หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 349 ช่วงเวลายอดเยี่ยมสุดเปรียบปาน
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 349 ช่วงเวลายอดเยี่ยมสุดเปรียบปาน
ผ่านเส้นสายโลหิต สู่สายใยสัมพันธ์ ปลดเปลื้องความเกลียดชัง ปล่อยวางเกียรติศักดิ์ศรี หมื่นพันรุ่นสืบยุคสมัย มิเคยทรยศแปรผัน เผ่าพันธุ์มังกรผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรยาวนานนับล้านปีจักกลับมาผงาด รุ่งเรืองเกริกไกรอีกครา!
เกอซีไม่ค่อยเข้าใจความหมายของถ้อยประโยคเหล่านั้นเท่าใดนัก ทว่าแปลกยิ่งนักที่นางกลับสัมผัสได้ถึงความเศร้าเสียใจ ความสิ้นหวัง ตลอดถึงความหวังที่เปี่ยมล้นอยู่ภายในถ้อยคํานั้น
ยามนี้ภายใต้ฝ่าเท้าของนางพลันปรากฏประกายแสงอันเจิดจ้าที่เริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย
เพิ่งจะยามนี้เองที่เกอซีพบว่าประกายแสงเบื้องล่างที่คล้ายประทับอยู่บนผืนดิน คือสิ่งอันมีรูปสัญลักษณ์คล้ายทรงห้าเหลี่ยม
สุดทางที่ปลายด้านทั้งห้าคือแผ่นกระจกใส ขณะตัวนางยืนอยู่ในตําแหน่งใจกลางสัญลักษณ์ทรงห้าเหลี่ยม
ผืนดินทรงห้าเหลี่ยนพลันยกสูงขึ้นจาก แผ่นกระจกทั้งห้าลอยเคว้งตรงเข้ามายังร่างของนาง เกอซีสามารถมองเห็นทุกเหลือบซอกมุมในทุกพื้นผิวภายใต้อาณาจักรกําบังแห่งนี้
น้ําเสียงอันแสนภาคภูมิระคนเสียงหัวเราะแสนร้ายของมังกรทองตัวน้อยพลันดังก้องขึ้น “เมื่อความสามารถในการควบคุมอาณาจักรกําบังได้รับการส่งต่ออย่างสมบูรณ์แบบ อาณาจักรกําบังแห่งนี้ล้วนถึงสภาวะหยุดนิ่งไร้ความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็น เหล่าสัตว์เวท หรือกระทั่งยอดฝีมือทั้งหลายภายใต้ดินแดนแห่งนี้ ล้วนอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง”
“ภายใต้เขตแดนผนึกมังกร จะปรากฏเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้นที่สามารถขยับเคลื่อนไหว ทว่าย่อมเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาอันสั้น ยังมีแม้เจ้าจะมีความสามารถในการควบคุมอาณาจักรกําบังแห่งนี้ ทว่าสิ่งใดที่เจ้ากระทําลงไปล้วนมิอาจหวนกลับ มากสุดที่เจ้าสามารถกระทําได้นั้นคือขับไล่ผู้ที่เจ้าไม่พึงพอใจออกจากอาณาจักรกําบังแห่งนี้ หากทว่ายามนี้ และช่วงเวลานี้ ไม่ว่าเจ้าปรารถนาจะทําสิ่งใด เจ้าพวกนั้นย่อมไม่อาจต่อต้านขัดขืนเจ้าได้อย่างแท้จริง”
ทันทีที่เกอซีได้ยินคํากล่าวนั้น รอยยิ้มประหลาดพลันปรากฏบน ดวงหน้าของนาง
ไม่ผิดจากถ้อยคําของมังกรน้อยเลยแม้เพียงนิด นี่คือช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุดอย่างแท้จริง
ยิ่งโดยเฉพาะในยามนี้ เกอซีพุ่งเป้าไปที่ร่างแข็งค้างของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง และเฟิ่งเหลียนอิ่ง ยามนี้ทั้งคู่อยู่ติดกับธารน้ําพุร้อนในอาณาจักรหิมะน้ําแข็ง ศิษย์หลายคนแห่งสํานักหลิวหลีกําลังตระเตรียมเคลื่อนย้ายต้นไม้ขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อเกอซีคือผู้ได้รับการถ่ายทอดความสามารถในการควบคุมอาณาจักรกําบังแห่งนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่นางจะกระจ่างแจ้งในผืนดินทุกตารางนิ้ว ของวิเศษล้ําค่าทุกชิ้นที่ซุกซ่อนภายใต้ดินแดนลึกลับแห่งนี้
