หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 919 เกาะขาเศรษฐี! ตอนที่ 920 นั่นคือพ่อของเธอ
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 919 เกาะขาเศรษฐี! ตอนที่ 920 นั่นคือพ่อของเธอ
ตอนที่ 919 เกาะขาเศรษฐี!
เมื่อพูดถึงคนตระกูลมั่ว รอยยิ้มที่มุมปากเหนียนเสี่ยวมู่ก็หุบลงทันที เงยหน้ามองไปทางเจิ้งเหยียนที่อยู่ท้ายรถ
“ตามข้อมูลที่ฉันได้รับมา ตระกูลมั่วได้ส่งคนมาจับตาดูงานประชุมสัมมนาทางธุรกิจครั้งนี้เมื่อสองสามวันที่แล้ว ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่มาคือใคร โรงแรมที่ให้เข้าพักจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันจะพาพวกคุณไปเก็บกระเป๋าก่อน จากนั้นก็ไปทานอาหารแล้วค่อยสอบถามข้อมูลมาให้พวกคุณอีกที”
มีเจิ้งเหยียนอยู่ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแบบแผน
ตระกูลเจิ้งถือว่ามีเส้นสายในเมืองเอ็นอยู่บ้าง มีเจิ้งเหยียนคอยให้ความช่วยเหลือแบบนี้ พวกเขาก็เบาแรงไปเยอะ
อวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่จึงไม่ได้เกรงใจเจิ้งเหยียน
พวกเขาทั้งคณะมาถึงโรงแรม
ในล็อบบี้ของโรงแรมมีการแขวนแบนเนอร์ต้อนรับคณะตัวแทนธุรกิจไว้ตั้งแต่เช้าตรู่
พนักงานต้อนรับที่แผนกต้อนรับเป็นมิตรมาก
เหนียนเสี่ยวมู่ผลักประตูห้องเพรสซิเดนท์สวีทพร้อมกับกระโจนไปนอนลงบนโซฟา พอเปิดม่านหน้าต่างแล้วมองวิวสวยๆที่อยู่ด้านนอก เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“ตระกูลมั่วทำออกมาได้หรูหราเกินไปแล้ว ทำให้คนอยากอยู่ไม่คิดจะไปแล้วจริงๆ”
เหนียนเสี่ยวมู่พลิกตัวบนโซฟาพลางหันไปถามเขา
“ห้องของฉันก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
“…” อวี๋เยว่หานผงะขณะที่ก้มตัวเพื่อวางของบนหัวเตียง ชำเลืองตามองเธอ
“ห้องคุณ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทตระกูลอวี๋แล้วก็เป็นหนึ่งในพนักงานที่ออกเดินทางมาทำงานร่วมกับคุณ ผู้จัดงานก็ควรเตรียมห้องไว้ให้ฉันไม่ใช่เหรอ?” เหนียนเสี่ยวมู่พูดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
อวี๋เยว่หานยืนตัวตรงเมื่อได้ยินดังนั้น
มุมปากยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
สบตากับเธอพร้อมกับพูดทีละคำ
“น่าจะไม่มี”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
อวี๋เยว่หาน “เพราะตอนที่ผู้ช่วยหยางรายงานชื่อพนักงานที่เข้าพัก ในรายชื่อไม่มีชื่อคุณ เพราะฉะนั้นนอกจากพักกับผมแล้วก็คงทำได้แค่ไปนอนข้างถนน”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
เหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นพนักงาน “ไร้ห้อง” ภายในไม่กี่วินาที เธอจึงทำได้เพียงอยู่ข้างๆอวี๋เยว่หานและเกาะขาเขาแน่นๆเท่านั้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปนอนข้างถนน
ตอนที่เดินเข้ามาในร้านอาหาร หัวข้อสนทนาของพวกเขาก็ยังไม่ไปไหน…
“เหนียนเสี่ยวมู่ การ์ดห้องมีแค่ใบเดียว คุณจะต้องตามติดผมทุกฝีก้าว ไม่อย่างงั้นผมไม่รับประกันนะว่าคุณจะถูกขังไว้ด้านนอก…”
เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้าไม่หยุดอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หานเหมือนสะใภ้ตัวน้อยที่เชื่อฟัง
ภาพนี้ทำให้เจิ้งเหยียนนึกสงสัยว่าตัวเองเข้าร้านอาหารผิด
พอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็ต้องถอยหลังกลับและเงยหน้ามองป้าย
ก็ใช่ร้านอาหารที่เธอจองไว้นี่นา
งั้นก็คงโดนผีหลอก!
