หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 370 สัตว์ประหลาดที่น่าสยดสยอง
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 370 สัตว์ประหลาดที่น่าสยดสยอง
ในห้องนี้ล้วนมากมายด้วยยอดอาหารสุดโอชะ ยิ่งคิดเถาวัลย์วงอเวจียิ่งรู้สึกอิ่มเอมเปรมปรีด์
อา ! นายท่านช่างแสนดีเสียเหลือเกิน
เพียงพริบตา ผู้ที่ยืนพ่นน้ําลายอยู่เมื่อครู่พลันกลับกลายเป็นซากมัมมี่ที่ไร้ลมหายใจ บรรยากาศครึกครื้นเฮฮาพลันกลับกลายเงียบกริบ
กลุ่มผู้ทําหน้าที่อารักขาต่างมีสีหน้าแตกตื่นหวาดกลัว
ส่วนไอ้หนูผู้ยืนใกล้ชิ้นเพิ่งที่สุดพลันเพิ่งรู้สึกตัว มันแผดเสียงร้องสุดตัว “ลูกพี- !”
ไอ้หนูตรงเข้าหาร่างของคนผู้นั้น ทว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ปรากฎเบื้องหน้าสายตาของมันกลับกลายเป็นซากมัมมี่ที่มีสีหน้าตื่นผวาสุดชีวิต ผิวหนังทั่วร่างเหี่ยวย่นห่อตัวเข้าหากัน นอกไปเสียจากแผ่นหนัง และกระดูกล้วนไม่ปรากฏโลหิตแม้เพียงหยดในร่างนั้น สองตาที่ปูดโปนในเบ้าตาแบกพาความหวาดกลัวอย่างเกินจะกล่าวติดตามมา
ไอ้หนูตะลึงค้างตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้เห็น มันลุกพรวดแหกปากร้องตวาดเกอซี “ไอ้สารเลว เจ้าสังหารลูกพี่ของข้า ข้าจะให้เจ้าได้ ชดใช้คืนด้วยชีวิต !!”
กล่าวจบ มันรีบชักกระบี่เหินเวหาทั้งยังหันไปคํารามใส่กลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ทุกคนรุมมันเลย แม้เถาวัลย์ม่วงนี้จะร้ายกาจ ทว่า ผู้ที่ควบคุมมันมีเพียงหนึ่ง เช่นนั้นแล้วหากพวกเราร่วมมือกันย่อมโค่นล้มมันล้างแค้นให้ลูกพี่ได้ !”
ทันทีที่ทุกคนถูกปลุกขึ้นจากความตื่นผวา พวกมันต่างรู้สึกว่าคํากล่าวของไอ้หนูล้วนถูกต้อง
แม้เจ้าหนุ่มผู้นี้จะมีฝีมือร้ายกาจ ทว่ามันเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ แม้อาวุธเวทของมันจะแข็งแกร่งแล้วอย่างไร ? อย่าบอกนะว่ามันสามารถต้านทานการรุมโจมตีจากทุกสารทิศได้ ? เพราะหากมันคิดใช้พลังวัตรในกาย ที่สุดย่อมถึงคราวสูญสิ้น
คิดได้เช่นนั้น พวกมันทุกคนต่างรีบชักกระบี่เหินเวหาพร้อมเข้าโจมตีเกอซี
เพียงครู่ กระบี่เหินเวหาทุกประเภทพุ่งเสียบเข้าใส่เกอซี เสียงร้องคํารามดังประสาน ผืนธรณีสั่นสะท้านด้วยแรงพลังที่พวกมันควบกลั่น กระทั่งโรงโอสถจีเชิงสั่นสะเทือนทั้งอาคาร
ทุกเสียงรวมประสานเป็นหนึ่ง ครื่น ๆ
ตําแหน่งที่เกอซีหยุดยืนเมื่อครู ราวถูกแรงอัดกระแทกทุบใส่ปรากฏเป็นหลุมโพลงขนาดใหญ่ ควันคลุ้งหมุนตลบทั่วปากหลุมเศษฝุ่นกระจัดกระจายปลิวว่อน เสียงฟ้าร้อง สายฟ้าแลบ ท้องฟ้าคํารามกระหึ่ม ราวผืนนภาจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยง
ไอ้หนูผู้นั้นหัวเราะร่า “การโจมตีในครานี้ หากเจ้าสามารถเลี่ยงหลบได้ ท่านปูผู้นี้จะ…”
คํากล่าวล่วงผ่านเพียงครึ่งประโยค หุ้มเสียงของมันพลันหยุดชะงัก ใบหน้าของมันแสดงออกถึงอาการแตกตื่นเหลือเชื่อ
น้ําเสียงเบาบางเฉื่อยเนือยของหนุ่มน้อยผู้นั้นสัมผัสโสตประสาทของมันอย่างแผ่วเบา หากทว่ากลับดูคล้ายเสียงพร่ําเพรียกจากขุมนนรก “หลบได้ เจ้าจะ…”
“หึหึหึ เจ้าจะได้ตายอย่างหฤโหด !”
