หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 953 เตือนด้วยความหวังดี ตอนที่ 954 หดหู่และอึดอัดใจหน่อยๆ
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 953 เตือนด้วยความหวังดี ตอนที่ 954 หดหู่และอึดอัดใจหน่อยๆ
ตอนที่ 953 เตือนด้วยความหวังดี
สายตามั่วเฉียนสงบนิ่งมาก ดวงตาคมเฉียบไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก
ราวกับว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นแค่คนทีเขาไม่รู้จัก
ที่ถามแบบนี้เพียงเพราะเมื่อกี้นี้เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถามเธอว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“……”
คำถามของเขาทำให้เหนียนเสี่ยวมู่ที่ซ่อนเรื่องบางอย่างอยู่ในใจถึงกับอึ้ง
เดิมทีเธอยังคิดว่าจะหาโอกาสตอนที่อยู่ตามลำพังลองถามมั่วเฉียนว่าเขารู้จักเธอหรือไม่
อยากจะรู้ว่าเขาใช่พ่อเธอหรือเปล่า
แต่ก่อนที่เธอจะถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ ปฏิกิริยาของมั่วเฉียนก็เหยียบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอตัวแข็งทื่ออยู่บนโซฟาโดยไม่รู้ว่าควรจะตอบไปอย่างไรดี
เขาไม่รู้จักเธอ…
เพราะฉะนั้นก็คงไม่ใช่พ่อของเธอ
จะมีพ่อคนไหนที่ไม่รู้จักลูกสาวตัวเอง?
แต่ถ้ามั่วเฉียนก็สูญเสียความทรงจำเหมือนเธอล่ะ?
เหนียนเสี่ยวมู่รีบเงยหน้าขึ้นพลางเม้มริมฝีปาก “ฉันขอถามละลาบละล้วงประธานมั่วสักประโยคนะคะ คุณเคยได้รับบาดเจ็บและลืมเรื่องราวบางอย่างไปหรือเปล่าคะ? ฉันหมายถึงจู่ๆก็ลืมคนที่คุณควรจำได้ หรือว่า…”
“ไม่มี”
เมื่อมั่วเฉียนเห็นเธอดูลนลานก็พูดอย่างเรียบๆ
น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ งั้นเขาก็ไม่ใช่พ่อของเธอจริงๆด้วย
เหนียนเสี่ยวมู่ทึ้งศีรษะ ภาพไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหล่านั้นปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอและเธอก็ไม่แน่ใจไปชั่วขณะว่าชายที่เธอเห็นใช่มั่วเฉียนหรือไม่
“แม่หนู เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยว่าเธอรู้จักฉันหรือเปล่า?” มั่วเฉียนนั่งไขว่ห้างพลางถามเธอด้วยความสุขุม
เมื่อเห็นเธอขมวดคิ้วคล้ายกับก้มหน้าคิดอะไรบางอย่าง สายตาเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
เพียงแค่มองเธอโดยไม่เซ้าซี้
จนกระทั่งได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของเธอ “ไม่รู้จักค่ะ ก็แค่รู้สึกว่าเคยเจอ ฉันน่าจะจำผิดไป”
“เธออายุยังน้อย เจ้าอารมณ์ไม่เบา เมื่อกี้เธอถึงขนาดกล้าฉีกหน้าคุณหนูใหญ่ตระกูลเหยาต่อคนใหญ่คนโตในแวดวงธุรกิจมากมายขนาดนั้น เธอไม่กลัวตระกูลเหยาจะเอาคืนเหรอ? ในเมือง N ตระกูลเหยาก็ถือว่ามีอิทธิพลมากอยู่เหมือนกันนะ”
ถ้าจะให้พูดก็คือเหยาอวิ๋นอวิ๋นคนนี้เป็นคนปากคอเราะร้ายและใจคอโหดเหี้ยม เพราะฉะนั้นการที่เธอต้องการจะแก้แค้นเหนียนเสี่ยวมู่นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก
คำพูดของมั่วเฉียนเป็นการตักเตือนด้วยความหวังดีอย่างหนึ่ง
ทันทีที่นึกอะไรขึ้นได้ เขาก็ยกแก้วชี้ไปที่อวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ
“ที่เธอใจกล้าขนาดนี้เพราะมีคนคอยหนุนหลังสินะ! เมื่อกี้ฉันอุตส่าห์ช่วยแก้สถานการณ์ให้ ไม่ให้ลุกลามไปกันใหญ่ พวกเธอก็ควรแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับฉันหน่อย จริงไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็ยิ้มมุมปาก
เขาเหยียดแขนโอบไหล่เหนียนเสี่ยวมู่โดยบอกว่า
“ต้องให้ประธานมั่วหัวเราะเยาะแล้ว นี่คือคู่หมั้นของผม เหนียนเสี่ยวมู่”
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความรักใคร่อย่างไม่ปิดบัง ทำให้มั่วเฉียนถึงกับเลิกคิ้ว
“คุณชายหานที่มีข่าวลือไม่เข้าใกล้ผู้หญิง ตอนนี้มีคู่หมั้นไปแล้ว นี่เป็นข่าวใหม่จริงๆ ฉันเห็นว่าแม่หนูคนนี้ใจกล้าไม่เบา ไม่ทราบว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลไหน?”
