ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - ตอนที่ 174 ออกเดินทาง
ทำความดี ให้ความช่วยเหลือสตรีที่เดือดร้อน!
เป็นเช่นนี้รึ?
อวี้ถังใจเต้นกระหน่ำ
ชาติก่อน นางก็เคยเป็นหนึ่งในสตรีที่ได้รับความช่วยเหลือ
อารามดับทุกข์เคยช่วยเหลือนาง
ก็หมายความว่า สกุลเผยเคยช่วยเหลือนางมาก่อนเช่นกัน
และนางได้รับบุญคุณของสกุลเผยกลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นางพลันนึกถึงยามที่ไปขอพึ่งพาใบบุญอารามดับทุกข์ แม้ญาติผู้พี่ของป้าสะใภ้ใหญ่จะมองนางด้วยแววตาเห็นใจและสงสาร แต่ตอนที่นางไม่ใส่ใจ กลับเผยท่าทีหยั่งเชิงและสงสัยออกมา
ชาติก่อน นางคิดมาโดยตลอดว่าฐานะและการกระทำใจกล้าของนางเป็นสิ่งที่ทำให้นางหนีออกมาจากสกุลหลี่ได้
แต่หากไม่ใช่อย่างนั้นล่ะ?
ในใจอวี้ถังเต้นราวกลองกระหน่ำ เต้นแรงและดังขึ้นเรื่อยๆ นางวางมือไว้ที่หน้าอกตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด นางจึงค่อยดึงสติกลับมา
แต่เมื่อหวนสติคืนมา นางก็อดยิ้มขมขื่นไม่ได้
เหตุใดนางต้องคิดมากขนาดนี้?
เพราะชาตินี้นายท่านสามมีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อนางและครอบครัวของนาง ยามที่นางมีเรื่องอะไรจึงนึกถึงสกุลเผยและนายท่านสามเป็นคนแรกอย่างนั้นรึ นี่ไม่ยุติธรรมกับญาติผู้พี่ของป้าสะใภ้ใหญ่เกินไปแล้ว
ยามที่อยู่อารามดับทุกข์ เห็นได้ชัดว่าญาติผู้พี่ของป้าสะใภ้ใหญ่คอยดูแลช่วยเหลือนาง เหตุใดนางจึงนำคุณงามความดีพวกนี้ไปไว้ที่นายท่านสามและสกุลเผยเสียล่ะ?
จะว่าไปแล้ว ยามนี้ญาติผู้พี่ของป้าสะใภ้ใหญ่คงจะพักอยู่ที่อารามดับทุกข์แล้ว ตัวเองควรจะเข้าไปขอบคุณนางเสียหน่อย หากสามารถช่วยเหลืออะไรได้ก็จะดีขึ้นไปอีก หากครั้งนี้สามารถตามท่านแม่เฒ่าเผยไปอารามดับทุกข์ได้ นางก็จะไปพบญาติผู้พี่ของป้าสะใภ้ใหญ่ หาวิธีพูดคุยกับนาง หากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงรอข้ามปีใหม่แล้วค่อยไปอารามดับทุกข์อีกครั้ง
แม้อารามดับทุกข์จะเป็นสถานที่ที่เจ็บปวด ทั้งนางควรลืมความระทมทุกข์ของชาติก่อน มองไปข้างหน้า ใช้ชีวิตในชาตินี้ดีๆ ก็ตาม แต่นางก็ได้รับความเมตตาจากสวรรค์ เกิดใหม่อีกครั้ง ทั้งยังเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของครอบครัวแล้ว
อวี้ถังสูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยๆ สงบจิตใจ รวบรวมสติบอกวิธีทำดอกไม้ผ้ากับพวกคุณหนูสกุลเผยแทน
ทุกคนคุยเล่นหัวเราะกันไป ยามบ่ายจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา อารมณ์ของท่านแม่เฒ่าเผยดีขึ้นแล้ว ยังไปเดินเล่นที่ป่าเหมยกับท่านแม่เฒ่าอี้ นัดกันไว้ว่าอีกสองวันค่อยเข้าไปที่อารามดับทุกข์ ยามที่พูด อวี้ถังและพวกคุณหนูสกุลเผยต่างก็อยู่เช่นกัน ถึงเวลานั้นอวี้ถังก็จะตามไปด้วย
