หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 369 ยาชูกําลังขนานเอก
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 369 ยาชูกําลังขนานเอก
ยังมีพวกมันบางคนเสริมอีกว่า “เสียดาย เรือนเบี้ยมีเพียงพวกตาแก่หน้าเหม็น ส่วนพวกสาว ๆ ล้วนมีเพียงหญิงรับใช้ต่ําทรามไม่กี่คน พวกมันเล่นได้เพียงไม่กี่คราก็กําจัดทิ้งเสีย หากมีสาวใช้เนื้อนุ่มผิวละเอียดให้ได้สนุกล้วนย่อมน่าพอใจไม่น้อย”
จิ๋นเฟิ่งเดาะลิ้นไปพลางถอนใจไปพลาง ขณะส่งสายตากวาดมองเกอซี “หมอน้อยอัจฉริยะผู้นี้ท่าทางไม่เลว ผิวพรรณเนียนนุ่มน่าสัมผัส ทั้งยังมีรูปงามดั่งโฉมสะคราญล่มเมือง หากจะเทียบกับหญิงงามที่สุดในหอนางโลมที่พวกเจ้าไปหย่อนใจ ย่อมกล่าวได้ว่ามันจิ้มลิ้มน่ารักกว่านางพวกนั้นนักหนา”
“รอเมื่อท่านหมอเซียได้วิชาแพทย์ที่ต้องการจากมันผู้นี้เสียก่อน เราค่อยขอมันมาเล่นให้หนําใจ เป็นอย่างไร พวกเจ้าว่าดีหรือไม่ ? เช่นนั้นในวันนี้ที่พวกเราสามารถจับมันไว้ได้ ย่อมถือเป็นความสําเร็จในสิ่งที่ประสงค์แล้ว”
ทุกคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอีกครา ไม่เว้นกระทั่งเหล่าอารักขาแห่งโรงโอสถยังอดหัวเราะตามไปด้วยมิได้ ยิ่งเห็นเกอซี พวกมันกลับยิ่งนึกขัน ยิ่งอยากจะจับกุมไว้ให้มั่น
หากทว่าเกอซีเพียงหัวเราะออกมาเบา ๆ อาการแห่งความเยาะหยันไม่ปรากฏ ที่ปรากฏกลับกลายเป็นรอยยิ้มกระชากใจ ราวนางมารร้ายที่ยั่วอารมณ์
นางกล่าวด้วยน้ําเสียงเนิบช้า นุ่มนวล “ดี ดีมาก !”
จิ๋นเฟิ่งพลันตกอยู่ในภวังค์ใจลอยไปชั่วครู่ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของนาง สิ่งที่ติดตามมากับน้ําเสียงเฉยชาที่มอบความอ่อนหวานราวไยไหม นุ่มนวลดั่งขนนกไล้ผ่านซอกหัวใจ เร่งเร้าความรู้สึกให้เขาอยากกระทําบางสิ่งที่ไม่กล้าลงมือในตอนนี้
ทว่าเมื่อสมองเริ่มทํางาน มันพลันนึกทบทวนคํากล่าวที่ว่า “ดี” นั้นหมายถึงสิ่งใด ฉับพลันเถาวัลย์สีม่วงที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดพลันพุ่งโจมตีเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว มันตรงเข้ารัดรอบแผงอก ปลายเถาวัลย์นุ่มทิ่มแทงลงระหว่างช่องอก หัวใจที่ยังเต้นตุ้บ ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาของมัน
สองตาของจิ๋นเฟิ่งเบิกโพลงราวได้เห็นภูตผี เมื่อเถาวัลย์สีม่วงสายสะบัดหัวใจที่ยังคงเต้นไม่หยุดอยู่ตรงหน้า
เถาวัลย์ม่วงคล้ายกําลังสนุกสนานอย่างเต็มที่ มันโบกสะบัดไปมาอยู่ชั่วครู่ ทว่าฉับพลัน รากเถาวัลย์นับสิบพลันถูกปลดปล่อยออก ติดตามมาด้วยเสียงดัง ฉั่ว ฉึก โฉ่ะ นับครั้งไม่ถ้วน รากเถาวัลย์ทั้งมวลปักฝังลงบนร่างของจิ๋นเฟิ่งผู้นั้น
มันระเบิดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างเหลือแสน ความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้าสู่ทุกอณูบนร่างทั่วกายของมันปรากฏ เถาวัลย์สีม่วงจํานวนนับไม่ถ้วนสอดแทรกทะลุทะลวง หากทว่ากลับไม่ปรากฏหยาดโลหิตแม้เพียงหยดติดตามออกมา
ยังมีที่น่าขนพองสยองเกล้ายิ่งกว่านั้น คือโลหิตทั่วร่างของมันล้วนถูกสูบกลืนหายทีละน้อย
ไม่ ! ไม่ ! โลหิตทั่วร่างของมันกําลังถูกดูดออก ! เป็นรากเถาวัลย์พวกนี้กําลังสูบกินโลหิตของมัน
“อ๊ากกกกก ช่วย…ช่วยข้าด้วย !”
