หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 329 คลั่ง
ตอนที่ 329 คลั่ง
“โอสถเม็ดห้าธาตุสกัดโลหิตย่อมต้องสามารถรักษาพิษโลหิตหลั่งสําราญได้
หากทว่ามีหรือที่คนเหล่านั้นจะหลงเชื่อคํานางพวกมันต่างร้องตะคอกออกมาด้วยความไม่พอใจ “เจ้ายังอยากให้พวกเราลองอีกกระนั้นหรือ ? เจ้าอยากให้พวกเรามีจุดจบน่าอนาถดังเช่นฉางกวนรุ่ยกระนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ !”
เพิ่งเหลียนยิ่งเกรี้ยวกราดเดือดดาล เมื่อได้ยินถ้อยคําใส่ไคล้เช่นนั้นยิ่งเมื่อหันไปเห็นเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลผู้ทรงอิทธิพลปฏิเสธที่จะกลืนกินโอสถเม็ดห้าธาตุสกัดโลหิตของ นางขณะพวกที่กลืนกินโอสถล่วงผ่านลําคอไปแล้วล้วนพ ยามยามกวาดคอตนให้อาเจียนขย้อนออกความขุ่นเคืองของนางก็ยิ่งท่วมทวี
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวคว้าเม็ดโอสถที่นางซุกซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อเพื่อสํารองใช้ต่อในอนาคตนางปรี่เข้าหากลุ่มผู้ฝึกยุทธที่ไม่ได้มาจากตระกูลหรือสํานักใหญ่มีชื่อ
เหล่าผู้ฝึกยุทธที่ถูกปฏิเสธการมอบยา เดิมที่ล้วนกําลังดีที่ตนรอดพ้นจากหายนะที่น่าสยดสยองนั้นมาได้ทว่ายามนี้เมื่อพวกมันเห็นเพิ่งเหลียนยิ่งพุ่งร่างเข้ามาหา พว กมันต่างแผดเสียงร้องด้วยความแตกตื่นใจต่างคนต่างเหาะเหินหนีไปคนละทิศละทาง
ยามนี้เพิ่งเหลียนยิ่งได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปอย่างสมบูรณ์แล้ว นางสวมใส่ถุงมือไยไหมสวรรค์ก่อนจะคว้าร่างคนผู้หนึ่งเข้ามายัดเม็ดโอสถห้าธาตุสกัดวิญญาณใส่ปากพลางพร่ําเพ้อ “ต้องไม่มีปัญหา ! การวินิจฉัยโรคของข้าไม่เคยผิดพลาด !”
ทั้งเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการส่งประสิทธิภาพของโอสถเม็ดห้าธาตุสกัดโลหิต นางจึงถ่ายเทพลังปราณของตนเข้าสู่ร่างคนผู้นั้นด้วยวิธีการเช่นนั้นย่อมส่งให้โอสถซึมซาบเข้าสู่ ร่างอย่างรวดเร็วโดยไม่คํานึงถึงผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ฝึกยุทธ
หากทว่าเพียงชั่วเวลาเผาหนึ่งก้านธูป เพิ่งเหลียนยิ่งกลับรีบล่าถอยออกจากร่างคนผู้นั้นพร้อมใบหน้าตื่นผวา
เสียงดัง “ตูม” ร่างคนผู้นั้นพลันระเบิดแหลกกลายเป็นแอ่งโลหิตที่คลานกระตุ้บกระบอยู่กับพื้น
“หาาาาา ! ตายแล้ว ! ตายอีกแล้ว !”
