หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 955 สะกดรอยตาม ตอนที่ 956 พวกมันบรรทุกเกินจำนวนคน!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 955 สะกดรอยตาม ตอนที่ 956 พวกมันบรรทุกเกินจำนวนคน!
ตอนที่ 955 สะกดรอยตาม
เมื่อเจิ้งเหยียนเห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่เหงื่อออกไม่หยุดจึงถามด้วยความเป็นห่วง
พอเธอพูดเสร็จ อวี๋เยว่หานก็บอกว่า “นำทางไป” โดยไม่รอให้เหนียนเสี่ยวมู่ตอบ
“…โอเค รถฉันจอดไว้ที่ที่จอดรถของโรงแรม พวกเราขับรถไปกันเองก็ได้” เจิ้งเหยียนพูดขณะที่ก้มตัวเก็บชายประโปรงขึ้นแล้วถือไว้ในมือ
หมุนตัวเดินนำทางอยู่ข้างหน้าอย่างสง่าผ่าเผย
เนื่องจากพวกเขาออกจากงานมาก่อนเวลา อวี๋เยว่หานจึงปล่อยให้ผู้ช่วยคอยรับหน้าอยู่ในงาน
พวกเขาขึ้นรถโดยให้เจิ้งเหยียนเป็นคนขับ
หลังจากที่ขึ้นรถ เจิ้งเหยียนก็ถอดรองเท้าส้นสูงเพราะมีผลต่อการขับรถ เธอหยิบรองเท้าที่อยู่ในรถมาเปลี่ยนแล้วสตาร์ทรถขับออกจากโรงแรมไป
ปากยังพูดติดตลกว่า “ไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเจิ้งอย่างฉัน วันหนึ่งจะต้องกลายมาเป็นคนขับรถ พวกเธอต้องขอบใจฉันนะ!”
เจิ้งเหยียนพูดจบก็เหลือบมองกระจกมองหลัง
เธอเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังเหงื่อแตกอยู่ในอ้อมกอดอวี๋เยว่หานอย่างเงียบๆ ใจก็เต้นแรงขึ้นมาทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้เธอยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ถึงได้ทรมานขนาดนี้ล่ะ”
อวี๋เยว่หานกอดเธอแน่นขึ้นพลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ไม่ว่าตอนนี้คุณจะคิดอะไรก็ไม่ต้องคิดต่อไปอีกแล้ว ได้ยินไหม?”
“เจ็บ…หัว…” เหนียนเสี่ยวมู่เค้นคำพูดลอดฟันออกมาสองคำ
ตัวเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อเหมือนถูกคนดึงขึ้นมาจากในน้ำ
เวลาที่พูดก็เหมือนจะเห็นคราบเลือดตามไรฟันอยู่รำไร
น่าจะเป็นเพราะอดทนต่อความเจ็บปวดถึงได้กัดฟันจนเลือดออก
ด้วยสภาพที่อ่อนแอแบบนี้ ทำให้อวี๋เยว่หานปวดร้าวหัวใจ กอดเธอแน่นราวกับว่าเขากำลังจะขย้ำเธอเข้าสู่ร่างกายของเขาเพื่อรับความเจ็บปวดแทนเธอ
“เร็วเข้า!”
“ฉันเร่งความเร็วแล้ว แต่นี่เป็นเขตเมือง ต้องจำกัดความเร็วนะลูกพี่!” เจิ้งเหยียนบ่นโดยที่เท้ายังคงเหยียบคันเร่งจนมิด
รถพุ่งออกไปด้วยความเร็วเหมือนลูกธนู!
“ถ้าขับเร็วแล้วได้ใบสั่ง ฉันจะไม่เก็บเงินเสี่ยวมู่มู่ คุณชายหาน คุณจะต้องจ่ายค่าชดใช้ให้ฉัน!”
