หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 366 กรงวิหค
หัตถ์เทวะธิดาพญายม
ตอนที่ 366 กรงวิหค
เพียงไม่นาน เถาวัลย์ม่วงในร่างของเกอซีพลันปลดปล่อยตนเองเลื้อยออก ทั้งยังแตกเถาอย่างรวดเร็ว มันเลื้อยพันปกคลุมตลอดทั่วรอยแตกแยกบนแผ่นผนัง ระหว่างซอกบานหน้าต่างและประตู กระทั่งปกคลุมตลอดโดยรอบทั่วโรงโอสถจีเชิง
ภายใต้ความมืดที่ปกคลุม ย่อมไม่มีผู้ใดแลเห็นว่ายามนี้ ตลอดทั้งด้านในและด้านนอกของโรงโอสถจีเชิงล้วนถูกปกคลุมไว้อย่างแน่นหนาด้วยเถาของเถาวัลย์ม่วง
เส้นสายเถาวัลย์ม่วงกลับกลายเป็นปราการงดงามแปลกตาที่แยกโรงโอสถจีเชิงออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่หลงเหลืออยู่ภายในโรงโอสถกลับกลายเป็นวิหคที่ถูกกักบริเวณเพียงในกรง มิมีผู้ใดสามารถเล็ดรอด ทั้งมิมีผู้ใดสามารถปลดปล่อยเสียงให้หลุดรอดออกไปภายนอกเช่นกัน
ท่ามกลางรัตติกาลที่สายลมกรรโชกแรง ภายใต้ความมืดมิดไร้จันทร์ฉาย คือช่วงเวลาล่าสังหารเค้นเอาความที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เกอซีปล่อยเถาวัลย์ม่วงอเวจีออกบีบรัดร่างของจิ๋นฮาย มันส่งเสียงไอออกมาอย่างรุนแรง ทั้งยังส่งเสียงโหยหวนคร่ําครวญน่าอนาถราวสุกรถูกเชือด
เนื่องเพราะม่านอาคมที่เถาวัลย์ม่วงอเวจีร่ายสะกดไว้ ผู้คนภายนอกล้วนมิอาจได้ยินสุ่มเสียงใดภายในโรงโอสถจีเชิง หากแต่ย่อมเป็นธรรมดาที่คนภายในโรงโอสถจะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
เช่นนั้น จิ๋นฟู ผู้ดูแลโรงโอสถย่อมได้ยินเสียงแผดร้องอย่างชัดเจน มันรีบหุนหันลุกขึ้นทั้งที่ยังแต่งกายไม่เรียบร้อย
ขณะสองขารีบซอยถี่ ปากของมันยังพร่ําบ่น “ไอ้บ้าที่ไหนเบื่อจะหายใจ ! กล้ามาเหยียบหนวดเสือถึงโรงโอสถจีเชิง รู้หรือ ไม่ว่านี่คือถิ่นผู้ใด? !!”
จิ๋นฮ่ายผู้ร้องโหยหวนราวสัมภเวสีขอส่วนบุญประสมสุนัขหอนครางน่าสังเวช รีบพรวดพราดเข้ามาหาผู้ดูแลจิ๋นทันทีที่ได้พบหน้า มันยกท่อนแขนทั้งสองที่ถูกบันข้อมือทิ้ง พร้อมโวยวายเสียงสนั่น “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย !
ท่านต้องล้างแค้นให้ข้าด้วย! มือของข้า…มือของข้าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นฝีมือเจ้าหนุ่มหน้าเหม็นผู้นั้น มัน…มันสะบัดแขนคราเดียว ฝ่ามือของข้าก็ขาดออกจากกัน ฮือฮือฮือ…ท่านพ่อท่านต้องล้างแค้นให้ข้าด้วย ฮือฮือฮือ!!”
