หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 375 เรือนร้างผีดิบ
ตอนที่ 375 เรือนร้างผีดิบ
ทันทีที่ผละจากโรงโอสถจีเชิง เกอซีมุ่งตรงสู่ เรือนทางด้านเขตชานเมืองฝั่งตะวันออกแห่งเมืองเหยียนจิงโดยไม่หยุดฝีเท้า
ในเขตเมืองเหยียนจึงล้วนไม่อาจเหาะเหินด้วยกระบี่ เช่นนั้นเกอซีจึงจําต้องใช้วิชาตัวเบาแทน ในยามซวีเกอซี่สามารถแลเห็นเขตชานเมืองซึ่ง ห่างออกไปทางตอนเหนือไกลถึงสาม
*ยามซวีคือช่วงเวลาระหว่าง 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม
ณ ที่นั้นคือเนินเขาน้อยไร้ชื่อ เส้นทางเดินรถม้า จากตัวเมืองทอดยาวนําทางไปยังเทือกเขาฝั่งตะวันออกแห่งนั้น หากแต่เนื่องเพราะนี่คือยามดึกที่เงียบสงัดจึงไร้ผู้คนเดินทางสัญจรบนท้องถนน
ฝั่งตะวันตกของเนินเขาแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีสภาพทรุดโทรมสีหม่น
ท่ามกลางราตรีมืดมิด ไกลห่างออกไปนั้น อาจสามารถแลเห็นเศษกระดาษสีเหลืองซึ่งสะบัดปลิวตามแรงลมที่ถูกแปะติดไว้กับบานประตู
บนประตูบานนั้นไร้การตบแต่งไร้ลวดลายสลัก กระทั้งชายคาด้านบนยังยุบบุบเป็นร่องประมาณเท่ากําปั้นขนาดใหญ่
ตัวเรือนทั้งหมดคล้ายสามารถกลืนประสานรวม เป็นหนึ่งกับห้วงรัตติกาล เพียงแรกเห็นก็สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกเหน็บหนาวหวาดกลัว
หากคนธรรมดาสามัญเดินไปตามเส้นทางบนถนนสายนี้ แล้วประสบพบเจอเรือนหลังนี้ พวกมันทั้งหลายล้วนต้องเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้คือเรือนร้างผีดิบ ย่อมไม่มีผู้ใดอยากย่างกรายล่วงเข้าสู่ด้านใน
อาภรณ์สีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ของเกอซีถูกผลัดเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีดําสนิท
นางหาได้ใช้กําลังภายในไม่ คงอาศัยเพียงวิชาตัวเบา เหาะเหินกระโดดข้ามแนวกําแพงอย่างต่อเนื่อง ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวได้สุ่มเสียง กระทั่งหมู่ค้างคาวที่ห้อยตัวตามชายคาเรือนน้อยใหญ่ยังไม่ถูกรบกวนจากการเคลื่อนผ่านของนาง
เกอซีมาถึงเรือนรกร้างราวผีสิงอย่างรวดเร็ว ด้วยการนําทางจากแผนที่ซึ่งนางได้รับมาจากผู้ดูแลจีน
ทั้งหญิงสาวยังรับรู้ได้ว่าภายในเรือนผีสิงหลังนี้ ล้วนมียอดฝีมือซุกซ่อนตัวอยู่มากมาย
ที่มีพลังฝีมือขั้นต่ําสุดในหมู่พวกมันล้วนบรรลุถึงระดับสูงสุดของพลังปราณขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ ยามนี้พวกมันทุกคนกําลังอําพรางลมหายใจ ปกปิดซ่อนกายอยู่ในตัวเรือนหลัก คล้ายพวกมันกําลังอดกทนรั้งรอบางสิ่ง
สิ่งที่ทําให้เกอซีรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งนั้น คือเรือนหลังนี้มีขอบเขตปกปิดมิดชิดแน่นหนา เพื่อตัดขาดสถานที่แห่งนี้จากผู้คนทั้งหลาย