เพียงสิ้นเสียง ทั้งร่างของไอ้หนูพลันแข็งที่อ เหลือเชื่อ มันไม่อาจก้าวขาขยับได้แม้เพียงก้าว
เหล่าอารักขาแห่งโรงโอสถทั้งหลายล้วนประสบชะตากรรมเดียวกัน ทั่วร่างพวกมันประหนึ่งถูกสาปด้วยมนตร์น้ําแข็ง ไม่อาจขยับเคลื่อนกายแม้เพียงนิ้ว
ใบหน้าของพวกมันต่างแสดงความแตกตื่นตกใจ สายตาที่พวกมันจ้องมองเกอซี ประหนึ่งกําลังเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่น่าขนพองสยองเกล้า
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าพวกมันเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นต้นปฐมภูมิโลกันตร์ ทว่าเหตุใดพวกมันกลับไม่อาจขยับเคลื่อนไหว ? อย่าบอกนะว่ายามนี้พวกมันกําลังประจันหน้ากับภูตผี ?
ทว่าหากพวกมันหันแลมองกันและกันย่อมสามารถค้นพบว่า ด้านหลังกระโหลกศีรษะของพวกมันต่างถูกปักไว้ด้วยแท่งเข็มเงินที่เล็กบาง
แทงเข็มเงินเหล่านั้นล้วนอุดมด้วยพลังเวทอันเปี่ยมล้น กระทั่งสามารถหยุดการโคจรเคลื่อนของขุมพลังในจุดตันเถียน ทั้งสกัดกั้นการไหลเวียนของโลหิตทั่วร่างเป็นเหตุให้พวกมันไม่อาจเคลื่อนไหว ทั้งไม่อาจรวบรวมพลังปราณภายใน
เถาวัลย์ม่วงอเวจีเลื้อยขดขึ้นรอบท่อนแขนของเกอซี เรียวนิ้วขาวละเอียดเนียนของนางลูบไล้ไปตามเส้นสายเถาวัลย์ นางส่งยิ้มบางให้เหล่ายอดฝีมือผู้ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวในยามนี้ “ข้าไม่นิยมผลงานที่เก็บกวาดได้ไม่เรียบร้อย เดิมที ที่ข้ามานี้ เป็นเพียง ต้องการจัดการพวกเจ้าให้เรียบร้อยรวดเร็ว ทว่าเห็นได้ชัดว่าพวก เจ้ากลับไม่ยอมมอบโอกาสนั้นให้ข้า”
“เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าชื่นชมกับการได้ทรมานข่มเหงผู้คน เช่นนั้นเมื่อถึงคราวของพวกเจ้า ข้าย่อมต้องยอมปล่อยให้พวกเจ้าได้อิ่มเอมกับการลงทัณฑ์ที่พวกเจ้าตื่นกระหาย