ชีวิตคนสำคัญที่สุด เจิ้งเหยียนจดจ่ออยู่กับการขับรถโดยไม่คิดอะไรมาก
เมื่อเห็นว่ากำลังจะถึงโรงพยาบาลเอกชนของเพื่อนเธอตรงทางข้างหน้า เจิ้งเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดปลอบใจตัวเอง
“ผ่านอีกทางแยกก็ถึงแล้ว เสี่ยวมู่มู่ อดทนไว้นะ…”
ก่อนที่เจิ้งเหยียนจะพูดจบ หางตาเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง รูม่านตาหด
ทันใดนั้นมือทั้งสองก็จับพวงมาลัยแน่น
สบช่องว่างขณะขับรถเหลือบมองกระจกมองหลัง
พูดด้วยความหวาดระแวง “คุณชายหาน ถึงฉันจะไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่สัญชาตญาณของฉันก็เหมือนจะบอกฉันว่ามีรถตามเรามาและไม่ใช่แค่หนึ่งคัน…”
บรรยากาศภายในรถเปลี่ยนเป็นอึมครึมภายในพริบตาหลังจากเธอพูดจบ
อวี๋เยว่หานที่กำลังกอดเหนียนเสี่ยวมู่ที่มีสติเลือนรางค่อยๆ เงยหน้าเหลือบไปมองด้านหลัง
มีรถสองคันตามพวกเขามาจากทางด้านหลังจริงๆ ด้วย
ระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล มองไม่ชัดว่าคนที่ขับรถเป็นใคร
ด้วยความฉลาดของเจิ้งเหยียน เธอเปลี่ยนเลนและเร่งความเร็ว ไม่นานก็พบว่าอีกฝ่ายก็เคลื่อนไหวตามพวกเขาด้วยวิธีเดียวกัน หัวใจหยุดเต้นไปสักพัก
เจิ้งเหยียนตบพวงมาลัยแรงๆ “ฉันกลัวจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่อง ถ้าฉันบอกว่าตอนนี้เริ่มเสียใจขึ้นมาแล้วที่พูดว่าจะพาพวกเธอมาโรงพยาบาล มันจะดูเนรคุณหรือเปล่า?”
“โรงพยาบาลเพื่อนคุณอยู่ที่ไหน?”
อวี๋เยว่หานพูดเรียบๆ
น้ำเสียงสงบราวกับว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเขา
“หลังจากเลี้ยวแยกถัดไปอีกห้าร้อยเมตรก็ถึงแล้ว”
ตอนที่ 956 พวกมันบรรทุกเกินจำนวนคน!
เจิ้งเหยียนตอบอย่างกระวนกระวาย
ทันทีต่อจากนั้นก็ถามด้วยความระแวง “ตอนนี้ฉันควรแจ้งตำรวจดีไหม?”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันอยู่นั้น รถที่ตามอยู่ด้านหลังก็เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว พวกเขาจึงเร่งความเร็วพุ่งตามมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
พุ่งเข้ามาชนท้ายรถพวกเขาอย่างแรง!
“โครม” รถพวกเขาสะเทือนไปทั้งคัน!
อวี๋เยว่หานยังคงกอดเหนียนเสี่ยวมู่ไว้โดยใช้มืออีกข้างยันเบาะหน้า คนจึงไม่ได้กระเด็นออกไป
ก้มมองเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความตึงเครียด
เมื่อเห็นเธอไม่ได้เป็นอะไร เขาถึงจะโล่งอก
สายตามืดมนปกคลุมไปด้วยไอเย็นที่เขย่าขวัญผู้คน
“ไอ้คนพวกนี้มันบ้าไปแล้ว! ฉันมั่นใจว่าเป็นเพราะเหยาอวิ๋นอวิ๋นขายหน้าในงานเลี้ยง พวกมันถึงได้ทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้!”
