ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - ตอนที่ 181 ธรรมดา
ท่านแม่เฒ่าเผยกะพริบตาปริบ คิดว่าตัวเองตาฝาด ยังคงจ้องอวี้ถังอยู่นาน
อวี้ถังทำได้เพียงส่ายศีรษะอีกครั้ง แสดงเป็นนัยว่าตัวเองไม่ตั้งใจจะออกหน้าจริงๆ
ท่านแม่เฒ่าเผยเลิกคิ้ว
เป็นผู้หญิง ขอเพียงมีชื่อเสียงที่ดี ก็สามารถทำเรื่องได้มากมายแล้ว ถึงกระทั่งยังสามารถก้าวข้ามชาติกำเนิดแต่งให้กับสกุลดีๆ
อวี้ถังไม่เข้าใจรึ? หรือเป็นคนจืดชืดธรรมดา ชอบใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่า?
ยามนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุย ยิ่งไปกว่านั้นหากอวี้ถังอยากเปลี่ยนความคิด ก็ยังมีเวลาและโอกาสให้ช่วยเหลืออยู่ ท่านแม่เฒ่าเผยก็ไม่ได้ฝืนอะไร เอ่ยเรื่องทำธูปหอมกับเจ้าอาวาสขึ้นมา “…พวกเด็กๆ คิดกันเรียบง่าย คิดว่าในเมื่อพวกเจ้าทำธูปหอม ย่อมต้องใช้ชื่ออารามในการขายออกไป แต่ความเป็นจริงคนที่จุดธูปไหว้พระในเรือนก็มีไม่น้อย หากธูปหอมทำได้ดี ก็สามารถนำไปขายในร้านค้าธูปเทียนใหญ่ๆ แต่ละแห่งได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นผลดีต่อพวกเจ้าอยู่บ้าง อย่างไรชื่อเสียงของอารามดับทุกข์ก็มีไม่มาก ทั้งพวกเจ้ายังเป็นอารามชี คนสัญจรมากหน้าหลายตาย่อมไม่ดี เรียกเจ้ามาก็เพราะอยากรู้ว่าจะช่วยพวกเจ้าอย่างไรได้บ้าง ให้พวกเรานำอุปกรณ์เข้ามาให้พวกเจ้าช่วยทำ? หรือว่าให้พวกเรานำตำรับเครื่องหอมให้พวกเจ้า จากนั้นให้พวกเจ้ายืมเงินก้อนหนึ่ง พวกเจ้าก็ทำเองขายเอง”
คาดว่าอารามดับทุกข์คงเคยทำเรื่องทำนองนี้มามาก แต่ไม่ประสบผลสำเร็จสักครั้ง เจ้าอาวาสจึงเอ่ยแทบไม่ต้องคิดว่า “วิธีที่ดีที่สุดย่อมเป็นพวกท่านจัดหาอุปกรณ์ให้ ส่วนพวกเราจะช่วยทำธูปหอม เรื่องเกี่ยวกับการค้า พวกเราไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังพูดถูก อย่างไรพวกเราก็เป็นอารามชี ไม่อาจเทียบได้กับสถานที่อย่างวัดเจาหมิง คนเพ่นพ่านไปมา หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ชื่อเสียงทั้งยี่สิบปีของพวกเราก็คงจบสิ้นแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าท่านแม่เฒ่าเผยก็หวังจะร่วมมือเช่นนี้ นางผงกศีรษะเล็กน้อย เอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ตกลงกันตามนี้ก่อน ประเด็นหลักจะทำอย่างไร รอข้ากลับไปเรือนนอก ถามผู้ดูแลในเรือน มีผลสรุปเป็นชิ้นเป็นอันออกมาก็ค่อยว่ากันอีกที”
เจ้าอาวาสอารามดับทุกข์ย่อมตอบรับอย่างเห็นด้วย
อวี้ถังกลับลอบถอนหายใจ สมแล้วที่ท่านแม่เฒ่าเผยเคยรับตำแหน่งควบคุมดูแลเรื่องในจวนสกุลเผย ช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถคิดเช่นนี้ได้ ดีกว่าที่นางคาดไว้ก่อนหน้านี้เสียอีก