นางย่อมตระหนักได้ว่าลําธารแห่งนี้มีนามว่า สายธาราทิพย์ ส่วนต้นไม้เหล่านั้นคือ พฤกษาธารทิพย์
ไม้ต้นนี้คือหนึ่งในสามต้นไม้สวรรค์แห่งดินแดนหมีหลัว ทุกสองร้อยปี ขดรากของมันจะขับของเหลวอันมีชื่อว่าน้ําเมาทิพย์สวรรค์ และเมื่อน้ําเมาทิพย์สวรรค์ไหลรวมลงประสมกับสายธาราทิพย์ แอ่งน้ําทิพย์ธาราบ่อน้อยจะค่อยๆก่อตัวขึ้นมา
ยามนี้ในแถบทวีปหมีหลัว ตระกูลเฟิ่งล้วนยิ่งใหญ่คับฟ้าราวสุริยันต์ส่องราตรี”สุริยันต์ส่องราตรี หมายถึงรุ่งเรืองถึงขีดสุด
ด้วยความเป็นจริงที่พลังฝีมือของคนกลุ่มนี้มีพรสวรรค์โดดเด่นเหนือผู้คนทั่วไป ทั้งตระกูลเฟิ่งยังมีกลุ่มผู้แปรสภาพธาตุซึ่งล้วนมีความสามารถในการแปรเปลี่ยนสิ่งไร้ค่าให้กลายเป็นสมบัติอันสูงราคาอีกด้วย
เม็ดโอสถที่กลุ่มผู้แปรสภาพธาตุปรุงขึ้นล้วนส่งเสริมให้บุตรหลานตระกูลเฟิ่งสามารถเพิ่มพลังวัตร และฝีมือของตนได้สูงส่งอย่างก้าวกระโดด หากทว่ากลับไร้พิษภัย หรืออันตรายข้างเคียงแม้คนผู้นั้น จะกลืนกินโอสถชุดนั้นติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน
โอสถแต่ละขนานล้วนบริสุทธิ์ มันถูกปรุงกลั่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ เม็ดโอสถทุกขนานบรรจุคุณสมบัติเฉพาะตน ซึ่งช่วยส่งเสริมพลังแต่ละด้านให้ผู้ฝึกยุทธสามารถพัฒนาฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยมถึงขีดสุด
ตํารับโอสถของตระกูลเฟิ่งที่ได้รับการสืบทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ บ่งบอกว่าพฤกษาธารทิพย์ คือสิ่งประกอบโอสถวิเศษที่สามารถเสริมส่งคุณภาพของโอสถที่จะนํามาปรุงเสริมพลังเฉพาะบุคคล เช่นนั้นเฟิ่งอวิ๋นจิ่งจึงหมายมุ่งจะนําพฤกษาต้นนี้กลับไปให้ได้ หากแต่ไม้ต้นนี้อยู่ในตําแหน่งที่ยากยิ่งจะเข้าถึง นั่นคือมันถูกปลูกไว้ ภายใต้อาณาจักรหิมะน้ําแข็งในเขตแดนมังกร
ภาพฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าทําให้เกอชื่อดแย้มยิ้มออกมามิได้ โชคเข้าข้างนางแล้ว ช่วงจังหวะเวลาที่นางได้รับช่วงเป็นผู้ควบคุมเขตแดนมังกรแห่งนี้ช่างเหมาะเจาะเหนืออื่นใด
หาไม่เฟงอวิ่นจึงย่อมสามารถถอดถอนพฤกษาวิเศษต้นนี้ไปได้อย่างง่ายดาย แม้นางจะยังไม่ตระหนักถึงคุณค่าอันสูงส่งของพฤกษาธารทิพย์ หากทว่าการยอมปล่อยให้ศัตรูฉวยคว้าสมบัติวิเศษออกไปได้ย่อมสร้างความขุ่นเคืองใจ
มังกรทองตัวน้อยที่อยู่ข้างกายนางมุมปากกระตุกกก “เสียดายอย่างยิ่งที่การหยุดช่วงเวลา แม้จะนับได้ว่าเป็นสิ่งยอดเยี่ยม หากทว่าย่อมมีกฏข้อบังคับเช่นกัน นั่นคือเจ้าไม่อาจสัมผัสร่างของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายได้ หาไม่ร่างของหญิงชั่วผู้นั้นคงจะถูกฉีกขาดเป็นริ้วราวถูกเสียดแทงด้วยคมกระบี่ และนั่นย่อมมิใช่จุดจบที่เจ้าปรารถนาจะได้เห็นมิใช่หรือ?”
***จบตอน ช่วงเวลายอดเยี่ยมสุดเปรียบปาน***