หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 901 คนทั้งโลกก็สู้คุณไม่ได้ ตอนที่ 902 เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 901 คนทั้งโลกก็สู้คุณไม่ได้ ตอนที่ 902 เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน
ตอนที่ 901 คนทั้งโลกก็สู้คุณไม่ได้
“งานประชุมสัมมนาธุรกิจคืออะไร?” พอมารู้ตัวอีกทีเหนียนเสี่ยวมู่ก็เอ่ยถาม
เธอยังอ่านกองเอกสารหนาปึกที่อยู่ตรงหน้าไม่จบเลยด้วยซ้ำ
“คุณรีบร้อนอยากจะเจอคนตระกูลมั่วอยู่ไม่ใช่เหรอ?” อวี๋เยว่หานไม่ตอบแต่ย้อนถาม
เหนียนเสี่ยวมู่ตั้งสติได้ภายในไม่กี่วิ จากนั้นก็กลิ้งอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างตื่นเต้น “คุณกำลังจะบอกว่าเรากำลังจะได้เจอคนตระกูลมั่วในเร็วๆนี้?”
“……”
“เมื่อกี้คุณยังทำหน้าอย่างกับว่าถ้าฉันอ่านข้อมูลไม่จบ คุณจะไม่ให้ฉันไปเจอตระกูลมั่วอย่างงั้นแหละ ที่แท้ก็แอบสืบข่าวความเคลื่อนไหวตระกูลมั่วไว้แล้วยังจะปิดบังฉันอีก”
ทันทีที่เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ มือข้างหนึ่งก็ยื่นมาบีบจมูกเธอ
ทำให้เสียงตอนท้ายฟังดูตลกเล็กน้อย
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงแหบพร่าของเขาดังที่ข้างหู “นี่ไม่เห็นจะย้อนแย้งกับคำพูดที่ผมเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ เลย กลับกันผมกำลังจะเตือนคุณว่าคุณเหลือเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ในการอ่านข้อมูลตระกูลมั่วให้จบ”
“หนึ่งอาทิตย์? ไม่จริงน่า อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งปี” เหนียนเสี่ยวมู่ชี้ไปยังเอกสารที่กองเป็นภูเขา
ว่ากันว่านี่ยังแค่หนึ่งในหมื่นเท่านั้น
ที่เกี่ยวกับตำนานตระกูลมั่ว เพราะยังมีอีกเยอะแยะมากมายราวกับขนวัว
หากไม่ได้สืบข่าวมาก็รู้เพียงว่าตระกูลมั่วก็คือตระกูลนักธุรกิจทั่วไป
แต่เมื่อทำความเข้าใจแล้วถึงจะพบว่าตระกูลนี้เต็มไปด้วยสีสันที่น่าอัศจรรย์ใจ
ตัวอย่างเช่นข้อมูลชุดนี้ที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังถืออยู่ ในนั้นเขียนไว้ว่า “ลูกหลานสายตรงของตระกูลมั่วไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ล้วนมีพรสวรรค์ที่เพียบพร้อม ไม่เป็นสองรองใคร”
จุ๊ๆ
คำพูดนี้เข้าใจได้ว่าลูกหลานสายตรงของตระกูลมั่วล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นท่ามกลางหมู่คน
ส่วนข้อมูลอีกชุดเป็นบันทึกชีวประวัติลูกหลานตระกูลมั่วอีกไม่กี่คนที่สามารถสืบมาได้ ซึ่งแต่ละคนล้วนมีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร ถึงขั้นเป็นบุคคลอัจฉริยะ
ถ้าพูดถึงความฉลาดปราดเปรื่องก็อาจจะบ่มเพาะเอาทีหลังได้ แต่หน้าตาของลูกหลานตระกูลมั่วนั้นเป็นของขวัญที่ฟ้าประทานอย่างแน่นอน!
“คนตระกูลมั่วหน้าตาดีเกินไปแล้ว!”
เหนียนเสี่ยวมู่ดึงรูปใบหนึ่งออกมาจากเอกสาร ถึงรูปถ่ายจะเก่าไปหน่อยแต่ก็ดูออกว่าสมาชิกของตระกูลมั่วท่านนี้น่าจะล่วงลับไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญ
ที่สำคัญก็คือคนที่อยู่ในรูปนั้นเป็นทั้งหนุ่มหล่อหญิงงาม
แค่ยืนอยู่ต่อหน้าคนก็ได้ภาพเจริญหูเจริญตา!
