หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 363 มันคือผู้ใด ?
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 363 มันคือผู้ใด ?
พวกเขาทั้งหมดสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดตลอดทั่วเรือนกาย เสียงหัวใจยังคงเต้นภายในอก เมื่อรับรู้ว่าตนยังคงมีลมหายใจ หลายคนจึงอดร่ําร้องคร่ําครวญออกมามิได้
เพียงซีเจียได้เห็นเกอซี เขากลับยิ่งรู้สึกละอายแก่ใจ บุรุษร่างใหญ่กํายําร่ําไห้ กระทั่งสองตาแดงฉาน “คุณหนู โปรดอภัยให้พวกเราด้วย พวกเราไม่ได้เรื่อง ไม่อาจปกป้องแม่นมเฉิน ไม่อาจปกป้องเซี่ยวหลี”
เมื่อหวนนึกถึงแม่นมเฉินผู้หมดทางเยียวยารักษา ความเศร้าเสียใจพลันฉายวาบผ่านนัยน์ตาของเกอซี
สองหูของนางคล้ายยังได้ยินเสียงบ่นพร่ําที่แฝงความห่วงใยจากใจจริงของแม่นมเฉิน หากทว่ายามนี้นางได้สูญเสียความรู้สึกอันอบอุ่นเช่นนั้นไปตลอดกาล
เกอซีสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ใบหน้าเคลือบไว้ด้วยความทุกข์โศก “พวกเจ้าทําได้ดีแล้ว สิ่งที่ข้าห่วงกังวลมีเพียงเรื่องเดียวคือ พวกเจ้า การที่พวกเจ้ายังมีลมหายใจอยู่ คือการทําหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว”
ทันทีที่เกอซีเอ่ยกล่าวถ้อยคําเหล่านั้นออกไป เหล่าบุรุษร่างใหญ่กํายําพลันอดกลั้นน้ําตาไว้มิได้ พวกเขาปล่อยโฮร่ําไห้น้ําตานองหน้า
คุณหนูคือผู้มอบชีวิตใหม่ที่สมบูรณ์ให้พวกเขา อนุญาตให้พวกเขาฝึกฝนวรยุทธ ทั้งยังฝึกฝนพวกเขาด้วยหนทางที่ง่ายดาย และอบอุ่นกว่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายมากมายนัก
สิ่งที่คุณหนูมอบให้พวกเขาล้วนมากมาย ทว่าพวกเขากลับยังมิเคยตอบแทนสิ่งใด กระทั่งยามนี้เพียงพิทักษ์เรือนเบี้ยหลังน้อย แม่นมเฉิน และเซี่ยวหลี พวกเขากลับยังไม่อาจช่างไร้ค่าน่าตายยิ่งนัก !
หากแต่ไม่เพียงคุณหนูจะไม่กล่าวตําหนิพวกเขา นางยังเพียรพยายามอย่างที่สุด เพื่อฉุดดึงพวกเขาขึ้นจากปากเหวอเวจี ทั้งยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่พวกเขาต้องกระทํา คือการมีชีวิตต่อไป
บุญคุณในครานี้ ความเชื่อใจไว้ใจเช่นนี้ แม้ร่างต้องฉีกขาด กระดูกปนเป็นผุยผง กระทั่งทดแทนคุณตราบลูกสืบหลาน พวกเขาย่อมมิอาจทดแทนได้หมดสิ้น
ครั้นได้เห็นบุรุษกํายําร่างใหญ่ร่ําไห้โฮเช่นนี้ เกอซีจึงอดทอดถอนใจมิได้ “เอาล่ะๆ หยุดร่ําไห้ก่อนเถิด บอกข้าสิว่าผู้ใดกล้าบุกเข้ามาทําร้ายพวกเราถึงที่นี่? แล้วเซี่ยวหลีละอยู่ที่ใด?”
ซีเจี้ยตอบกลับอย่างไม่รอช้า “พวกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกใด พวกมันบอกให้พวกเรามอบตัวซีเยว่ หมอซีผู้อัจฉริยะให้พวกมัน ในตอนนั้นแม่นางเซี่ยวหลีอยู่คอยคุ้มกันแม่นมเฉิน พวกเราก็อยากให้แม่นมเฉินกับเซี่ยวหลีหนีไปก่อน ทว่าฝีมือของพวกเราไม่อาจเทียบกับพวกมันได้”
ซีเจียยังมิทันกล่าวจบ เสียงอ่อนระโหยโรยแรงของจางซานก็แทรกขึ้น “คุณหนู ข้าได้ยินว่าเซี่ยวหลีถูกพวกนั้นจับตัวไป พวกมันยังกล่าวอีกว่าจะทิ้งข้อความไว้ในห้องโถงใหญ่ ให้ท่านนําวิชาประสานชีพจรูปราณไปแลกคนกลับมา”
การที่พวกซีเจี้ยยังคงเหลือชีวิตรอดภายใต้อาการบาดเจ็บแสนสาหัสเช่นนี้ เป็นเพราะเกอซีได้มอบโอสถเสริมพลังวิญญาณให้ทุกคนได้กลืนกินสร้างเสริมความแข็งแกร่งมาโดยตลอด เช่นนั้นในยามนี้ นางจึงสามารถรักษาชีวิตของพวกเขาไว้ได้
ทุกคนภายในเรือนเบี้ยล้วนตายสิ้น คงเหลือเพียงจางซานที่สามารถรักษาชีวิตตนไว้ได้
จางซานผู้นี้แต่เดิมเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เช่นนั้นเมื่อเรือนเบี้ยถูกโจมตี เขาจึงคว้าซากศพขึ้นมาบังกายแสร้งทํากลืนไปกับซากศพ คงมีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ที่จะสามารถเลี่ยงหลบฝ่ามืออํามหิตพวกนั้นได้ไม่แต่เพียงนั้น เขายังได้ยินบทสนทนาของคนกลุ่มนั้นอย่างชัดเจนอีกด้วย
จางซานหยุดชะงัก เสียงไอดังขึ้นสองคราบนดวงหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกล่าวต่อไป “คุณหนู ไม่ว่าอย่างไร ท่านจะต้องไม่ไปที่นั่น ข้าได้ยินพวกมันคุยกันว่ามันเตรียมวางกับดักรอท่าน พวกมันแค่เพียงกําลังรอท่านเข้าไปหา ยังมี…”
“ในกลุ่มพวกมัน ยังมีผู้ที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก เมื่อครู่…เมื่อครู่คล้ายข้าพอจะนึกได้ว่ามันคือผู้ใด”
เกอซีกดน้ําเสียงให้ต่ําลง “มันคือผู้ใด ?”
นางกระหายอยากรู้ยิ่งนักว่าผู้ใดกัน ที่เบื่อจะมีชีวิตจึงพาตนเข้ามาถึงปากประตูเมืองผี
จางซานไอโขลกอีกสองครา แววตากลับพลันเปลี่ยนเป็นมั่นคงในบัดดล “เป็นคนของโรงโอสถจีเชิง ใช่แล้ว เป็นคนของจีเชิง โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผู้นั้น ข้านึกได้แล้ว มันคือหลานของผู้ดูแลจิ้นแห่งโรงโอสถจีเชิง”