จิ๋นเฟิ่งแหกปากร้องตะโกน หากทว่าด้วยสภาพร่างกายที่ย่ําแย่ ส่งผลให้เส้นเสียงแหบแห้ง กระทั่งไม่มีผู้ใดได้ยินสิ่งที่มันร่ําร้องได้อย่างชัดเจน ยังอีกทั้งหัวใจที่ถูกควักแสดงไว้เบื้องหน้ายังคงถูกตวัดกวัดแกว่งไปมา
เถาวัลย์ม่วงอเวจีม้วนปลายขดรัดหัวใจก้อนนั้น เพียงเสียงดัง “ปัง” หัวใจที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าจิ๋นเฟิ่งพลันระเบิดกระจาย หากทว่าทุกเศษชิ้นเนื้อโลหิตล้วนถูกเถาวัลญ์สีม่วงสูบกลืนหายไปสิ้น
ความเย็นยะเยือกพลันแผ่ซ่านตลอดทั่วกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของลิ้นเพิ่ง ทั่วร่างของมันเย็นเฉียบเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส
มันก้มมองผิวหนังที่กลับกลายเหี่ยวย่นแก่ชราอย่างสิ้นหวัง กระทั่งสิ่งที่หลงเหลือมีเพียงผิวห่อหุ้มกระดูก
“ตุ้บ” เสียงนั้นดังลั่นชัดเจน เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีเขวี่ยงร่างที่ถูกสูบกินกระทั่งแห้งเที่ยวของจิ้นเพิ่งใส่พื้น มันสะบัดร่างบิดกายกลับไปหาเกอซี กิ่งใบบนเถาวัลย์ล้วนขยับเคลื่อนไหวส่งเสียงดังกรอบแกรบ
และนั่นคือการแสดงออกถึงความสุขสดชื่นเบิกบากอย่างเหลือ แสนของเถาวัลย์ม่วงอเวจี
หากจะเทียบกับการสูบกลืนพลังจิตวิญญาณดูดดื่มวอาคมแล้ว สิ่งที่มันชื่นชอบอย่างที่สุด ก็คือการสูบกินโลหิตมนุษย์ ยิ่งโดยเฉพาะกับผู้ฝึกยุทธที่โลหิตเอิบอาบด้วยพลังปราณอันหนาแน่น ย่อมคือยาชูกําลังขนานเอกของมันโดยแท้
เสียดายเพียงก่อนหน้า เกอซีไม่อนุญาตให้มันเที่ยวออกหาโลหิต สูบกินกับทั้งภายในมิติเวทของเกอซีล้วนเต็มเปี่ยมด้วยขุมพลัง เช่นนั้นมันจึงไม่ใคร่รู้สึกหิวเท่าใดนัก และด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ได้ลิ้มรสโลหิตของเหล่ายอดฝีมือมานานพอควรแล้ว
หากทว่าวันนี้ เมื่อนายท่านออกคําสั่ง มันย่อมสามารถเล่นสนุก และสูบกินทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนาขอเพียงมันผู้นั้น คือผู้อยู่ในอาคารหลังนี้ การได้สบกินโลหิตมนุษย์ กลืนกินกระทั่งหัวใจของมัน ช่างเป็นความรู้สึกแสนวิเศษเกินประมาณ
***จบตอน ยาชูกําลังขนานเอก***