ทุกคนเพิ่งจะพูดคุยเรื่องคร่าวๆ เสร็จสรรพ ก็มีผู้ดูแลเข้ามาถามว่าจะสามารถออกเดินทางกลับเรือนนอกได้ยามใด เจ้าอาวาสอารามดับทุกข์ย่อมไม่กล้ารั้งการเดินทางของพวกสตรีสกุลเผยให้ชักช้า ละล่ำละลักหยัดกายขึ้นนัดแนะกับท่านแม่เฒ่าทั้งสอง “รออีกสักสองวันข้าจะเข้าไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าทั้งสองที่เรือนนอกอีกครั้ง”
ท่านแม่เฒ่าอี้คิดว่าเรื่องนี้ควรให้ท่านแม่เฒ่าเผยเป็นคนตัดสินใจ ท่านแม่เฒ่าเผยครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เอ่ยว่า “ข้าว่าเรื่องนี้ค่อยพูดกันหลังปีใหม่เถิด! ก่อนปีใหม่คงมีเรื่องยุ่งไม่น้อย”
อวี้ถังคาดว่าก่อนปีใหม่คงจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหมั้นหมายของคุณหนูรอง
นางมองไปทางคุณหนูรอง คุณหนูรองหลบอยู่เบื้องหลังท่านแม่เฒ่าอี้ไม่พูดจาดังที่คาด
อวี้ถังเม้มริมฝีปากแย้มยิ้ม คิดว่าถึงเวลานั้นตัวเองต้องเตรียมของขวัญให้คุณหนูรองล่วงหน้าเสียหน่อย
ตัวเลือกที่ดีที่สุดย่อมเป็นเครื่องลงรัก
ยังต้องเป็นเครื่องลงรักของสกุลนาง
นางหวนนึกภาพพวกนั้นที่คุณชายจางส่งเข้ามา
ไม่รู้ว่ามีภาพเหมาะที่จะทำกล่องไม้เล็กๆ หรือไม่ ส่งให้คุณหนูรองเอาไว้ใส่เครื่องประดับหรือพวกหนังสือคงจะดีไม่น้อย
ท่านแม่เฒ่าเผยเอ่ยเช่นนี้ พวกข้ารับใช้สกุลเผยก็เคลื่อนไหวขึ้นมาทันที เพียงเวลาหนึ่งเค่อ ข้าวของทุกอย่างก็จัดเก็บอย่างเรียบร้อย แบ่งกันนั่งรถกลับไปยังเรือนนอกที่ตั้งอยู่ตรงไหล่เขา
รถม้าวิ่งอยู่ค่อนวัน เมื่อท่านแม่เฒ่าทั้งสองกลับถึงเรือนก็พักผ่อนกันทันที กระทั่งข้าวเย็นก็กินเพียงข้าวต้มไปเล็กน้อย กลับเป็นพวกเด็กๆ ที่ยังคงกระปรี้กระเปร่า กินข้าวเย็นร่วมกับนายหญิงรอง ทุกคนล้อมวงคุยกันอยู่นาน ก่อนจะแยกย้ายกันไป
กู้ซีเอาแต่เงียบเชียบมาโดยตลอด
รอจนกลับไปที่พักของนาง หลังจากอาบน้ำผลัดผ้าแล้ว ไม่มีคนอื่นอยู่ เหอเซียงก็ยกน้ำอุ่นมาให้กู้ซีที่นั่งหน้ากระจก เอ่ยเสียงเบา “คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”
กู้ซีนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่
ยามนี้นางมองอวี้ถังไม่ออกอยู่บ้าง
ช่วยอารามดับทุกข์ทำการกุศล คุณงามความดีเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าอวี้ถังจะไม่ชิงดีชิงเด่น ทั้งยังเป็นฝ่ายออกตัวปฏิเสธ ด้านท่านแม่เฒ่าเผย ก็ตามน้ำคว้าคุณงามความดีนี้ไป หรือก่อนหน้านี้นางมองพลาดมาตลอด? ท่านแม่เฒ่าเป็นคนไม่ชอบให้สตรีในเรือนออกหน้าออกตาอย่างนั้นรึ? อวี้ถังมองความต้องการของท่านแม่เฒ่าออก จึงวางแผนอย่างตรงจุด ยามนี้ถึงยืนอย่างมั่นคงในสกุลเผยได้?