พวกคุณหนูสกุลเผยดีใจอย่างยิ่ง กลับไปเตรียมเสื้อผ้าเครื่องประดับอย่างสุขอุรา ทั้งยังมีเงินบริจาคมอบให้อารามดับทุกข์ด้วย
อวี้ถังกระจ่างเรื่องนี้ดี แต่เมื่อคิดว่าจะเข้าไปเหยียบอารามดับทุกข์อีกครั้ง ในใจก็รู้สึกอึดอัดยากจะรับได้
คุณหนูห้าเห็น ก็คิดว่านางกลัดกลุ้มเรื่องเงินบริจาค ยังตั้งใจบอกอ้อมๆ กับนาง “ประเด็นหลักท่านย่าแค่จะเข้าไปบริจาคเงินเท่านั้น พวกเราก็ทำพอเป็นพิธี ให้เงินก้อนคนละนิดละหน่อยก็เพียงพอแล้ว ท่านย่ากล่าวว่า นี่เพื่อว่าพวกเราจะได้ไม่ลืมทำความดีกับคนอื่น” ยังกลัวว่าจะโน้มน้าวอวี้ถังไม่ได้ เอ่ยว่า “ปีที่แล้วข้าก็ไปมาครั้งหนึ่ง ปรากฏว่ามีเพียงข้าที่บริจาคเงินใส่กล่องเลื่อนขั้นและร่ำรวย ส่วนพวกพี่รองบริจาคใส่กล่องทุกเรื่องสมปรารถนา ข้าถูกพวกนางหัวเราะยกใหญ่ ครั้งนี้ข้าจะไม่โง่อีก ปรึกษากับพวกพี่รองไว้แล้ว เงินที่พวกเราบริจาคจะมีผู้ดูแลเป็นคนรวบรวม บริจาคกันคนละสามตำลึง ไม่อนุญาตให้ใครแปลกไปจากคนอื่นทั้งนั้น”
อวี้ถังซาบซึ้งใจจนน้ำตารื้นขึ้นมา
พวกคุณหนูช่างเป็นคนที่อบอุ่นจริงๆ
นางให้ซวงเถาไปนำเงินห้าตำลึงให้กับอาซาน สาวใช้ของคุณหนูห้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นวานคุณหนูห้าบอกผู้ดูแลในจวนที ช่วยแลกเงินก้อนให้ข้าห้าตำลึง หากมีเหตุต้องให้รางวัลคนอื่น จะได้ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก”
คุณหนูห้าร้องว่า ‘ไอหยา’ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเสียงดัง “ข้านึกไม่ถึงจริงๆ! ข้าจะไปบอกกับพวกพี่รองเดี๋ยวนี้ พวกเราแลกเปลี่ยนเงินห้าตำลึงให้เหมือนกันหมด บริจาคสามตำลึง ที่เหลือก็เป็นรางวัลให้คนอื่น ไม่อนุญาตให้ใครให้รางวัลมากกว่าใครทั้งนั้น” พูดจบ ไม่รอให้อวี้ถังได้เอ่ยปาก ก็พาสาวใช้ของตัวเองวิ่งไปเสียแล้ว
อวี้ถังอดพิงประตูหัวเราะไม่ได้
ซวงเถามองแผ่นหลังคุณหนูห้าก็หัวเราะลั่นเช่นกัน “คุณหนู ต้องการให้ข้าส่งจดหมายไปที่เรือนหรือไม่เจ้าคะ ให้ที่เรือนนำขนมของว่างไปที่วัด? ข้าได้ยินเด็กรับใช้ในจวนสกุลเผยเอ่ยว่า การนั่งรถไปอารามดับทุกข์ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม พวกคุณหนูจะได้ชิมขนมของพวกเราด้วยว่าอร่อยหรือไม่ ภายหลังหากท่านเข้าจวนก็สามารถนำมาเป็นของขวัญได้”
อวี้ถังรู้สึกว่าเช่นนี้ก็ดี ไม่เพียงให้คนอื่นทำขนมมา ยังสามารถให้ซวงเถาไปสั่งซื้อชุดนักบวช เตรียมไว้เผื่อวันไหนมีโอกาสก็จะส่งไปให้พระอาจารย์หรืออุบาสิกาในอารามดับทุกข์ที่เคยช่วยเหลือนาง
ซวงเถาเอ่ยอย่างแปลกใจ “เหตุใดไม่นำเข้าไปในวันมะรืนเลยล่ะเจ้าคะ?” พูดจบก็คล้ายรู้ว่าเพราะเหตุใด จึงหันไปหัวเราะให้อวี้ถังอย่างขัดเขิน
