หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 911 ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้า! ตอนที่ 912 ทั้งรักทั้งหลงลูกสาว
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 911 ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้า! ตอนที่ 912 ทั้งรักทั้งหลงลูกสาว
ตอนที่ 911 ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้า!
คนอื่นตระกูลถังต่างก็พากันเชิดหน้าอย่างได้ใจ เตรียมจะรอดูซั่งซินตื่นตระหนกตกใจจนร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
ซั่งหลิงซือที่อยู่ปลายสายเงียบไปพักใหญ่
มีเพียงเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงดังเข้ามาราวกับว่าเขากำลังโกรธมาก
ยิ่งซั่งหลิงซือโมโหมากเท่าไหร่ ซั่งซินก็จะพบจุดจบที่น่าอนาถมากขึ้นเท่านั้น
เวลานี้คนตระกูลถังก็ยิ่งดีอกดีใจ มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า ขณะที่กำลังจะเตือนให้ซั่งซินคุกเข่าก็ได้ยินเสียงเธอตะโกนว่า “พ่อคะ”
เป็นคำง่ายๆ
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบลงในพริบตา
คนตระกูลถังไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ พวกเขาถึงกับกลั้นหายใจ
เงยหน้าหันกลับไปมองซั่งซินที่เรียกซั่งหลิงซือว่าพ่อ
ลูกตาแทบถลนออกมา!
เพียงคำว่า “พ่อ” คำเดียว หรือยังมีคำอธิบายอื่นอีก?
ทำไมซั่งซินโดนพวกเขาแฉออกมาขนาดนี้แล้วยังกล้าเรียกซั่งหลิงซือว่าพ่อต่อหน้าต่อเขาอีก!
ขณะที่คนตระกูลถังตกใจจนกู่ไม่กลับ ในที่สุดเสียงของซั่งหลิงซือก็ดังมาจากปลายสาย
“ทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีเพื่อที่จะแต่งเข้าตระกูลใหญ่?”
“ไก่ป่าที่คิดจะบินเกาะกิ่งไม้ ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้า?”
“นางแบบที่ไม่รู้จักยางอาย…”
ซั่งหลิงซือทวนคำพูดที่อารองตระกูลถังเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ทุกประโยค โกรธเหมือนภูเขาไท่ซานกดอยู่เหนือศีรษะ โมโหจนหน้ามืดตามัว!
เขากัดฟันคำราม “ดี ดีมาก ฉันเห็นว่าพวกคุณตระกูลถังคงเบื่อโลกกันแล้วถึงได้รังแกได้แม้กระทั่งลูกสาวซั่งหลิงซือ ถ้าฉันไม่ให้พวกคุณคุกเข่าถือรองเท้ามาให้เธอ ก็อย่าเรียกฉันว่าซั่งหลิงซือ!”
คนตระกูลถัง “…” !!
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนพวกเขาตกตะลึง
พูดซะดิบดีว่าถ้าซั่งหลิงซือโมโห เขาจะช่วยพวกเขาจัดการซั่งซิน?
แต่ทำไมตอนนี้กลับ…
เดี๋ยวนะ!
พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว นั่นก็หมายความว่าซั่งซินคือคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลซั่งงั้นหรือ?
แท้ที่จริงแล้วคนที่พวกเขาด่าทอต่อหน้าซั่งหลิงซือก็คือเจ้าหญิงน้อยที่คาบช้อนเงินช้อนทองและถูกประคบประหงมไว้ในมือมาตั้งแต่เกิดจนโต…
อารองและอาสะใภ้รองตระกูลถังที่เพิ่งด่าอย่างดุเดือดเมื่อครู่นี้ถึงกับเข่าอ่อน แทบจะล้มทั้งยืน คุกเข่าต่อหน้าซั่งซิน!
มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าซั่งหลิงซือขึ้นชื่อเรื่องรักลูกสาวมากขนาดไหน
พวกเขาใส่ร้ายลูกสาวของเขาและยังด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อหน้าซั่งหลิงซือ นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?
