หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 300 ร่วมหัวจมท้าย
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 300 ร่วมหัวจมท้าย
สิ้นสุดคํากล่าว ผืนธงสีเข้มเกือบดําพลันตรงเข้าโอบล้อมร่างทั้งสองประดุจปุยเมฆที่โอบล้อมดวงตะวัน
ยังคงไร้การปรากฏของการผันผวนแห่งพลังทางจิตวิญญาณใด ทว่าอายบรรยากาศที่หนาแน่นไปด้วยความเย็นยะเยือกที่แผ่กระจายปกคลุมยังคงปลุกเร้าความรู้สึกของเกอซีให้ตื่นตัวระแวดระวังภัยอยู่เสมอ ดั่งถูกกดทับด้วยเทือกเขาไท่ซาน* กระทั่งไม่อาจขยับกาย ทั้งแทบไม่อาจหายใจ
*เทือกเขาไท่ซาน ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองไท่อาน
ขณะทุกสิ่งกําลังดําเนินไปนั้น บุรุษในอาภรณ์สีดําสนิทผู้นั้นย่างกรายประชิดเข้าหาหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มหยันเยาะ
เมื่อร่างของเขาขยับใกล้เข้ามา ผืนธงสีคล้ำเข้มพลันแปรเปลี่ยนสภาพเป็นสายเงาสีดํา และพุ่งตรงเข้าหาเกอซี
เถาวัลย์ม่วงอเวจีเกิดปฏิกิริยาตอบสนองอย่างฉับไวด้วยการปลดปล่อยตนออกปะทะสายเงาสีดํานั้น
ติดตามมาด้วยปลายกระบี่สีทองเข้มซึ่งปรากฏในมือของบุรุษชุดดําที่ทะลวงตรงเข้าหาเกอซีอีกทาง
เสียงดัง “เปรี้ยง” ดังก้องสนั่นไปทั่วม่านหมอกขาวกระทั่งอายหมอกสั่นสะเทือนก่อเกิดระลอกคลื่นอย่างรุนแรง
ที่สุด เมื่อม่านหมอกขาวสงบนิ่งลง จึงเริ่มแลเห็นหนึ่งสายพลังแสงดํา หนึ่ง สายพลังแสงม่วงกระจ่างกําลังปะทะกันกลางอากาศ สายพลังทั้งสองแปรเปลี่ยนสภาพประดุจปลายเชือกสองสายซึ่งตวัดรัดกัน และกัน เส้นสายพลังทั้งสองจึงผูกรัดเกอซีเข้ากับบุรุษผู้นั้นอย่างแน่นหนา
ทั้งสองฝ่ายต่างหน้าถอดสีเมื่อในมือของเกอซีเกาะกุมด้ามกริชสีเขียวซึ่งกดกระชับอยู่กับลําคอของบุรุษในอาภรณ์สีดำ
ขณะที่อีกด้าน กระบี่สีทองซึ่งอยู่ในฝ่ามือของชายชุดดําก็กดแน่นอย่างมั่นคงจ่ออยู่กับช่วงอกของเกอซี ประหนึ่งเพียงพริบตามันก็พร้อมจะฉีกทําลายเนื้อหัวใจของนางให้สิ้นสูญ
หากทว่า ใบหน้าของบุรุษในอาภรณ์สีดาผู้นั้นกลับเผยแสดงความตื่นตกใจระคนอัศจรรย์ใจ ฝ่ามือที่เกาะกุมด้ามดาบสีทองสั่นสะท้านเล็กน้อยคล้ายกระทั่งตัวเขายังไม่อาจแน่ใจว่าสมควรถอดถอนกระบี่ในมือออกหรือไม่
เขาจับจ้องหนุ่มน้อยผู้งามสง่าด้วยดวงตาสุกใสเปล่งประกายในท่ามกลางความรู้สึกสับสน ทิ้งเวลานานครูใหญ่กว่าเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยกล่าว “เจ้า…เจ้าคือบุรุษ…”
ความเย็นเยียบทอประกายผ่านแววตาของเกอชีวูบหนึ่งพลันด้ามกริชในมือก็กดลงบนผิวเนื้อลําคอชายผู้นั้นพร้อมเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “กริชด้ามนี้ถูกเคลือบอาบด้วยยาพิษสกัดโลหิตยั้งลม แม้อาจไร้ผลต่อยอดฝีมือระดับสูง หากทว่าภายใต้หมอกขาวแห่งนี้ เมื่อเจ้าไม่อาจขับใช้พลังปราณในกาย ย่อมไม่อาจขับพิษร้ายออกมาได้ในทันที หากเจ้ายังยืนกรานคอยติดตามรังควานข้าไม่เลิกรา ข้าเองก็จะไม่ใส่ใจเช่นกัน หากระหว่างเราทั้งคู่จะไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายได้ชัย
เมื่อความรู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ จากบาดแผลบนลําคอแปลบขึ้น สีหน้าของชายชุดดํากลับกลายเป็นดุดัน ความเกรียวกราดเผยแสดงผ่านใบหน้า “แม้นเจ้าปฏิเสธจะร่วมมือ คิดหรือว่าข้าจะไร้หนทางจัดการกับเจ้า ?”