“คู่รักเจ้าบทบาทคู่นี้เป็นอะไรอีกแล้วล่ะ? ฉันไปสอบถามได้ความมาว่ามั่วเฉียนเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาวันนี้ ว่ากันว่าเดี๋ยวเขาจะเข้าไปจัดระเบียบสถานที่จัดงาน พวกเรากินเสร็จแล้วก็ได้เวลาพอดี ไปที่นั่นกัน”
เจิ้งเหยียนเข้ามาในร้านอาหารแล้วพูดตรงๆ
เจิ้งเหยียนได้จองที่นั่งและสั่งอาหารในร้านอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณชอบทานอะไรก็เลยสั่งอาหารขึ้นชื่อในเมืองเอ็นมาหลายอย่างเลย ลองชิมดูว่าถูกปากไหม ถ้าไม่ชอบก็ค่อยสั่งอย่างอื่นแล้วกัน”
เหนียนเสี่ยวมู่ทานอาหารมาตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนเที่ยงก็ทานอาหารบนเครื่องบินไม่อิ่มจนตอนนี้หิวจนหน้าอกติดกับแผ่นหลังแล้ว
เมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟเริ่มเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะ เธอจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วยื่นมือไปคีบอาหารขึ้นชื่อที่เจิ้งเหยียนบอกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
รีบร้อนชิมและกลืนมันลงไป
ขณะที่กำลังจะบอกว่าอร่อย ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงรสชาติที่คุ้นเคย เธอถึงกับผงะไปทั้งตัว
กลัวว่าตัวเองจะคิดไปเอง เธอจึงใช้ตะเกียบคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้าแล้วชิมอีกที
“อาหารจานนี้ เหมือนฉันจะเคยกินมาก่อน….”
ตอนที่ 920 นั่นคือพ่อของเธอ?
เหนียนเสี่ยวมู่บ่นพึมพำอยากจะพูดว่าตัวเองอาจจะคิดมากไปก็ได้ แต่ภาพไม่เป็นชิ้นเป็นอันกลับปรากฏขึ้นมาในหัว
เธอนั่งตัวแข็งทื่อบนโต๊ะอาหาร
“เป็นอะไรไป?”
“…เหมือนจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้” เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปากพลางจ้องอาหารที่อยู่ตรงหน้า
ครั้งหนึ่งเหมือนมีคนยกอาหารแบบนี้มาให้เธอแล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า
“ลิ่วลิ่ว หนูลองชิมดูสิจ๊ะ มันอร่อยมากเลยนะ”
ใครกัน?
เธอจำไม่ได้แล้ว
ราวกับได้ยินเสียงนี้ดังอยู่ในหูไม่หยุด
เมื่อรสชาติอาหารละลายอยู่ในปาก เสียงนี้ก็ยิ่งชัดขึ้น
เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่เหนียนเสี่ยวมู่มองไม่ออกว่าเธอเป็นคนอย่างไร
หรือจะเป็นแม่ของเธอ?