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็ถูกเผยเยี่ยนเกลียดชังแล้ว สกุลเผยและสกุลกู้ คงไม่มีวาสนาเกี่ยวดองกันแล้ว
นึกมาถึงตรงนี้ ในอกของกู้ซีก็คล้ายถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่ แทบจะหายใจไม่คล่อง
เผยเยี่ยน! เผยสยากวง!
เจ้าคอยดูเถิด…
ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย
ต้องมีสักวันที่เจ้าตกอยู่ในกำมือข้า
ถึงเวลานั้นดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!
แต่ไหนแต่ไรกู้ซีก็ไม่เคยเป็นดั่งยามนี้มาก่อน กระหายในอำนาจและเงินทองอย่างยิ่ง
นางบีบมือข้างขวาแน่นจนเป็นหมัด ทุบไปที่โต๊ะอย่างแรง
เหอเซียงตกใจยกใหญ่ รีบตะโกนเรียก “คุณหนูเจ้าคะ!”
“ข้าไม่เป็นไร!” กู้ซีเอ่ยเสียงเย็น โทสะในอกค่อยๆ สงบลงหลังจากกำปั้นเมื่อครู่
นางออกคำสั่งกับเหอเซียง “เจ้าเตรียมตัวเสียหน่อย อีกสองสามวัน พวกเราก็จะกลับจวน”
เหอเซียงได้ฟังก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “แต่พวกเรายังไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากคุณชายใหญ่เลยนะเจ้าคะ!”
หรือต้องส่งใครคนหนึ่งเฝ้าดูที่สกุลเผย?
กู้ซีกำหมัดแน่นกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้นางคาดไม่ถึงว่าเผยเยี่ยนจะพูดจาทั้งทำตัวไร้เยื่อใย ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อยเช่นนี้ จึงได้เขียนจดหมายให้กู้ฉ่าง ยามนี้มาคิดดู แม้ว่าพี่ชายนางจะได้รับจดหมายก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี ยังอาจจะเผยจุดประสงค์ของสกุลกู้ออกมา
นึกมาถึงตรงนี้ กู้ซีก็ใจคล้อยตาม
ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนมีด้านดีและร้าย
บางทีพี่ชายนางอาจจะกล่าวในจดหมายตามตรงว่าตั้งใจจะเกี่ยวดองกับสกุลเผย ทำให้เผยเยี่ยนพินิจเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง?
นางเข้าหาเผยเยี่ยนเอง อย่างไรก็ไม่เหมาะสม เผยเยี่ยนปฏิเสธนาง กลับเป็นการกระทำที่สมควรของบุรุษ
ในสมองของกู้ซีพลันปรากฏใบหน้าของเผยเยี่ยนที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นแม้แต่น้อย ชั่วพริบตานั้นนางก็ใจเหลวเป็นน้ำ เลือกโยนเรื่องของอวี้ถังทิ้งไว้ด้านหลัง ทั้งโยนเรื่องที่เผยเยี่ยนกระทำต่อนางอย่างเย็นชาไว้ด้านหลังด้วยเช่นกัน นางถึงขั้นคิดว่า หากนางแต่งงานกับเผยเยี่ยนจริงๆ เผยเยี่ยนยังจะเฉยเมยต่อนางเช่นนี้หรือไม่? ไม่แน่ว่านางยังสามารถนำเรื่องนี้ออกมาเป็นเรื่องขบขันได้ ให้เผยเยี่ยนรู้ว่าในใจนางชมชอบเขาอย่างไร ดังนั้นกำสามีคนนี้ไว้ในมือให้แน่นก็เป็นความคิดที่ไม่แย่ทีเดียว…
“เช่นนั้นรอรับจดหมายจากท่านพี่ พวกเราค่อยไปเถิด” นางตัดสินใจแล้ว “แต่ว่าข้าวของก็ต้องค่อยๆ เตรียมจัดเก็บ หากไม่เหนือความคาดหมาย จดหมายของท่านพี่คงมาถึงเร็วๆ นี้”
เหอเซียงรับคำสั่ง ถอนตัวออกไปสั่งสาวใช้ ก่อนรีบดับเทียนให้กู้ซีเข้านอน เช้าตรู่วันถัดมากลับรู้จากปากของสาวใช้สกุลเผยว่า ท่านแม่เฒ่าทั้งสองเรียกตัวอวี้ถังไปพูดคุยที่เรือนหลักตั้งแต่เช้า