ตอนนี้ทุกคนในตระกูลถังต่างก็หัวเราะกันไม่ออก
ไม่ใช่แค่หัวเราะไม่ออก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ายมทูตอยู่ใกล้ตัวนับตั้งแต่เกิดมา
กล้ารังแกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของซั่งหลิงซือ เรื่องที่ซั่งหลิงซือจะฆ่าคนคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
อารองตระกูลถังหน้าซีด “คุณซั่งครับ คุณฟังพวกเราอธิบายก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเราเคารพคุณหนูใหญ่ตระกูลซั่งมาก!”
คนอื่นๆต่างก็รีบร้อนพูดเสริม “ใช่ๆ เคารพมาก!”
“หึ! ตอนนี้มาพูดกับฉันว่าเคารพ มันสายไปแล้ว!” ซั่งหลิงซือพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
แฝงไปด้วยไอสังหาร ไม่ยอมถอยง่ายๆ
อยากจะฆ่าพวกเขาทันทีเพื่อระบายความโกรธให้เจ้าหญิงน้อยของตัวเอง!
พวกอาและอาสะใภ้ตระกูลถังตัวสั่นระริก
มือที่ถือโทรศัพท์ทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้าซั่งซิน
ตบหน้าตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ซั่งซินได้พูด
“คุณหนูใหญ่ พวกเรามีตาหามีแววไม่ คนตัวโตอย่าเอาเรื่องคนตัวเล็กๆอย่างพวกเราเลย ยกโทษให้พวกเราสักครั้งเถอะนะ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นอาแท้ๆของหยวนซือ ถ้าพวกเราเป็นอะไรไป หยวนซืออาจจะรักษาตัวอย่างไม่สบายใจก็ได้นะครับ จริงไหม?”
“คุณซั่งให้พวกเราถือรองเท้าให้คุณนี่? ตอนนี้พวกเราจะถือรองเท้าให้คุณ คุกเข่าถือด้วยก็ได้! คุณช่วยขอร้องกับคุณซั่งให้ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ!”
ตอนที่ 912 ทั้งรักทั้งหลงลูกสาว
ซั่งซินมองคนเหล่านี้ที่เปลี่ยนสีหน้าไวเหมือนพลิกฝ่ามือ ดวงตามีแสงแวบผ่าน
ความเยือกเย็นชาในแววตาไม่ได้ลดน้อยลง มีเพียงความสงสารที่เพิ่มเข้ามา
ไม่ใช่เป็นเพราะสงสารคนเหล่านี้ แต่เป็นเพราะสงสารถังหยวนซือ
คนเหล่านี้ล้วนเป็นญาติพี่น้องของเขา ตอนที่เขากำลังป่วยหนักก็ควรจะคอยเฝ้าอยู่ข้างๆและเป็นห่วงเขาบ้าง
ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับยืนอยู่ตรงนี้กันหมด
รีบร้อนอยากจะไล่เธอไปเพื่อจะได้ครอบครองของทั้งหมดที่เป็นของเขา
ซั่งซินไม่ได้จิตใจดีถึงขนาดให้คนรังแกแล้วยังเอ่ยปากขอร้องแทนพวกเขา
เมื่อได้ยินที่คนตระกูลถังพูด เธอก็รับโทรศัพท์มาด้วยสีหน้าเย็นชา เม้มริมฝีปาก
“พ่อคะ พ่ออย่าพูดไปทั่วว่าจะฆ่าคนอย่างงั้นอย่างงี้เลย เดี๋ยวจะมีคนบอกว่าเราเป็นพวกอิทธิพลมืด”
ตอนที่เธอพูดก็กวาดสายตามองไปยังคนตระกูลถัง
คนที่แยกเขี้ยวยิงฟันเมื่อครู่นี้ ตอนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
แทบอยากจะให้ซั่งหลิงซือลืมว่าพวกเขามีตัวตน…
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ซั่งซินพูดออกมา ซั่งหลิงซือก็นึกถึงพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา “บอกคนแซ่ถังพวกนั้นด้วยว่าตอนนี้ตระกูลซั่งทำธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ถ้าใครกล้ารังแกลูกสาวของฉัน ฉันก็มีความสามารถพอที่จะส่งพวกมันไปนรกได้!”