“คิดไม่ออกก็อย่าคิด ทานข้าวก่อน” อวี๋เยว่หานคีบหมูตุ๋นที่เธอชอบไว้ในถ้วยให้เธอ พอเห็นเธอเริ่มทานข้าวก็เงยหน้าถามสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองเอ็น
เหนียนเสี่ยวมู่ก้มหน้าทานข้าวอย่างเงียบๆ
ในหูได้ยินเสียงที่พวกเขาคุยกัน แต่ในหัวกลับมีภาพเงาร่างอันเลือนลางของคนสองคนผุดขึ้นมา
ไม่ใช่แค่ผู้หญิง ยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง
กำลังอยู่ในห้องครัว
คนหนึ่งผัดกับข้าว
ส่วนอีกคนหนึ่งพิงกรอบประตู แม้จะเห็นแค่ด้านหลัง แต่เมื่อดูจากท่าทางแล้วก็จินตนาการได้ว่าแววตาเขาทั้งอ่อนโยนและลึกซึ้งเพียงใด…
เหนียนเสี่ยวมู่พยายามอยากจะมองหน้าตาพวกเขาให้ชัดๆ ทันใดนั้นผู้ชายที่พิงขอบประตูก็เดินเข้าไปกอดผู้หญิงที่กำลังผัดกับข้าวจากด้านหลัง
เอาคางเกยไหล่เธอ ดูเธอเอาอาหารออกจากหม้อ
“พอแล้ว ไม่ต้องทำเยอะหรอก ลิ่วลิ่วกินไม่หมด”
ลิ่วลิ่ว…
กำลังเรียกเธออยู่ใช่ไหม?
พวกเขาเป็นใคร?
เหนียนเสี่ยวมู่มองไม่ชัดว่าพวกเขามีหน้าตาอย่างไร แต่ฟังจากบทสนทนาที่พวกเขาคุยกัน เธอก็รับรู้ได้ถึงความรักที่ลึกซึ้ง
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่ยังคิดอยู่ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาในหู
เป็นเสียงโทรศัพท์เจิ้งเหยียน
เธอรับโทรศัพท์ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป
“เที่ยวบินมั่วเฉียนมาถึงก่อนเวลา ตอนนี้ถึงเมือง N เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราอาจจะต้องไปเร็วซักหน่อย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็วางตะเกียบลง อวี๋เยว่หานพูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงก็ได้เจอ คุณทานให้อิ่มก่อน”
เขาพูดเรียบๆแล้วคีบเนื้อให้เธอหนึ่งชิ้น
เสียงแหบคล้ายกับเสียงของคนคนนั้นที่เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งได้ยินเล็กน้อย
ทำให้เธอแยกแยะไม่ออกไปชั่วขณะว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเคยเจอสองคนนั้นมาก่อนหรือไม่ หรือเธอนึกภาพไปเอง?
รอจนพวกเขาทานอาหารเสร็จ ตอนที่ออกมาจากร้านอาหาร เจิ้งเหยียนก็ได้รับข่าวมาว่ามั่วเฉียนเดินทางออกจากโรงแรมไปแล้ว เหมือนว่าจะกลับไปยังบ้านตระกูลมั่ว
คฤหาสน์ตระกูลมั่วไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ หากต้องการพบมั่วเฉียน เกรงว่าจะต้องรอจนกว่าจะเริ่มงานประชุมสัมมนา…
“เดิมทียังคิดจะพาเธอไปพบคนที่ดูแลตระกูลมั่วคนปัจจุบันก่อน ไม่คิดว่าจะคลาดกันแค่นิดเดียว แต่ในเมื่อพวกคุณมาถึงที่นี่แล้วก็ไม่ต้องรีบร้อน ช้าเร็วก็คงได้เจอ”
เจิ้งเหยียนพาพวกเขาออกจากร้านอาหาร
เพิ่งจะเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม สายตาของเหนียนเสี่ยวมู่ก็เอาแต่จ้องไปที่ที่หนึ่ง
สีหน้าเธอดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด อวี๋เยว่หานถามด้วยความเป็นห่วง “มีอะไร?”
“คนคนนั้นเหมือน…” เหนียนเสี่ยวมู่ยกมือขึ้นชี้ไปที่ร่างกำยำที่ประตูทางออกของโรงแรม
พูดโดยไม่ทันคิด
แผ่นหลังนั้นเหมือนเงาที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ…
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะอธิบายให้อวี๋เยว่หานฟังก็ได้ยินเสียงเจิ้งเหยียนอุทานขึ้นมา
และชี้ไปที่แผ่นหลังนั้นที่เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งพูดถึง
“เป็นวาสนาจริงๆ! พวกคุณรีบมาดูเร็ว นั่นก็คือมั่วเฉียน คนที่อยู่ในตำแหน่งที่น่าเคารพที่สุดและยังเป็นผู้นำตระกูลมั่วอีกด้วย!”