เพียงได้เห็นท่อนแขนของจีนฮ่ายถูกตัดขาด กระทั่งกระดูกขาวโพลนด้านในโผล่ยื่นจากชิ้นเนื้อแดงสด สองตาของมันพลันคล้ายจะเลือนลางร่างของมันซวนเซถลา
ความเดือดดาลพลันปะทุขึ้นในทันที “ผู้ใดกัน? ที่สุดแล้ว มันผู้ใดที่กล้าทําร้ายบุตรชายของข้า ข้าจะฉีกร่างมันออกเป็นหมื่นๆชิ้น”
จิ๋นฮ่ายคือบุตรชายแท้ๆของมัน แม้พลังฝีมือของจีนฮ่ายจะธรรมดาสามัญหาได้มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนพลังยุทธไม่ ทว่ามันผู้นี้กลับมีพรสวรรค์ด้านวิชาแพทย์ที่น่าจับตามอง
ครั้งที่ท่านหมอเซียกําลังอารมณ์ดี เคยให้คํามั่นจะถ่ายทอดวิชาการแพทย์ให้แก่จิ๋นฮ่ายผู้นี้
เดิมที่ผู้ดูแลจีนล้วนหาได้ใส่ใจบุตรชายผู้นี้ไม่ หากทว่าถ้อยคําของท่านหมอเซียกลับทําให้มันเริ่มมีความหวัง
หากบุตรชายของมันสามารถรับการถ่ายทอดความรู้จากท่านหมอเซียได้จริง บุตรชายของมันย่อมสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นแพทย์ผู้สูงส่ง เมื่อถึงยามนั้น ตระกูลจิ๋นจะต้องเกรงไปไยว่าจะไม่ถึงความสําเร็จสูงส่งในชีวิต?
หากทว่าฝันหวานได้แค่เพียงชั่วพริบตา ฝ่ามือทั้งสองของบุตรชายกลับถูกตัดขาดสะบั้น ผู้ฝึกยุทธฝีมือต่ําต้อยที่ไร้สิ้นท่อนแขนจะหลงเหลือประโยชน์อันใดอีกเล่า?
จะร่ําเรียนวิชาแพทย์ได้เยี่ยงไร? จะศึกษาอาคมด้วยหนทางไหน? ล้วนหมดสิ้นหนทางอย่างแท้จริง! ยามนี้บุตรชายเพียงผู้เดียวของ เขากลับกลายเป็นเศษสวะที่ไร้ค่าไปเสียแล้ว!
ยิ่งคิด ผู้ดูแลจิ๋นก็ยิ่งแค้นเคือง ขณะที่จิ๋นฮ่ายเจ็บทั้งกายทรมานทั้งใจ มันยกท่อนแขนชี้ไปยังตําแหน่งที่เกอซีหยุดยืน พลางส่งเสียงตวาดลั่น “ท่านพ่อ เป็นมันผู้นั้น! จู่ๆมันก็บุกเข้ามาในร้าน เพียงข้าสอบถามให้รู้ความ มันกลับลงมือปั่นสองแขนของข้า… ฮือฮือฮือ…ท่านพ่อ ท่านต้องล้างแค้นให้ข้า ท่านต้องนั่นแขนขาไอ้เดรัจฉานนั่นให้ลงไปหมอบคลานกับพื้นให้ข้า !”
ผู้ดูแลจิ๋นหันมาหาเกอซี ผู้ยามนี้กําลังนั่งอย่างสง่างามบนเก้าอื้นายใหญ่ หากทว่าเพียงมันได้แลเห็นผู้ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเต็มตา มันกลับสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดกลัว
เปลวไฟจากแสงเทียนเพียงบางเบา สะท้อนดวงหน้าที่ขาวละเอียดงดงามดุจกระเบื้องเคลือบ ปรายตามองแค่เพียงครั้งย่อมสามารถรับรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มคือหนุ่มน้อยผู้มีรูปร่างบอบบางอ่อนแอผู้มิควรแตะต้อง ยังอีกดวงหน้าที่หล่อเหลาบริสุทธิ์งดงามนั้นอีกเล่า
หากแต่นัยน์ตาทั้งคู่ของเด็กหนุ่มผู้นั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเย็นชาราวแท่งน้ําแข็งที่ล้ําลึก เพียงจ้องประสานดวงตาคู่นั้นกลับสามารถทําให้ผู้คนต้องขนพองสยองเกล้า ราวถูกสาบส่งลงไปในนรกโลกันตร์ขุมที่สิบแปด ภายใต้ความเย็นยะเยียบที่เหน็บหนาวล้วนทําให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่รู้ตัว
***จบตอน กรงวิหค***