“เกรงว่าผู้นำตระกูลของตระกูลนี้จะไม่มีงานอดิเรกเหมือนฉันที่ชอบเก็บสะสมหนุ่มเอ๊าะๆ หน้าตาดี...” เหนียนเสี่ยวมู่อดไม่ได้ที่จะพึมพำ
ขณะที่เธอกำลังจะพูดว่าลูกหลานในตระกูลมั่วแต่ละคนทั้งหน้าตาดีมีความสามารถจนกลัวว่าจะเป็นการทำลายกฎธรรมชาติ แต่ทันใดนั้นอวี๋เยว่หานก็ดึงรูปที่อยู่ในมือเธอไป
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขาทำหน้าบึ้งพลางเหลือบมองดูรูป จากนั้นก็โยนไปข้างๆอย่างส่งๆ
นิ้วยาวบีบคางเธอแล้วมองเธอไปตรงๆ
ดวงตาดำขลับล้ำลึกจ้องเธอพร้อมกับพูดเสียงเรียบๆ “ให้คุณอ่านข้อมูล แต่คุณก็ไปดูคนหล่อ? หล่อเท่าผมไหม!”
“เกือบ…”
“หือ?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วอย่างร้ายกาจ
เหนียนเสี่ยวมู่หัวเราะแก้เขิน เธอพูดเสริมอย่างมีไหวพริบ “แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ฉันมีคุณทั้งคนอยู่แล้ว ถึงจะหล่อแค่ไหนก็ไม่เข้าตาฉันหรอก เพราะในสายตาฉันตอนนี้คนทั้งโลกก็สู้คุณไม่ได้!”
ความปรารถนาอันแรงกล้าในการร้องขอชีวิตรอดแฝงอยู่ในคำพูด
เหนียนเสี่ยวมู่นี่มันเหนียนเสี่ยวมู่จริงๆเลย
ข้อดีของเทพธิดาคือสามารถหดยืดได้!
เมื่อมองสายตาเจ้าเล่ห์ของเธอ อวี๋เยว่หานก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปถามผู้ช่วยของเขาว่า “เจิ้งเหยียนมาแล้วหรือยัง?”
ผู้ช่วย “รองประธานเจิ้งกำลังอยู่ระหว่างทางครับ”
“เจิ้งเหยียน? คุณให้เธอมาทำอะไรอีก?” จู่ๆเหนียนเสี่ยวมู่ก็พบว่าเธอแค่อยากไปเจอตระกูลมั่วสักครั้ง แต่อวี๋เยว่หานกลับเตรียมการอะไรตั้งมากมายภายในระยะเวลาสั้นๆ
เมื่อได้ยินที่เธอพูด เขาก็หรี่ตาลง “เธอไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลมั่วเมื่อสามปีก่อน”
ตอนที่ 902 เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลมั่วเมื่อสามปีก่อน
เหนียนเสี่ยวมู่รู้แปลกๆอยู่ภายในใจ ยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด เจิ้งเหยียนก็มาถึงแล้ว
ตอนที่เธอตามพ่อบ้านผลักประตูเข้ามา สีหน้าเธอก็ดูเซื่องซึมเล็กน้อย
ดูจากสภาพแล้วน่าจะเป็นเพราะเมาค้างก็เลยมีอาการปวดหัวอยู่บ้าง
ขณะที่ยื่นมือมานวดขมับตัวเองก็พูดว่า “อะไรที่บอกได้ฉันก็บอกไปหมดแล้ว พวกคุณไม่ปล่อยให้ฉันหลับสบายๆสักตื่นแล้วยังเรียกฉันมากินอาหารหมาแต่เช้าเนี่ยนะ”
“อาหารหมาอะไร?” เหนียนเสี่ยวมู่แบมือทำท่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ตอนนี้นอกจากเธอไม่ทำอะไรแล้วยังนั่งอยู่บนตักอวี๋เยว่หานอีกด้วย
“ห้องหนังสือไม่มีกระจกหรือไง แต่ฉันมีโทรศัพท์มือถือ ฉันให้เธอยืมก็ได้ถ้าเธอไม่ถือ” ขณะที่พูดเจิ้งเหยียนก็เอาหน้าจอโทรศัพท์โน้มไปที่หน้าเหนียนเสี่ยวมู่ นิ้วมือชี้ไปที่รอยจูบบนคอเธอ
“อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนโดนยุงกัด รอยใหญ่ขนาดนี้ ยุงก็รับข้อกล่าวหานี้ไม่ได้”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่ “คุณพูดให้มันดีดีนะ ใช่ยุงที่ไหน ห้องนอนเราไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก เมื่อคืนตอนนอน เสี่ยวลิ่วลิ่วฝันว่าฉันเป็นของกิน เธอก็เลยกัดฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำไมคุณคิดสกปรกๆอย่างงั้นล่ะ?”
