องจาก” เหนียนเสี่ยวมู่สูดจมูกแล้วนั่งบนเก้าอี้
ขณะที่หยิบเอาแฟลชไดรฟ์ออกมาและคัดลอกวิดีโอจากคอมพิวเตอร์ของฟ่านอวี่ ปากก็ยังบ่นต่อ
“เขาไม่อยากทะเลาะกับฉัน ฉันเองก็ไม่อยากทะเลาะกับเขา เราสองคนต่างก็เก็บงำเรื่องราวต่างๆไว้ในใจ การบีบให้ต้องอยู่ด้วยกันจะต้องมีปัญหาแน่ๆ แยกกันไปสงบสติสักพักจะดีกว่า”
พอพูดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาคู่นั้นยิ้ม
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของฟ่านอวี่ก็พูดแบบไม่ได้คิดอะไรมาก
“เมื่อคืนตอนที่ฉันหลับ ฉันฝันว่าอวี๋เยว่หานให้ฉันย้ายกลับไปอยู่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ด้วย ฉันดีใจชะมัด แต่พอตื่นจากฝันก็เจ็บปวดเสียจริงๆ!”
ฟ่านอวี่ “….”
เมื่อเผชิญกับแววตาที่ตรงไปตรงมาของเธอ เขาอยากจะบอกเธอว่าถ้าอวี๋เยว่หานไม่รู้จักทะนุถนอมเธอ ก็กลับมาอยู่ข้างกายเขา แต่จู่ๆก็ไม่รู้จะพูดออกไปอย่างไร
เธอมักจะเป็นแบบนี้ น้ำนิ่งไหลลึก
เห็นๆอยู่ว่าเธอรู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ไม่ยอมทิ้งความหวังให้เขาเลยสักนิด
ไม่เลี่ยงที่จะพูดถึงอวี๋เยว่หานต่อหน้าเขา ราวกับพูดถึงคนที่ตัวเองชอบกับพี่ชายตัวเองอย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาอย่างไรอย่างนั้น
แต่กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดขนาดนั้น
ดวงตาคมกริบของฟ่านอวี่หลุบตาลงเพื่อปกปิดความรู้สึก “ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าถานเปิงเปิงยังไม่ตาย ฉันจะสั่งให้คนตามหาเบาะแสต่อ ถ้ามีข่าวอะไรฉันจะแจ้งเธออีกที”
-
เหนียนเสี่ยวมู่กลับมาถึงบริษัทตระกูลอวี๋ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว
ทันทีที่เข้าแผนกประชาสัมพันธ์ เลขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับเอกสารชุดหนึ่ง “ผู้จัดการเหนียน นี่เป็นข้อมูลของคุณเจิ้งเหยียนที่คุณต้องการค่ะ หาได้มากที่สุดได้เท่านี้”
เหนียนเสี่ยวมู่รับเอกสารมาและเดินเข้าไปในห้องทำงานตัวเอง
เธอเปิดดูเอกสาร ดูแล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากที่เธอเคยอ่านมาก่อน
แค่แนะนำตัวเจิ้งเหยียนเกี่ยวกับคณะและโรงเรียนที่เธอเรียน รวมไปถึงโครงการที่เธอจัดการ
พูดได้ว่าสวยมาก
ไม่ใช่แค่ตัวเจิ้งเหยียนเท่านั้น แต่ประวัติส่วนตัวของเธอก็สวยงามมาก
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ผลงานในวงการค้าของเธอก็โดดเด่นมากเช่นกัน
ไม่น่าแปลกใจที่เจิ้งเหยียนได้เป็นรองประธานธุรกิจของครอบครัวที่สืบทอดกันมาของตระกูลเจิ้ง ในขณะที่ลูกชายตระกูลเจิ้งเป็นแค่ผู้จัดการแผนกในบริษัท