มั่วเฉียนดื่มไวน์ในแก้วจนหมดพร้อมกับถามเหนียนเสี่ยวมู่
ทั้งสองสบตากัน เหนียนเสี่ยวมู่จ้องมองใบหน้าเด็ดเดี่ยวของเขาซึ่งซ้อนทับกับภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่รู้ตัว
พยายามกัดฟัน
“ฉันลืมแล้วค่ะ”
“หืม?” มั่วเฉียนอึ้งเหมือนกับว่าได้ยินเธอพูดไม่ชัด เขาจึงมองไปที่เธออีกครั้ง
เหนียนเสี่ยวมู่พูดอีกรอบ “ฉันลืมเรื่องราวในอดีตไปหมดแล้วค่ะ จำครอบครัวตัวเองไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าครอบครัวตัวเองยังจำฉันได้หรือเปล่า”
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่พูดประโยคนี้แล้วมองหน้ามั่วเฉียน ดวงตาเธอก็ร้อนผ่าว
ตอนที่ 954 หดหู่และอึดอัดใจหน่อยๆ
เป็นแววตาอับจนหนทางเหมือนเด็กที่รอครอบครัวมารับตัว
มั่วเฉียนมองด้วยความหดหู่ใจเล็กน้อย
ยกแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
จากนั้นก็คุยกับอวี๋เยว่หานเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ
โดยมีเหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่ข้างๆ คอยฟังพวกเขาคุยกัน น้อยมากที่เอ่ยปากคุยด้วย
เธอเพียงถือแก้วไวน์นั่งอยู่เงียบๆ
เงยหน้ามองมั่วเฉียนเป็นครั้งคราว จากนั้นก็หลุบตาลงจ้องนิ้วตัวเอง เอาหน้าเขาไปเทียบกับคนที่เห็นอยู่ในหัว
เดิมทีเธอยังคิดว่าถ้ามั่วเฉียนเป็นพ่อของเธอจริง อย่างน้อยๆ เวลาที่มองเธอจะต้องมีปฏิกิริยาอยู่บ้าง
ทว่าปฏิกิริยามั่วเฉียนในตอนนี้เหมือนจะไม่รู้จักเธอมาก่อนเลย
เธอกำลังคิดอยู่ว่าหรือเธอผิดไปแล้ว
ที่รีบร้อนตามหาครอบครัวตัวเองเกินไป ความทรงจำในหัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถึงได้ผสมปนเปกันไปหมด และมองคนที่เพิ่งเคยเจอเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ชายคนนั้นที่เห็นภาพในหัว
งั้นผู้หญิงที่เธอเห็นล่ะ?
จะใช่แม่ของเธอหรือเปล่า?