กู้ซีขมวดคิ้ว เอ่ยหยอกเย้ากึ่งเหน็บแนมกับหลิ่วเย่ สาวใช้ที่คอยดูแลนางในสกุลเผย “พวกเจ้ากลับข่าวสารฉับไว ทางท่านแม่เฒ่ามีเรื่องอะไรเล็กน้อยก็รู้ทั่วกันเสียแล้ว”
หลิ่วเย่นั้นเป็นคนซื่อๆ ฟังถึงความนัยคำพูดนี้ไม่ออกแม้แต่น้อย ยังตอบอย่างเซ่อซ่าว่า “พวกเราล้วนอยู่ในห้องท่านแม่เฒ่า หากท่านแม่เฒ่าไม่อยากให้พวกเรารู้ เฉินต้าเหนียงและจี้ต้าเหนียงย่อมมีวิธีปิดบังพวกเรา แต่พวกเราทราบได้ ก็สามารถคุยได้เช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินพี่หลิ่วซวี่ที่รับใช้ในห้องคุณหนูอวี้กล่าวว่า คุณหนูอวี้เป็นคนดีอย่างยิ่ง คาดว่านางคงไม่เอาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้มาใส่ใจ”
นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นรึ?
ไม่รู้จริงๆ ว่าท่านแม่เฒ่าอายุมากไม่อยากสนใจเรื่องราวพวกนี้แล้ว? หรือว่านายหญิงรองไม่มีความสามารถจัดการเรื่องพวกนี้กัน?
ในสกุลกู้ เรื่องข่าวลืออะไรพวกนี้อย่าหวังว่าจะเกิดขึ้นเลย
จู่ๆ กู้ซีก็นึกถึงนายหญิงใหญ่
นางได้พูดคุยกับนายหญิงใหญ่หลายครั้งแล้ว ควรจะรักษาความสัมพันธ์นี้ต่อไปหรือไม่? บางทีก่อนจะไป บอกลานายหญิงใหญ่เสียหน่อย ก็นับว่าเป็นการผูกไมตรีต่อกันแล้วกระมัง?
กู้ซีตัดสินใจไม่ได้อยู่บ้าง จึงโยนเรื่องนี้ไว้ข้างหลังชั่วคราว เมื่อหวีเผ้าแต่งตัวเสร็จ ก็ไปหาท่านแม่เฒ่า
—
ท่านแม่เฒ่ากำลังคุยกับอวี้ถัง “…เรื่องอารามดับทุกข์ เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเจ้าอย่างมาก ข้าไม่รู้ว่าเด็กอย่างเช่นพวกเจ้าคิดอะไรอยู่ กลับผลักเรื่องนี้ออกไป แต่อย่างไรเจ้าก็อายุยังน้อย เรื่องของอารามดับทุกข์ ก็ไม่ใช่จะสามารถทำสำเร็จในวันสองวัน ข้าว่า หลังจากเจ้ากลับไปก็ปรึกษากับพ่อและแม่ของเจ้าเสียหน่อย ถึงเวลานั้นค่อยมาให้คำตอบข้าก็เพียงพอแล้ว”
อวี้ถังขอบคุณท่านแม่เฒ่าด้วยรอยยิ้ม กลับปฏิเสธเรื่องที่เอาความดีความชอบมาไว้ที่ตัวเองอย่างแน่วแน่ “ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดย่อมหักโค่น พวกเราเป็นสกุลเล็กๆ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขย่อมสำคัญที่สุด สิ่งที่ควรได้ไม่ละทิ้ง สิ่งที่ไม่อาจเอื้อมก็อย่าคิดเกินตัว นี่จึงเป็นสิ่งที่คนพึงกระทำ อีกอย่าง แม้ความคิดทำเครื่องหอมจะดีอย่างไร แต่หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสกุลเผย ข้าก็คงไม่กล้าคิดเช่นกัน ท่านพูดเช่นนี้ ข้ารับไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าเผยได้ฟัง ก็อดส่งสายตาให้ท่านแม่เฒ่าอี้ไม่ได้ คล้อยหลังก็เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม เลิกคิ้วว่า ‘อ่อ’ ก่อนเอ่ย “คำพูดนี้ของเจ้านับว่าแปลกใหม่ ข้ายังคงเคยได้ยินเป็นครั้งแรก เช่นนั้นเจ้าอธิบายให้ข้าฟังหน่อย อะไรคือสิ่งที่เจ้าควรได้รับ? แล้วอะไรคือสิ่งที่เจ้าไม่ควรคิดเกินตัว?”