นิ่งไปชั่วครู่หลังวาจากล่าวเพียงสั้นกระชับ น้ำเสียงเย็นชาของบุรุษผู้นั้นจึงดังขึ้นอีก “หากเจ้าไม่ด่วนทําลายริ้วนัยน์ตาอาคมส่งผลให้ทิศเดินกระแสอาคมทั้งแปดแปรเปลี่ยนอย่างกระทันหัน ข้าอาจสามารถพบใจกลางอาคม และทําลายริ้วสายอาคมเมฆาไปได้แล้ว ! ยามนี้เจ้าทําลายแผนข้าป่นปี้ สมควรต้องตอบแทนเช่นไร ? ให้เจ้าช่วยข้าทําลายนิ้วมนตราเหล่านี้เป็นอย่างไร ?”
เกอซีอิ้งค้างไปครู่หนึ่ง เพียงสิ่งเดียวที่เผยแสดงบนใบหน้าคือร่องรอยแห่งความลังเลเล็กน้อย
หากบุรุษผู้นี้ค้นพบใจกลางอาคมได้จริง ย่อมช่วยให้นางไม่ต้องติดตามไล่ทําลายริ้วนัยน์ตาอาคมที่ละจุด
เมื่อก้มหน้าลงมอง หญิงสาวจึงเห็นร่างของพวกเขาทั้งคู่ถูกมัดรวมกันแน่นจนไม่อาจขยับ น้ำเสียงเข้มของนางเอ่ยตอบคํา “คลายผืนธงของเจ้าก่อน”
บุรุษผู้นั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรสดกําจายออกจากร่างหนุ่มน้อยผู้แนบชิดกาย เขาเบ้ปากเล็กน้อยตอบคํา “เถาวัลย์ม่วงอเวจีของเจ้ายังคงพันธนาการร่างข้าอยู่เช่นกัน”
สองคิ้วของเกอซียนเข้าหากัน “ข้าจะนับถึงสาม เมื่อนั้นเราทั้งคู่จะคลายอาวุธออกพร้อมกัน”
เพียงพริบตา ทั้งเถาวัลย์ม่วงอเวจี และผืนธงดําล้วนพลิกลอยกลับถอยคืนโดยพร้อมเพรียง เถาวัลย์ม่วงอเวจีคืนร่างแปรเปลี่ยนเป็นลําแสงสีม่วง และคืนกลับสู่ร่างของเกอซี ขณะที่ผืนธงสีเข้มคืนกลับเข้าสู่อุ้งมือของบุรุษผู้นั้น
เกอซีรีบชักฝ่าเท้าถอยออกมาเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างนางกับชายผู้นั้นพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกยาว ทั้งยังลอบฉวยโอกาสนี้ฟื้นคืนกําลังภายในที่เดือดหายในเวลาเดียวกัน
ทว่าอีกฝ่ายกลับตรงกันข้าม เมื่อบุรุษในอาภรณ์ดําสนิทกลับนึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ต้องสูญเสียอายอุ่นภายในอ้อมแขนไปอย่างกระทันหัน ทั้งยังติดอาลัยอยู่กับกลิ่นหอมลึกลับเจือจางที่แตะไล้อยู่ปลายจมูกเมื่อครู่
เขาส่งสายตามองตามเกอซี ภายใต้น้ำเสียงที่เย็นชากลับประสานไปด้วยความอ่อนโยนเจือจาง “หากจะทําลายริ้วอาคมเมฆา จําต้องค้นหาใจกลางอาคมให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงตัดกําลังเลี้ยงส่งขุมพลังของมัน เพียงทําลายริ้วนัยน์ตาอาคมสองหรือสามตําแหน่งย่อมไร้ผล ข้ามีหนทางค้นหาใจกลางอาคม หากทว่า ณ ใจกลางอาคมล้วนหนาแน่นไปด้วยม่านพลังป้องกันซึ่งมีกําลังเข้มข้น เมื่อข้าไม่อาจใช้เคล็ดวิชาใด ๆ ภายใต้หมอกขาวแห่งนี้ การจะฝ่าทลายม่านพลังซึ่งปกป้องใจกลางอาคมไว้ได้ล้วนต้องทุ่มเทมหาศาล ทว่าหากเราใช้เถาวัลย์ม่วงอเวจีของเจ้า ผลที่ได้ย่อมแตกต่าง…”
***จบตอน ร่วมหัวจมท้าย***