“เชินเอ๋อร์ !! เพิ่งเหลียนยิ่ง นางหญิงชั่ว! เอาชีวิตลูกข้าคืนมา ! ! เชินเอ๋อร์…”
เมื่อผู้ที่เป็นมารดาของยอดฝีมือผู้นั้นเห็นกองโลหิตซึ่งเคยเป็นร่างของบุตรชายตน นัยน์ตาของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉานเพราะความเคียดแค้นหญิงผู้นั้นพุ่งเข้า ใส่เพิ่งเหลียนยิ่งในทันที
หากทว่าระดับขั้นพลังยุทธของนางยังห่างไกลจากการเป็นคู่ประมือของเหล่าอารักขาแห่งสํานักหลิวหลีเช่นนั้นนางจึงถูกเตะกระเด็นกระแทกพื้นกระอักโลหิตออกมาคําโต
ยามนี้เหล่าผู้ฝึกยุทธที่ไร้อํานาจบารมีต่างตื่นตัวเพิ่มความระมัดระวัง พวกเขาล้วนถลึงตาจ้องเพิ่งเหลียนยิ่งด้วยแววตาแห่งความเคียดแค้นและชิงชัง
ในสายตาของพวกเขา สตรีผู้นี้เคยเป็นเทพธิดาจําแลงร่างจากสรวงสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และงดงาม หากทว่ายามนี้นางได้ เผยตัวตนแห่งความเป็นมารชั่วที่โหดร้ายอํามหิตออกมาแล้ว
ฉายานามเรียกขาน เทพธิดาบัวเยือกแข็งล้วนกลับกลายเป็นการแอบอ้างใช้นามแห่งเทพธิดาให้ต้องแปดเปื้อน
ทันใดนั้นเองกู้อี้ตาวผู้นอนหลับใหลไม่รู้สึกตัวอยู่กับพื้นมาโดยตลอดพลันเริ่มส่งเสียงครวญคราง พร้อมเปลือกตาทีเริ่มเผยอเปิด
ใบหน้าของกู้หลิวเพิ่งมีเพียงความประหลาดใจ เขารีบตรงเข้าประคองร่างผู้เป็นลุงให้ลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยถาม “ท่านรู้สึกเยี่ยงไรบ้างท่านลุง ? ยามนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่ ?”
กู้อี้ตาวกัดกรามหน้านิ่ว ทว่าที่สุดริมฝีปากของเขาก็แยกออกปรากฏรอยยิ้ม “วางใจเถิดหลิวเพิ่งยามนี้ข้ากลับรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมาก
เกอซีย่อกายลงจับปลายข้อมืออีกฝ่าย เพื่อตรวจเส้นชีพจรก่อนจะผงกศีรษะ “พิษในร่างของท่านถูกสลายสิ้นไม่เหลือบาดแผลทั่วร่างไม่ขับน้ําหนองออกมา ยามนี้ท่านสามารถขับกําลังปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในร่างได้แล้ว”
แน่นอนที่สุด ยามนี้บาดแผลบนร่างของกู้อี้ตาวมีเพียงโลหิตสีแดงสดไหลซึมออกมา ทั้งที่เดิมที่มันคือของเหลวสีเหลืองชําเลือดช้ําหนองที่น่าสยดสยอง
กู้อี้ตาวยังคงกัดปากตนแน่น คล้ายเขายังคงทรมานจากความเจ็บปวดเขาเริ่มโคจรพลังปราณทั่วร่างเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายใน
เพียงอึดใจ รอยแผลที่ปรากฏโลหิตไหลซึมกลับค่อย ๆ เหีอดแห้งหายไป แม้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่อาการบาดเจ็บทั้งหมดจะหายเป็นปลิดทิ้งในทันที กระนั้นร่างกายของเขาก็อยู่ในสภาพที่ดีกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
กู้อี้ตาวก้มลงมองดูร่องรอยบาดแผลที่ไร้ของเหลวไหลซึมทะลักร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อยยามเมื่อแหงนเงยหันมาจ้องเกอซีด้วยความซาบซึ้งใจ“ข้าข้าไม่คิดเลยว่าจะรอดชีวิตข้าคิดว่าคงต้องตายอย่างแน่แท้..”
***จบตอนคลั่ง-*-*