หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 305 แม้นไร้เหตุผล เปิ่นหวางยังคงพร้อมเปรนเปรอเขา
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 305 แม้นไร้เหตุผล เปิ่นหวางยังคงพร้อมเปรนเปรอเขา
“หนานกงยวี่ ข้าไม่เป็นไร เพียงพละกําลังแห้งเหือดสิ้นเท่านั้น”
เป็นชั่วขณะหนึ่งที่เกอซีมิรู้ควรหัวเราะ หรือร้องไห้
เบื้องหน้าสายตามากมายของผู้คน ที่สุดแล้ว บุรุษผู้นี้จะจับต้องสัมผัสนางอีกนานเท่าใดกัน
หนานกงยวี่รวบร่างหญิงสาวเข้าสู่อ้อมแขน สวมกอดแนบแน่นเพื่อตอบสนอง
“ซีเอ๋อ…! นับว่าดียิ่งที่เจ้าไม่เป็นไร ! ดียิ่งที่ข้าพบเจอเจ้าแล้ว ซีเอ๋อ !”
เกอซีให้รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งร่างราวกระดูกจะแหลกละเอียด ชายผู้นี้กระทําตนราวกับต้องการจะละลายร่างของนางให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเขา ยามนี้นางอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
หากทว่าความอบอุ่นที่มิอาจบ่งชัดกลับพวยพุ่งขึ้นภายในส่วนลึกของหัวงใจ ระงับความร้อนรุ่มกระวนกระวายบรรเทาความขุ่นข้อง ดวงใจที่เคยถูกทอดทิ้งให้เดียวดายเมื่อครู่ก่อนพลันสงบลง
ครูใหญ่กว่าที่หนานกงยวี่จะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดที่รวบรัดร่างของหญิงสาวก่อนจะหันมาหาเฟิ่งอวิ่นจิง
เฟิ่งอวิ๋นจิ่งหรี่ม่านตาลงเล็กน้อย ยามนี้ประกายตาคู่นั้นแฝงความเย็นชาที่วูบวาบไปด้วยอายแห่งความร้ายกาจ
สายตาของเขาจับจ้องอยู่กับฝ่ามือของหนานกงยวี่ ซึ่งข้างหนึ่งเหยียดออกเพื่อโอบรัดเอวอ่อนบางของ “หนุ่มน้อยขณะอีกข้างค่อย ๆ ลูบไล้จัดเก็บเรือนผมให้ “หนุ่มน้อย” ผู้นั้นอย่างบรรจง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนลงลูบไล้ไปตามพวงแก้มละเอียดบางที่อ่อนนุ่ม ประดุจต้องการจะยืนยันความมีอยู่ของผู้ที่กําลังอ่อนไร้สิ้นแรงในอ้อมแขน
“หนุ่มน้อย” ผู้แยกเขี้ยวอาละวาดฟาดหางกับเขาราวอสูรร้ายเมื่ออยู่เบื้องหน้าเขา ยามนี้กลับทิ้งกายเอนอิงลงในอ้อมแขนของหนานกงยวี่อย่างว่านอนสอนง่ายแสนน่ารักอย่างที่สุด
ทั้งสองยืนตระกองสวมกอดกันและกัน ประหนึ่งคู่รักสวรรค์บันดาล ดั่งจิตรกรรมภาพเขียนคู่หนุ่มสาวที่งดงามอย่างไร้ที่ติ
ช่างงดงามจนขัดสายตายิ่งนัก
ยังไม่ทันที่เฟิ่งอวิ๋นจิงจะสบโอกาสเอ่ยปาก น้ำเสียงของเฟิ่งเหลียนอิ่งกลับสะอึกสะอื้นขึ้นมาจากด้านหลัง “พี่ยวี่ เหตุใดท่านเพียงใส่ใจว่าคุณชายซีได้รับบาดเจ็บหรือไม่เล่า ? เมื่อครู่ข้าถูกเขาลอบทําร้าย กระทั่งยามนี้ก็ยังคงเจ็บท้องน้อยไม่หาย ! ท่านจะไม่ห่วงใยข้าแม้เพียงนิดเขียวกระนั้นหรือ ? ในใจของท่าน ความรู้สึกที่เรามีต่อกันมาเนิ่นนานหลายปีไม่อาจเทียบกับจอมหลอกลวงผู้นี้ได้กระนั้นหรือ?”