คนตระกูลถัง “….” !!
พวกเขาถึงกับเข่าอ่อน “ตึกตึกตึก” คุกเข้าลงกับพื้นพร้อมกับถือรองเท้าให้ซั่งซิน
กลัวว่าซั่งหลิงซือจะมาถึงเมือง h ด้วยตัวเองเพื่อเก็บพวกเขา!
อาสะใภ้รองที่เพิ่งได้ใจที่สุดก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้ซั่งซินอย่างระมัดระวัง
“คุณซั่งซิน ฉันมันตาต่ำ ถ้าคุณแต่งเข้าตระกูลถังของเราได้ก็คงเป็นเพราะตระกูลถังของพวกเราสร้างบุญกุศลมาในชาติที่แล้ว! นี่มือถือของคุณ…”
“……”
ซั่งซินรับโทรศัพท์ตัวเองมาพลางมองคนตรงหน้า
ในใจเธอยังพะว้าพะวังถังหยวนซือที่กำลังนอนอยู่โรงพยาบาลจึงไม่อยากเสียเวลากับพวกเขา
ขณะนี้ ซั่งหลิงซือที่เพิ่งโมโหอยู่ปลายสายได้สงบสติอารมณ์ลงเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนกลายเป็นความหวงในชั่วขณะ
“ซินเอ๋อร์ หนูไปอยู่กับคนตระกูลถังได้ยังไง? หนูคงไม่ได้วิ่งไปหาถังหยวนซือที่บ้านตระกูลถังมาหรอกนะ? พ่อบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ถังหยวนซือมีอะไรดีนักหนา หนูถึงได้ไล่ตามเขาแบบนี้ วันหลังถ้าพ่อเจอเขา พ่อจะหักขาเขาทิ้งซะ…”
ซั่งหลิงซือกัดฟันพูด คนตระกูลถังที่เพิ่งจะลุกขึ้นตกใจเกือบจะล้มลงไปอีกครั้ง
จนกระทั่งรู้ตัวว่าคนที่ซั่งหลิงซือด่าไม่ใช่พวกเขา
แต่เป็นถังหยวนซือที่นอนอยู่โรงพยาบาล
จึงพากันโล่งอกไปตามๆ กัน
“พ่อคะ…”
เมื่อซั่งซินได้ยินน้ำเสียงรักและเอ็นดูของพ่อ ความกังวลและความคับแค้นใจที่มีมาทั้งวันก็พุ่งขึ้นมาจากใจ
พอจะส่งเสียงเรียก กลับรู้สึกแสบจมูกอย่างอดไม่ได้ สะอึกอยู่ในลำคอ
มันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ ซึ่งคนอื่นอาจจะฟังไม่ออก
แต่เนื่องจากว่าคนที่อยู่ปลายสายคือซั่งหลิงซือ
คนที่ขึ้นชื่อว่าทั้งรักทั้งหลงลูกสาว
เพียงครู่เดียวก็ฟังออก
“เกิดอะไรขึ้น? โดนคนรังแกมาอีกแล้วใช่ไหม? หนูบอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจะถือมีดไปตามคิดบัญชีพวกมันเอง!”
“หนูไม่เป็นไร…” ซั่งซินรีบยื่นมือเช็ดน้ำตา
เธอไม่ได้บอกเขาว่าถังหยวนซือป่วยหนัก และยังเรื่องที่เธอท้อง
ถ้าพ่อเธอรู้เข้าจะต้องไม่วางใจปล่อยเธอให้อยู่เมืองเอชคนเดียวแน่ๆ
ถ้าเขารู้อาการของถังหยวนซือแล้วไม่ยอมให้เธอเก็บเด็กไว้จะทำอย่างไร?
พอนึกถึงความเป็นไปได้ ซั่งซินก็กัดฟันพูดอย่างออดอ้อน
“มีพ่อคอยหนุนหลัง ไม่มีใครกล้ารังแกหรอก แต่ว่าพ่อโหดร้ายกับพี่เสี่ยวซือเกินไปแล้ว หนูสงสารเขา…”
ซั่งหลิงซือทำเสียงฮึดฮัดด้วยความอิจฉา