คุณหนูห้ากลัวอวี้ถังจะลำบากใจ กระทั่งเงินที่จะทำบุญยังนัดแนะกับทุกคนก่อน แล้วจะให้นางโดดเด่นเกินหน้าเกินตา เอาความดีความชอบคนเดียวได้อย่างไร
ซวงเถาลงเขาไปอย่างกระดากอาย
อวี้ถังนึกถึงชาติก่อนยามที่อยู่ในอารามดับทุกข์
สิ่งที่ทุกคนคาดหวังที่สุดในฤดูหนาวก็คือมีเสื้อกั๊กหนาๆ สักตัว หรือได้รับเงินบริจาค แต่เจ้าอาวาสมักจะชอบเก็บเงิน กลัวว่าจะมีวันหนึ่งที่ไม่มีเงินบริจาคมาซื้อข้าว แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ให้คนในวัด ชุดนักบวชบางคนนั้นนำเศษผ้ามาปะแล้วปะอีก จนแทบจะปะไปทั่วทั้งชุด
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดนางจึงไม่เคยเชื่อมโยงอารามดับทุกข์และสกุลเผยเข้าด้วยกันมาก่อน
ซวงเถากลับมาในยามบ่ายของอีกวัน นอกจากจะพกขนมที่คนสกุลเฉินทำมาเจ็ดแปดกล่อง ยังนำคำพูดของคนสกุลเฉินมาด้วย กล่าวว่าคิดถึงอวี้ถังอย่างยิ่ง ถามว่าเมื่อใดอวี้ถังจะกลับไป หากจะกลับก็ให้คนล่วงหน้ามาส่งข่าวให้นางก่อน นางจะได้เตรียมของอร่อยๆ รออวี้ถัง
อวี้ถังย่อมยินดีอย่างยิ่ง ดึงซวงเถาไปไถ่ถามสถานการณ์ในเรือนอยู่ค่อนวัน
นางจึงทราบว่าเรื่องในเรือนเรียบร้อยดี ปีนี้ครอบครัวของอวี้ป๋อและอวี้เหวินยังคงจะฉลองปีใหม่ด้วยกัน พวกของเซ่นไหว้หรือของที่ต้องใช้ในวันปีใหม่ ล้วนเตรียมพร้อมแล้ว ทั้งเรื่องเงินก็ส่งให้สกุลจางแล้ว…ไม่มีอะไรให้นางต้องเป็นห่วง อวี้ถังถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง เตรียมเสื้อผ้าสีเขียวอ่อนไม่ก็สีฟ้าครามไปอารามดับทุกข์ เพื่อให้คนรู้สึกเจริญหูเจริญตา
ยามบ่าย นางก็ออกไปส่งขนม ทางกู้ซีก็ไม่เว้นเช่นกัน แต่ส่งซวงเถาเอาไปให้นางแทน
เมื่อถึงยามเย็น จี้ต้าเหนียงก็เอาเงินก้อนที่แลกมาแล้วให้นาง ยังเอ่ยบอกนางว่า “อาการป่วยของคุณหนูกู้ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ กล่าวว่าจะไปวัดเพื่อแก้บน ประจวบกับท่านแม่เฒ่าจะพาพวกคุณหนูไปอารามดับทุกข์พอดี คุณหนูกู้ก็อยากไปด้วย ท่านแม่เฒ่าจึงรับปาก คุณหนูรองยังตั้งใจส่งคนไปบอกกล่าวกับผู้ดูแล จัดการให้คุณหนูกู้นั่งรถไปคันเดียวกับนาง”
อวี้ถังเลิกคิ้ว
ก่อนหน้านี้ซวงเถาเอาขนมไปส่ง กลับไม่ได้ยินว่านางต้องการจะไปอารามดับทุกข์…แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ถึงเวลานั้นจะได้ไม่จัดกู้ซีให้นั่งรถคันเดียวกับนาง นางไม่อยากรับมือกับกู้ซี
นางขอบคุณจี้ต้าเหนียงด้วยรอยยิ้ม
จี้ต้าเหนียงเอ่ยว่า “ควรเป็นข้าที่ต้องขอบคุณคุณหนู คาดไม่ถึงว่าคุณหนูจะจำได้ว่าคนในเรือนข้าชอบกินขนมกุ้ยฮวา ยังตั้งใจส่งขนมกุ้ยฮวาให้ข้าหนึ่งกล่อง ข้าเพิ่งจะถือกลับไป พวกหลานๆ ก็กินไปคนละชิ้นสองชิ้นแล้ว ลูกสะใภ้ข้ายังฝากข้ามาขอบคุณคุณหนูอวี้!”