เจิ้งเหยียนจับพวงมาลัยแน่นและขับไปข้างหน้าด้วยความเร็วเพื่อให้เกิดช่องว่าง
เธอยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มาแจ้งตำรวจ
พอมือเพิ่งจะแตะโทรศัพท์ได้ รถก็ถูกชนอีกครั้งอย่างจัง
แม้เธอจะสวมเข็มขัดนิรภัย ก็ยังรู้สึกเหมือนโดนกระแทกจนตัวปลิว
จากนั้นก็หันไปมองอวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความเป็นห่วง “พวกเธอไม่เป็นไรนะ? อีกฝ่ายต้องการจะให้พวกเราจอดรถ แต่เราจะจอดไม่ได้ เพราะไม่อย่างงั้นพวกเราจะต้องทิ้งชีวิตน้อยๆ ของพวกเราไว้ที่นี่แน่ๆ คุณชายหาน ฉันขยับตัวไม่ได้ คุณช่วยรีบโทรแจ้งตำรวจเร็ว!”
เจิ้งเหยียนร้อนใจจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เธอจึงออกปากสั่งอวี๋เยว่หานโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
เมื่อพูดจบ อวี๋เยว่หานก็ยกโทรศัพท์มาให้เธอ
พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“อีกฝ่ายเตรียมการมาดี พวกมันปิดสัญญาณโทรศัพท์ไปแล้ว”
ขณะที่เขาสังเกตเห็นว่ามีคนสะกดรอยตาม เขาก็รู้ตัวทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกเป็นเป้าหมาย
คนร้ายไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาติดต่อกับโลกภายนอก
“แม่งเอ๊ย!” เจิ้งเหยียนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
“พวกเธอนั่งกันดีๆ ล่ะ ตอนนี้เรากำลังจะพุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อนของฉัน พวกเรายังมีโอกาสรอด ถ้าถูกสกัดระหว่างทาง เราอาจจะต้องจบเกม เจ๊ใหญ่อย่างฉันยังไม่เจอรักแท้ แถมยังไม่เคยมีความรัก ฉันไม่อยากด่วนจากไปก่อน เพราะไม่อย่างงั้นฉันจะต้องนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ!”
หลังจากที่เจิ้งเหยียนพูดจบและยังไม่ทันได้เหยียบคันเร่ง จู่ๆ รถที่ตามมาด้านหลังก็เร่งความเร็วขับแซงหน้าพวกเขาขึ้นมาทันใด
เธอเหยียบเบรกโดยสัญชาตญาณในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
“เอี๊ยด——”
หน้ารถที่ควบคุมไม่ได้ชนกับรถคันข้างหน้า
พวกเขาถูกบังคับให้จอด
เจิ้งเหยียนกลืนน้ำลายด้วยความหนักอึ้งขณะที่มองดูพวกอันธพาลลงจากรถคันข้างหน้าทีละคน
เธอยังมีกระจิตกระใจนับจำนวนคน
“บวกคนขับก็มีเจ็ดคน แม่งเอ๊ย พวกมันบรรทุกเกินจำนวนคนนี่!”
นั่นเท่ากับว่าเอารถสองคันบวกกันก็มีกันถึงสิบสี่คน
บวกกับไม้เบสบอลในมือพวกนั้น…
เจิ้งเหยียนช็อกไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยายามสตาร์ทรถอีกครั้งเพื่อคิดจะถอย
ทันทีที่สตาร์ทรถก็มีรถอีกคันชนมาจากทางด้านหลัง ทำให้รถของพวกเขาติดอยู่ตรงกลาง
จบเห่
ตามตำนานหมาป่าอยู่ข้างหน้าเสืออยู่ข้างหลัง ตอนนี้พวกเขาเป็นลูกแกะตัวน้อยที่ติดอยู่ตรงกลางและต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“คุณชายหาน ฉันพูดจากใจจริงนะ ในใจฉันคุณไม่ใช่แค่เพื่อนแต่ยังเป็นไอดอลของฉันด้วย นอกจากทั้งหล่อทั้งรวย คุณก็เป็นคนประเภทที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้…อันที่จริงที่ฉันพูดออกมาขนาดนี้เพราะอยากจะถามคุณแค่ประโยคเดียว คุณชายหาน คุณน่าจะต่อสู้เป็นใช่ไหม?”
อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วและมองเธอด้วยสายตาเย็นเฉียบ “คุณว่าไงล่ะ?”
“……”
หรือจะต่อสู้ไม่เป็นจริงๆ