“ประธานมั่ว ได้ยินมาว่าคุณนายมั่วสวยราวกับนางฟ้าบนดิน ไม่ทราบว่าเธอมาออกงานงานเลี้ยงวันนี้ไหมคะ? ฉันอยากเจอเธอมาก” เหนียนเสี่ยวมู่หาโอกาสถาม
ทันทีที่พูดจบสีหน้ามั่วเฉียนก็เปลี่ยนไป
ดูหดหู่และอึดอัดใจหน่อยๆ
กลิ่นอายตามร่างกายก็เปลี่ยนตาม
“เธอไม่อยู่แล้ว”
เป็นสี่คำง่ายๆ ที่เต็มไปด้วยปริศนา
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะ การที่เธอไม่อยู่นั่นหมายความว่าเธอออกจากงานเลี้ยงคืนนี้ไปแล้วหรือว่า…
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อน”
มั่วเฉียนลุกจากโซฟาอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือจัดแจงสูทแล้วเดินออกไป
ในห้องพักรับรองจึงเหลือเพียงอวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่
เหนียนเสี่ยวมู่หันหน้ามองอวี๋เยว่หานตามสัญชาตญาณและขมวดปมคำพูดที่มั่วเฉียนเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้
“คุณนึกอะไรออกอย่างงั้นเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงได้เอ่ยถึงคุณนายมั่วขึ้นมาได้ล่ะ?” อวี๋เยว่หานวางแก้วไวน์ เขาอธิบายให้เธอฟังต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูจากปฏิกิริยาของมั่วเฉียนแล้ว คุณนายมั่วน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่สั่นสะท้าน เธอเบิกตาโพลงด้วยอาการตกตะลึง
มั่วเฉียนเหมือนจะอายุไม่ถึงห้าสิบปีด้วยซ้ำ ทำไมภรรยาของเขาถึงจากไปเร็วขนาดนี้?
“สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย เราออกไปจากที่นี่เถอะ”
อวี๋เยว่หานดึงเธอลุกจากโซฟาแล้วเดินออกไป
ตอนที่เดินออกจากห้องพักรับรองเจิ้งเหยียนก็กำลังรอพวกเขาอยู่ด้านนอกพอดี
เมื่อเห็นพวกเขาออกมาก็รีบเดินเข้าไปหา “เป็นยังไงบ้าง? มั่วเฉียนไม่ได้ทำให้พวกเธอลำบากใจใช่ไหม? ทำไมเสี่ยวมู่มู่ถึงมีสีหน้าแย่ลงล่ะ?”
“…ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”
เหนียนเสี่ยวมู่ฝืนพูดไปหนึ่งประโยคด้วยใบหน้าซีดเซียว
ดูออกว่าเธอกำลังฝืนตัวเอง
อวี๋เยว่หานเม้มริมฝีปากแน่น เขาโอบเธอเข้าสู่อ้อมแขนแล้วเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง
“ฉันไปด้วย!”
เจิ้งเหยียนเดินตามไปอย่างไม่ลังเล
ที่เธอมาออกงานเพราะเป็นคำสั่งของพ่อ
เดิมทีคนที่ควรมาคือไอ้สารเลวเจิ้งเหานั่น แต่เจิ้งเหาฉลาดมากที่พอรู้ตัวว่าตระกูลเจิ้งตั้งตนเป็นอิสระจากตระกูลมั่วแล้ว การที่ต้องมาร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลมั่วเป็นเจ้าภาพนั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาจึงไม่กล้ามาแต่ให้พี่สาวอย่างเธอมาแทน
ถ้าตระกูลเจิ้งของพวกเขาไม่มีใครกล้ามา นั่นก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาร้อนตัว
ดังนั้นเจิ้งเหยียนจึงได้แต่ฝืนใจมาเพื่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
ในเมื่อตอนนี้เข้างานเลี้ยงไปแล้ว เธอก็ออกจากงานเลี้ยงได้แล้ว
เธอเดินตามอวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ออกจากงานโดยไม่พร่ำทำเพลง
“เสี่ยวมู่มู่ เธอไม่เป็นไรแน่นะ? ฉันว่าสีหน้าเธอดูแปลกๆ ไปโรงพยาบาลดีไหม? ฉันรู้จักคุณหมอคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว ฝีมือไม่เลว!”