คิ้วทั้งสองของเกอซีเลิกขึ้นสูง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะชักฝ่าเท้าถอยออกจากท่อนแขนที่พัวพันรอบกาย
ถูกแล้ว นางเพิ่งลงไม้ลงมือกับเฟิ่งเหลียนอิ่งไปเมื่อครู่ ทั้งหลังจากได้จัดการสั่งสอนหญิงผู้นั้น กระทั่งถึงยามนี้ นางก็ให้รู้สึกสาสมใจเป็นหนักหนา
เกอซีย่อมอยากรู้เช่นกันว่าหนานกงยวี่จะมีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อได้ล่วงรู้ว่าน้องหญิงน้อยเหลียนอิ่ง หวานใจของเขาได้รับบาดเจ็บ ยังอีกทั้งอาการบาดเจ็บพวกนั้นล้วนมีนางเป็นต้นเหตุอีกด้วย
เพียงเห็นเกอซีแสดงท่าที่จะผละออกจากอ้อมแขนของตน ใบหน้าของหนานกงยวี่กลับหม่นมัวลงในทันใด ฝ่ามือกว้างตรงเข้าฉุดรั้งนาง กักขังร่างน้อยไว้ในอ้อมกอดทันที่อย่างแน่นหนา
ประกายตาที่เย็นเยียบประดุจแท่งน้ำแข็งสาดกระทบตัวเฟิ่งเหลียนอิ่ง ก่อนน้ำเสียงราบเรียบเนิบช้าจะค่อย ๆ ถูกขับออกมา “ซีเอ๋อคือคนของเปิ่นหวาง เมื่อเขาตัดสินใจทําสิ่งใด แม้นหากเป็นเรื่องสมควร เปิ่นหวางย่อมยินดีให้เขา ได้กระทําตามใจปรารถนา แม้นหากเป็นเรื่องไร้เหตุผล เปิ่นหวางก็พร้อมจะปรนเปรอตามความพอใจของเขาเช่นกัน”
“หากเจ้าไม่พอใจ เช่นนั้นก็มาระบายกับเปิ่นหวาง ทว่าหากมันผู้ใดกล้าแตะต้องซีเอ๋อลับหลังข้า เช่นนั้นก็จงอย่าได้ตําหนิว่าข้าไร้ความปรานี !”
เฟิ่งเหลียนอิ่งจ้องตามสายตาที่คมกริบราวกระบี่ของหนานกงยวี่ซึ่งกําลังเหลือบมองไปทางเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง
เปลวเพลิงโทสะยังคงคุกรุ่นอยู่ในแววตาของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง ยามเมื่อเขาเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนานกงยวี่ ศีรษะเจ้าตกกระแทกสิ่งใดกระนั้นหรือ ? เพียงเพื่อเด็กหนุ่มผู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้า เจ้าถึงกับตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฟิ่งของข้าเชียวหรือ ?”
ติดตามมาด้วยสายตาของเฟิ่งเหลี่ยนอิ่งที่เหลือบชําเลืองมองเกอซีด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน น้ำเสียงที่หลุดรอดออกจากปากของนางอัดแน่นไปด้วยความ โกรธเกรี้ยวเหี้ยมโหดอย่างเกินความคาดหมาย “ที่สุด มันใช้กล
วิธีใดยั่วยวนท่าน ? ใบหน้าที่งดงามโดดเด่นกระนั้นหรือ ? เรือนร่างที่เย้ายวนสายตากระนั้นหรือ ? อาจบางที คือริมฝีปากน้อย ๆ ที่ฝึกปรือมาจนช้ำชองนั้น ? แม้นหากท่านปรารถนาบุรุษ หรือสตรีเช่นนี้ ตระกูลเฟิ่งของเราย่อมสามารถนํามาประเคนให้ท่านได้มากกว่าสองสามคนเสียด้วยซ้ำ !”
“เพียงเพื่อเศษสวะไร้ค่าเช่นนี้ เจ้าถึงกับกล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลเฟิ่งทรยศต่อความเมตตาที่พวกเราเคยช่วยชีวิตเจ้าไว้..คนเยี่ยงเขาผู้นี้ ควรค่าพอกระนั้นหรือ ? หนานกงยวี่ เจ้าควรส่งมอบเขาให้ข้าเป็นผู้ดูแลย่อมสมควรกว่า เจ้าคิดเห็นเช่นไรเล่า ? เชื่อข้าเถิด เช่นนี้แล้ว ทั้งตระกูลเฟิ่ง และตําหนักราชันมัจจุราชล้วนได้รับความพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
แววตาที่เหน็บหนาวของเกอซีพลันเข้มข้นรุนแรงขึ้นทันที เนื่องเพราะถ้อยวาจานั้น ความเดือดดาลพลุ่งพล่านอัดท่วมจนล้นอก อายสังหารแรงกล้าพลันหลั่งล้นทะลักทั่วเรือนกาย
***จบตอน แม้นไร้เหตุผล เปิ่นหวางยัง คงพร้อมเปรนเปรอเขา***