หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 368 สังหารหมู่
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 368 สังหารหมู่
รอยยิ้มแห่งความละโมบปรากฏบนดวงหน้าผู้ดูแลจิ้นในทันที ขอเพียงสามารถจับเจ้าหนุ่มผู้นี้ไว้ในโรงโอสถได้ มีหรือคนเยี่ยงท่านหมอเซียจะไม่เข้าใจสถานการณ์ ? เมื่อถึงตอนนั้น มันหมายไขว่คว้าสิ่งใดล้วนง่ายดายราวพลิกฝ่ามือมิใช่หรือ ?
คิดได้เช่นนั้น ผู้ดูแลจิ้นพลันประกาศเสียงก้อง “อย่าให้มันตาย จับเป็นมันมาให้ข้า !”
เมื่อนั่นคือคําสั่งจากผู้ดูแลจิ้น มีหรือที่จิ้นฮ่ายจะกล้าทัดทาน ยามนี้แม้โลหิตที่พรั่งพรูจากฝ่ามือของมันจะหยุดสนิทไปแล้ว ทว่าความเจ็บปวดทรมานทั้งกายใจยังคงท่วมท้น ความรู้สึกในยามนี้ของมันมีเพียงความเคียดแค้น
การที่ท่อนแขนของมันขาดสะบั้นย่อมหมายถึงการไร้สิ้นความหวังในอนาคตเบื้องหน้า มันจะยอมปล่อยเกอซีไปได้อย่างไร “ท่านพ่อ ท่านบอกว่าจะช่วยล้างแค้นให้ข้ามิใช่หรือ ? จะปล่อยเจ้าสารเลวผู้นี้ไปได้อย่างไรกันท่านพ่อ !”
หากทว่าผู้ดูแลจิ้นกลับหาได้ใส่ใจคํากล่าวของบุตรชายไม่ มันหันไปยกยิ้มชั่วร้ายกับหัวหน้าอารักขา “อาเฟิง ข้าเพียงต้องการให้มันเหลือรอดชีวิต หากทว่าจะแขนหรือขาหลุด หักหรือขาดไป ล้วนหาใช้สิ่งที่ข้าพะวงไม่ จะลงมืออย่างไรก็ระวังด้วย !”
บุรุษผู้ถูกเรียกว่าอาเฟิง คือผู้ที่จางซานกล่าวถึง มันคือจิ้นเฟิง หลานชายของผู้ดูแลจิ้น
เดิมที่สายสัมพันธ์ระหว่างสิ้นเพิ่งกับผู้ดูแลจิ้นห่างไกลกันคนละโยชน์ ทว่าเมื่อพลังฝีมือของชิ้นเพิ่งนับได้ว่าเก่งกาจ เพียงแค่อายุ 40 ปี มันก็สามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นที่ 3 พลิกผันอเวจี ทั้งไม่ว่าจะมอบหมายภารกิจใดให้ มันล้วนกระทําได้อย่างสมบูรณ์น่าพอใจ เช่นนั้นผู้ดูแลจิ๋นจึงหันกลับมาให้ความสําคัญกับมัน กระทั่งท่านหมอเซียเองก็ยังชื่นชมในตัวมันเช่นกัน
ครานี้ที่พวกมันบุกทลายเรือนเบี้ยแห่งเทือกเขาฉาง มีเพียงจิ้นเฟืงกับลูกสมุนไม่กี่คน ไม่จําเป็นต้องถึงมืออารักขาประจําโรงโอสถเสียด้วยซ้ํา
ครั้นได้ยินคําสั่งการของผู้ดูแลจิ้น ชิ้นเพิ่งรีบหันกลับส่งเสียงตอบรับผู้เป็นนาย “ ขอท่านโปรดคลายใจ ข้าจะเล่นแมวหยอกหนูกับท่านหมอเทวะน้อยอย่างทะนุถนอม ไหนเลยจะกระทําเยี่ยงเจ้าพวกสวะในเรือนเบี้ยพวกนั้นได้เล่า? หากมันขาดใจตาย ท่านหมอเซียคงไม่เห็นหัวข้าเป็นแน่”
มุมปากทั้งสองของเกอซีค่อยๆขยับยกขึ้นทีละน้อย เมื่อได้ฟังบทสนทนาโต้ตอบของนายบ่าวคู่นี้ “เห็นที่ข้าคงไม่ต้องไต่ถามสาวความอันใด พวกเจ้ามีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน”
“รู้เห็นอะไร? ” จิ้นเพิ่งยกมือขึ้นถูปลายคางหัวเราะหึหึ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน “ก็แค่ไอ้พวกสวะกลุ่มหนึ่งที่มีฝีมือเพียงพลังยุทธขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม ทว่ากลับกล้าลุกขึ้นเหิมเกริมกับพวกเรา หีหีหี น่าสมเพช ต่อให้พวกมันรุมเข้ามาพร้อมกันในคราเดียว ย่อมไม่อาจพ้นเงื้อมมือพวกเราไปได้ !”
ขณะกล่าวมันยังส่งสายตาเยาะหยันขบขันให้ลูกสมุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เฮ้ย ! ไอ้หนู แกยังจําสีหน้าท่าทางทุรนทุรายเฮือกสุดท้ายของพวกมันได้หรือไม่ ? ใบหน้าที่สิ้นหวังด้วยอับจนหนทางของพวกมันช่างน่าประทับใจมิรู้ลืม
ยอมตายดีกว่าต้องยอมจํานน มันช่างถูกใจข้ายิ่งนัก ได้เห็นพวกมันหมดสิ้นความหวังก่อนจะกลายเป็นความเคียดแค้น กระทั่งถึงความสิ้นหวังในที่สุด สีหน้าท่าทางของพวกมันล้วนน่าตื่นเต้นพอใจยิ่งกว่าการย่ํายีสาวน้อยวัยสะคราญเป็นไหนๆ
ลูกสมุนผู้ถูกเรียกว่าไอ้หนูตอบพลางหัวร่อไปพลาง “จะให้ข้าลืมได้อย่างไรเล่า ? ยิ่งโดยเฉพาะเจ้าคนร่างใหญ่ผิวคล้ํานั่น ลูกพี่ ท่านยังจําใบหน้าของมันยามได้เห็นอีแก่นั่นสิ้นใจได้หรือไม่ ? ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยิ่งคิดก็ยิ่งคึก ข้านั่นแขนขามันไปแล้ว ทว่ามันยังพยามยามกระเสือกกระสนไถร่างไปกับพื้น นั่นมันหนอนชัดๆ น่าขันที่สุด มันทําให้ข้าเจริญอาหารถึงเพียงนี้จะให้ข้าตัดใจเร่งสังหารมันได้อย่างไรเล่า !”
คํากล่าวของเจ้าหนูผู้นั้นพลันทําให้จิ้นเพิ่งกับลูกสมุนที่เหลือระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
เบื้องหน้าเกอซี พวกมันกลับพากันพูดคุยอย่างสนุกสนานถึงความเมามันในการเข่นฆ่าสังหารผู้คนในเรือนเบี้ย
พวกมันบางคนยังกล่าวอีกว่า “ข้าคว้านไส้พวกมันออกมารัดคอมัน ให้พวกมันดิ้นทุรนทุรายกับไส้ตัวมันเอง โฮ่ ! มันช่างสนุก เสียจริง !”
***จบตอน สังหารหมู่***