สวนหย่อมด้านหน้าแลดูลึกลับน่าขนพองสยองเกล้า ยอดฝีมือทั้งหลายแอบซุกซ่อนตัวตาม ตําแหน่งลับต่าง ๆ พวกมันไม่ปริปากไม่เคลื่อนไหว ขณะสวนหย่อมด้านหลังเต็มไปด้วยเวรยามผู้มีฝีมือสูงส่ง ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะต่อบทสนทนากันอย่างอึกทึกคึกคัก
แผนที่ซึ่งผู้ดูแลจิ๋นมอบให้นางบ่งบอกชัดว่า ตําแหน่งฐานใต้ดินซ่อนอยู่ในบริเวณส่วนหย่อมด้านหลัง
และนั่นยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ําให้เกอซีมั่นใจว่าแผนที่ฉบับนี้คือของจริง
ด้วยพลังเวทอันล้ําลึกพิสดารของเถาวัลย์ม่วงอเวจี เกอซีจึงสามารถผ่านปราการกั้นขวางต่าง ๆ กระทั้งสามารถล่วงเข้าสู่อาคารน้อยใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสวนทางด้านหลังได้อย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตาเพียงระยะเผากํายานสิ้นหนึ่งก้านธูป หญิงสาวก็สามารถล่วงเข้าถึงประตูทางเข้าฐานใต้ดินซึ่งมีลักษณะคล้ายหอบรรพชน
แผ่นหยกบันทึกความถูกเสียบเข้าในรอยหยักบนประตูทางเข้า เมื่อฐานลับใต้ดินถูกเปิดออก กลิ่นอับชื้นภายใต้ความมืดมิดที่หอบนําความคาวคลั่งของกลิ่นโลหิตเข้มข้น พลันจู่โจมเข้าสู่โสตประสาทของผู้ล่วงล้ําในทันที
ร่างของเกอซีเลือนหายเข้าสู่ด้านในอย่างไม่รอช้า นางเดินไปตามทางเดินด้านในแค่เพียงอึดใจ หญิงสาวจึงพบประตูเหล็กบานหนึ่ง
ประตูเหล็กบานนี้คล้ายจะไม่หนามากเท่าใดนัก ทั้งไม่มีสลักหรือโซ่ตรวน แน่ชัดว่าประตูบานนี้จําต้องถูกผลักเปิดจากด้านใน
เกอซีลองพยายามผลักบานประตู หากแต่กลับพบว่ามันไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้เพียงนิ้ว ประกายในแววตาคู่นั้นฉายวาบขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าที่หยาบกร้านของเซียชงหมินผุดขึ้นใน หัวของเกอซีทันที มุมปากของนางขยับยก พร้อมหน้ากากหนังมนุษย์ที่ถูกนําออกมาจากมิติเวท เกอซีสวมทาบมันลงบนใบหน้าของตนเอง
เพียงชั่วสองอึดใจ หนุ่มน้อยรูปงามกลับถูกแปลงโฉมเป็นตาเฒ่าหนวดยาวผู้มีเรือนผมสีดอกเลา
กระทั่งความโลภโมโทสันในแววตาของเซียง หมินยังสามารถลอกเลียนมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้ไม่อาจลอกเลียนทุกสิ่งได้อย่างสมบูรณ์ แบบเพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น หากทว่าล้วนเพียงพอจะตบตาผู้ที่ซ่อนกายอยู่ภายในฐานใต้ดินที่มืดสลัวแห่งนี้ได้
เกอซีเคาะบานประตูเหล็กเบา ๆ ช่องสี่เหลี่ยมน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนบานประตูเหล็กในทันที
ผู้คุมด้านในมองลอดช่องสี่เหลี่ยมออกมาจึง เห็นสีหน้าหงุดหงิดรําคาญของเกอซีผู้ปลอมแปลงโฉม “ยังไม่รีบเปิดประตูอีกหรือ ? จะให้ข้ายืนขาแข็งไปถึงเมื่อใด ?”
*จบตอน เรือนร่างผีดิบ***