อวี้ถังย่อมไม่อาจเอ่ยว่าตัวเองมีโอกาสใช้ชีวิตทั้งสองชาติ คิดว่าต่อให้มีตำแหน่งชื่อเสียงมากเท่าใดก็ยังดีไม่เท่าสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับครอบครัว ทั้งไม่อาจพูดว่าสกุลเผยมีอำนาจบารมี หากสนับสนุนอารามดับทุกข์ขายธูปหอม ย่อมไม่มีคนกล้าสร้างเรื่องลำบากใจ ได้เปรียบกว่าคนธรรมดาเป็นร้อยเท่าพันเท่า ดีที่นางสมองไว ไม่นานก็คิดคำพูดออก “หากไม่มีสกุลเผย ต่อให้ข้าคิดจะช่วยเหลือพวกเจ้าอาวาสของอารามดับทุกข์ ก็คงทำได้เพียงส่งชุดคลุมเก่าๆ ไม่กี่ตัวให้ในหน้าหนาว ส่วนหน้าร้อนก็ช่วยส่งเสื่อเย็นให้ไม่กี่ผืนเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้ากล้าเสนอความคิดทำเครื่องหอมให้อารามดับทุกข์ แม้ว่าเริ่มแรกจะใช้ต้นทุนแพงอยู่บ้าง แต่หากทำเรื่องนี้สำเร็จ กลับเป็นเรื่องที่สามารถทำให้คนทั้งอารามดับทุกข์หรือกระทั่งสตรีที่จะมาพึ่งใบบุญอารามดับทุกข์ในภายหลังสามารถรับผลประโยชน์ได้ หากทำไม่สำเร็จขึ้นมา ค่าใช้จ่ายก็เป็นเพียงเงินส่วนตัวของท่านแม่เฒ่าทั้งสอง…” พูดมาถึงตรงนี้ นางก็แย้มยิ้ม ก่อนเอ่ยต่อ “เป็นเพราะว่าข้างหลังข้ามีต้นไม้สูงใหญ่ให้รับลมเย็น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าเสนอความคิดเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าทั้งสองได้ฟังก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
ท่านแม่เฒ่าเผยยังโบกมืออย่างอารมณ์ดี “เรื่องนี้นับว่าเจ้าผ่านด่าน ไม่ให้เจ้าออกหน้า ไม่ให้เจ้ายืนโดดเด่นอยู่คนเดียว เรื่องนี้ล้วนเป็นของสตรีสกุลเผยของพวกเรา”
อวี้ถังรีบกล่าวขอบคุณกับท่านแม่เฒ่าทั้งสอง
ท่านแม่เฒ่าอี้ก็มองนางอย่างเมตตา ผงกศีรษะเล็กน้อย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีความรู้สึกดีต่อนาง
อวี้ถังทอดถอนหายใจ
ก่อนสาวใช้จะเข้ามารายงานว่า คุณหนูกู้ซีมาแล้ว