“หลานๆ ของเจ้าชอบก็ดีแล้ว” อวี้ถังคุยเล่นกับจี้ต้าเหนียงอีกไม่กี่ประโยค ยามนี้จึงส่งจี้ต้าเหนียงออกจากประตู
ซวงเถาเอ่ยอย่างลิงโลด “คุณหนู ภายหลังพวกเรามีเรื่องอันใดก็สามารถสืบจากจี้ต้าเหนียงได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“เรื่องเล็กย่อมได้” อวี้ถังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องใหญ่ ไม่ว่าใครก็อย่าถาม มองไว้ในตา จำไว้ในใจก็พอแล้ว”
ซวงเถาเหลียวซ้ายแลขวา กระซิบข้างหูอวี้ถัง “หลิ่วซวี่บอกข้าว่า นางเห็นคุณหนูกู้พูดคุยกับนายหญิงใหญ่อยู่ทางห้องอุ่นอยู่ค่อนวันเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่ยังมอบดอกหลันฮวาให้คุณหนูกู้หนึ่งกระถาง”
อวี้ถังชะงักไป “หลายวันมานี้ไม่ใช่ว่าคุณหนูกู้พักรักษาตัวอยู่ในห้องหรอกรึ?”
ซวงเถาเอ่ย “ข้าก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ยามบ่ายข้าไปส่งขนมให้หลิ่วซวี่ นางจึงบอกเรื่องนี้กับข้า”
อวี้ถังยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน
คาดไม่ถึงว่าหลิ่วซวี่ก็เป็นคนหลักแหลมคนหนึ่ง
บางทีคนที่สามารถปรนนิบัติรับใช้เบื้องหน้าท่านแม่เฒ่า คงไม่มีคนโง่เลยกระมัง?
อวี้ถังไม่ได้ตั้งใจไปสืบเรื่องกู้ซีเป็นพิเศษ นางเชื่อว่ากู้ซีทำเรื่องย่อมมีจุดประสงค์บางอย่าง ขอเพียงแค่จุดประสงค์ของนางไม่กระทบถึงอวี้ถัง ไม่กระทบถึงคนในครอบครัวนาง นางก็สามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้
วันนี้นางจึงเข้านอนอย่างรวดเร็ว เช้ามืดยามอิ๋น[1]ก็ตื่นนอน ล้างหน้าผลัดผ้า ไม่กล้ากินข้าวต้ม กินเพียงพวกหมั่นโถว ก่อนจะไปหาทางท่านแม่เฒ่า
นางคิดว่าตัวเองตื่นเช้าแล้ว คาดไม่ถึงว่ากู้ซีจะมาถึงก่อนนางเสียอีก นางเพิ่งทักทายกับกู้ซี นายหญิงรองก็พาคุณหนูสี่ คุณหนูห้าตามมา ทุกคนเอ่ยเป็นมารยาทกันไม่กี่คำ ก็เข้าไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่า รอจนท่านแม่เฒ่าอี้พาคุณหนูรองและคุณหนูสามเข้ามา ทุกคนก็เข้าไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าอี้อีกครั้ง ยามที่ทุกคนนั่งลงตามลำดับอาวุโส อวี้ถังก็เห็นคุณหนูรองดึงกู้ซีไปกระซิบ “ไม่ใช่กล่าวว่าเจ้าจะรอเข้ามาพร้อมกับพวกเราหรอกรึ? ไฉนเจ้าจึงเข้ามาคนเดียวก่อนล่ะ?”