เจิ้งเหยียน “…”
เชื่อความร้ายกาจของเธอแล้ว!
ดวงตาหงส์ที่สวยงามของเจิ้งเหยียนมองไปทางอวี๋เยว่หาน เธอเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่วงท่าเย้ายวน
นั่งไขว่ห้าง
“บอกมาซิ ที่พวกคุณเรียกฉันมาแต่เช้า มีเรื่องอะไร?”
นอกจากพะว้าพะวังเรื่องเหนียนเสี่ยวมู่แล้วก็ไม่เคยเห็นอวี๋เยว่หานพะว้าพะวังเรื่องอื่นเลย เขาเหลือบมองเจิ้งเหยียนแล้วพูดว่า
“เมื่อสามปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลมั่ว ทำไมถึงเปลี่ยนผู้นำตระกูลมั่วภายในชั่วข้ามคืน?”
และที่สำคัญก็คือเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่กลับปิดข่าวอย่างเข้มงวด
โลกภายนอกแทบจะไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในตระกูลมั่ว
ทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้นำตระกูลคนเก่าก็ไม่มาปรากฏตัวอีกเลย พอผู้นำตระกูลคนใหม่เข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานก็ว่ากันว่าขนบธรรมเนียมของตระกูลก็เปลี่ยนไปเพื่อสอดรับกับการทำงานร่วมกับโลกภายนอก
อวี๋เยว่หานเดาว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรมากมายในตระกูลมั่ว
ไม่อย่างงั้นตระกูลมั่วคงไม่ตกต่ำลงอย่างกะทันหันในไม่กี่ปีมานี้
ซึ่งแม้แต่ตระกูลเจิ้งที่มีความเคารพยำเกรงก็ยังระงับโครงการความร่วมมือกับตระกูลมั่วเป็นส่วนใหญ่
ในฐานะตระกูลผู้พิทักษ์ แนวทางของตระกูลเจิ้งไม่ต่างอะไรกับเจ้าขุนมูลนายในสมัยโบราณที่สนับสนุนทหารก่อกบฏ ปากเจิ้งเหยียนเอาแต่บอกว่าคนตระกูลมั่วลึกลับซับซ้อนเสียใหญ่โต แต่เธอดันทำทีไม่รู้ไม่ชี้
บางอย่างก็ฟังไม่ขึ้น
อธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือเจิ้งเหยียนกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง!
“ตระกูลเจิ้งได้รับการสนับสนุนจากตระกูลมั่ว แต่ตอนนี้พวกคุณกลับทรยศตระกูลมั่ว…”
“ทรยศอะไร? พวกเราไม่ได้ทรยศเสียหน่อย! พวกเราก็แค่…” เจิ้งเหยียนเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดร้อนตัวกลับหยุดอยู่ที่ปาก เธอพยายามกลั้นไว้
เลี่ยงประเด็น
“ฉันบอกพวกคุณได้แค่ว่าเมื่อสามปีก่อนมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับตระกูลมั่ว ส่วนเกิดเรื่องอะไรนั้น ฉันเองก็ไม่แน่ชัด ตระกูลเจิ้งเป็นแค่ตระกูลผู้พิทักษ์ หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้นำตระกูล พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปถามเรื่องภายในตระกูลมั่วได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็หรี่ตา
ก้มหน้ามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า
“คุณแค่ต้องบอกผมมาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลมั่วตอนนั้น ใช่เหตุการณ์ไฟไหม้หรือไม่?”
เจิ้งเหยียน “…”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่มองไปทางอวี๋เยว่หานอย่างมึนๆ
อวี๋เยว่หานสบตาเธอโดยไม่สนว่าเธอจะเข้าใจหรือไม่ เขาเพียงคาดเดาอยู่ในใจ