กู้ซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่อาจรบกวนความสุขที่ย่าหลานอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้ จึงมารอพวกเจ้าอยู่ที่นี่”
คุณหนูรองก็ไม่พูดอันใด มองพินิจนางขึ้นๆ ลงๆ เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าดีขึ้นแล้วจริงๆ รึ? ทางไปอารามดับทุกข์ไม่ค่อยสะดวกนัก หากเจ้ารู้สึกไม่สบาย ต้องบอกข้าทันที”
“ได้!” กู้ซีพูดคุยกับนางด้วยรอยยิ้ม อวี้ถังกลับรู้สึกว่านางดูหน้าซีดเซียวอย่างแปลกประหลาด คล้ายกับนอนหลับไม่สนิท
เมื่อทุกคนมาครบ ล่อก็ทยอยลากรถเข้ามา
ท่านแม่เฒ่าทั้งสองนั่งคันเดียวกัน มีนายหญิงรองคอยอยู่ดูแลปรนนิบัติ คันที่สองเป็นคุณหนูรอง คุณหนูสามและกู้ซี อีกคันเป็นคุณหนูสี่ คุณหนูห้าและอวี้ถัง ยังมีพวกสาวใช้ เด็กรับใช้และผู้ดูแล รวมถึงพวกข้าวสารอาหารแห้งที่เตรียมส่งเข้าไปในวัด ขบวนรถกว่ายี่สิบคันจึงเคลื่อนไปอย่างยิ่งใหญ่เอริกเกริก มีผู้คุ้มกันอีกสามสี่คนเดินทางลงจากเขาไปยังอารามดับทุกข์
อารามดับทุกข์ตั้งอยู่ในหุบเขาเล็กๆ หากจะเดินทางเข้าไปต้องเดินผ่านทางหินที่กว้างไม่เกินช่วงไหล่อีกระยะหนึ่ง
ทุกคนเรียกเกี้ยวเข้าไป
มองจากเกี้ยวลงไป คล้ายว่าคนแบกเกี้ยวพร้อมจะเหยียบเท้าพลาดทุกเวลา อวี้ถังที่นั่งอยู่บนเกี้ยวจึงอกสั่นขวัญแขวนอย่างยิ่ง
ดีที่ทางเช่นนี้ไม่ยาวมาก ไม่นานนักพวกนางก็มาถึงอารามดับทุกข์
หน้าประตูอารามดับทุกข์มีเจ้าอาวาสยืนรออยู่ทึมทื่อราวกับต้นไม้ที่แห้งตาย ยังมีจือเค่อ[2]ที่เผยสีหน้าระทมทุกข์อีกสองคน
แต่ใครบอกนางได้บ้าง เหตุใดจือเค่อสองคนจึงยืนอยู่กับเผยเยี่ยนที่วางท่าองอาจผ่าเผย รายล้อมไปด้วยผู้คุ้มกันเจ็ดแปดคน
ยามที่อวี้ถังลงจากเกี้ยวก็แทบจะก้าวพลาด ด้านกู้ซีกลับพยุงคุณหนูรองลงจากเกี้ยวอย่างไม่มีท่าทีแปลกใจแม้แต่น้อย
“ไฉนอาสามจึงอยู่ที่นี่?” พวกคุณหนูห้าและอวี้ถังต่างก็ประหลาดใจ พากันมองไปทางท่านแม่เฒ่าเผย
———————-
[1]ยามอิ๋น เวลาประมาณ 03.00 – 04.59
[2]จือเค่อ คือพระที่คอยดูแลต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียนวัด