ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - ตอนที่ 190 ป้องกัน
ชาติก่อน อารามดับทุกข์ยากจนข้นแค้น ทุกคนต่างดิ้นรนหาเสื้อผ้าอาหาร ย่อมไม่มีความขัดแย้งเรื่องใหญ่อันใด แต่หลายปีที่อยู่ในสกุลหลี่ อวี้ถังก็เห็นความปรารถนาดีที่กลับกลายเป็นเรื่องร้ายมามากมาย
มนุษย์ล้วนไม่กังวลเรื่องแบ่งมากแบ่งน้อย แต่จะกังวลว่าแบ่งได้ไม่ยุติธรรม
เมื่อกินอาหารเย็นแล้ว นางก็ไปเข้าพบนายหญิงรอง
นายหญิงรองมีแขกอยู่พอดี จินต้าเหนียงจึงเชิญนางเข้าไปในห้องเซียงฝางด้านข้างด้วยรอยยิ้ม เอ่ยกับนางว่า “เป็นคนของสกุลหยางเจ้าค่ะ นายหญิงรองของเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คุณหนูอวี้รออยู่ตรงนี้สักครู่ หากคนไปแล้ว ข้าจะเข้าไปรายงานนายหญิงรองให้เจ้าค่ะ”
อวี้ถังอดสงสัยไม่ได้อยู่บ้าง
นี่ก็เย็นมากแล้ว สกุลหยางมีเรื่องด่วนอันใดถึงต้องส่งคนมาพบนายหญิงรองที่อารามดับทุกข์?
นางกลัวว่าตัวเองจะจำสับสนสกุลมารดาของนายหญิงใหญ่และสกุลสามีของคุณหนูรองอีกครั้ง เหมือนตอนที่สร้างเรื่องขำขันต่อหน้าเผยเยี่ยน จึงเอ่ยถามเสียงเบา “เป็นสกุลหยางสกุลใดรึ?”
จินต้าเหนียงเป็นสาวใช้สินเดิมของนายหญิงรอง ตามหลังนายหญิงรองเข้าสกุลเผยได้ไม่นานก็ตามครอบครัวนายหญิงรองไปรับตำแหน่งอีก จวบจนท่านผู้เฒ่าล่วงลับจึงกลับมาหลินอัน คาดว่าคงจะไม่รู้เรื่องสกุลเผยดีเท่าอวี้ถังนัก นางได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ถัง คิดว่าอวี้ถังทราบเรื่องสกุลเผยอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก จึงเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่มีท่าทีระวังแต่อย่างใด “เป็นคนทางสกุลมารดาของนายหญิงใหญ่เจ้าค่ะ เหมือนกล่าวว่า สกุลหยางกลัวคุณชายใหญ่จะล่าช้าในการสอบขุนนางจึงแนะนำอาจารย์คนหนึ่งให้คุณชายใหญ่รู้จัก คาดไม่ถึงว่านายท่านสามจะไม่เห็นด้วย คนสกุลหยางกับนายท่านสามจากกันไม่ดีนัก คนสกุลหยางอับจนหนทาง อยากเข้าพบนายท่านรองของพวกเรา ปรากฏว่านายท่านรองไปเขาอู่ไถ จึงเข้ามาหานายหญิงรองที่นี่แทนเจ้าค่ะ” พูดมาถึงตรงนี้ นางก็เบะปากอย่างดูแคลน
“แปดเก้าส่วนคงอยากให้นายหญิงรองของพวกเราช่วยพูดให้คุณชายใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่คิดบ้างว่า สกุลเผยเป็นสกุลแบบใด หรือคุณชายใหญ่ของสกุลเผยจะเรียนหนังสือยังต้องให้สกุลหยางของพวกเขาเป็นคนเชิญอาจารย์ให้อย่างนั้นรึ? นายท่านรองและนายท่านสามของพวกเราล้วนเป็นจิ้นซื่อสองป้าย อาจารย์คนไหนจะเทียบนายท่านรองและนายท่านสามของพวกเราได้กัน? อีกอย่าง แม้ว่านายท่านรองและนายท่านสามจะยุ่งไม่ค่อยมีเวลา ก็ไม่ใช่ว่ายังมีท่านผู้เฒ่าอี้หรอกรึ? นอกจากนี้ท่านผู้เฒ่าหย่งก็มีฐานะจวี่เหรินเช่นกัน! สกุลหยางจะยุ่งกิจธุระของคนอื่นมากเกินไปแล้ว! ในความเห็นข้า คงติดนิสัยยามที่นายท่านใหญ่มีชีวิตอยู่จนเคยตัว!”
ส่วนใครติดนิสัยจนเคยตัว ไม่ต้องพูดก็รู้ชัดเจน
ตามหลักแล้ว อวี้ถังไม่ควรฟังเรื่องพวกนี้ แต่นางสงสัยเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างนายหญิงใหญ่และเผยเยี่ยนอยู่บ้าง ยามนี้นางถึงกระทั่งสมองแล่นอย่างว่องไว ขบคิดไร้สาระว่านายหญิงใหญ่ให้กู้ซีมาเป็นลูกสะใภ้ของตน คงไม่ใช่ว่าอยากจะห้ำหั่นกับเผยเยี่ยนหรอกกระมัง?
กระทั่งนางยังมองออกว่ากู้ซีวางแผนกับเผยเยี่ยน หรือคนอื่นจะมองไม่ออกกัน?
นางไม่เข้าใจ กู้ซีแต่งกับใครไม่แต่ง กลับเลือกมาแปดเปื้อนในน้ำสกปรกของสกุลเผย จะแต่งมาหลินอันให้จงได้
อวี้ถังเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณจินต้าเหนียง ข้าจะรอที่นี่ หากนายหญิงรองว่างจากแขก ท่านให้คนมาเรียกข้าก็เพียงพอแล้ว”
จินต้าเหนียงชอบอวี้ถังที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ นางยิ้มหน้าบานขึ้นมา รินชาให้อวี้ถังด้วยตัวเอง นำผลไม้เชื่อมให้นางเป็นของว่าง เวลานี้จึงค่อยกลับไปรับใช้ทางนายหญิงรอง
อวี้ถังครุ่นคิด จากความฉลาดของนายหญิงรองแล้ว เกรงว่าสกุลหยางก็คงต้องกลับไปด้วยมือเปล่า
ขณะที่นางดื่มชา ก็อดชะโงกหน้าไปทางโถงใหญ่ของห้องหลักนายหญิงรองไม่ได้
เรื่องก็เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ ยามที่นางหันไปมอง ม่านประตูห้องโถงของนายหญิงรองก็ถูกเลิกขึ้น อวี้ถังเห็นหญิงรับใช้อายุประมาณสี่สิบปีเดินออกมาด้วยใบหน้าเคืองโกรธ จินต้าเหนียงตามอยู่ด้านหลังนางอย่างไม่ใส่ใจนัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกระตือรือร้นแต่ที่จริงกลับกล่าวอย่างขอไปที “นี่ก็มืดค่ำแล้ว ท่านก็เดินทางระวังหน่อย เย็นขนาดนี้ เกรงว่าจะเข้าเมืองไม่ได้แล้ว อย่างไรท่านพักที่นี่สักคืนค่อยไปดีกว่ากระมัง!”
ทองประดับที่ศีรษะของหญิงรับใช้คนนั้นส่องแสงวูบวาบภายใต้แสงไฟ มองออกอย่างชัดเจนว่า เป็นข้ารับใช้ที่มีหน้ามีตาในสกุลมั่งคั่งคนหนึ่ง
อวี้ถังวิ่งมาที่หน้าต่างลายฉลุ ได้ยินเพียงเสียงแค่นหัวเราะของหญิงรับใช้คนนั้น “ไม่กล้ารบกวนท่านหรอก พวกเราถือเทียบเชิญของนายท่านใหญ่ของพวกเรามา ได้จองห้องไว้ที่พักม้าแล้ว แต่ข้ายังมีคำพูดหนึ่งอยากให้ท่านช่วยบอกกล่าวแก่นายหญิงรอง สะใภ้ใหญ่ของพวกเราในวันนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของคนอื่นในวันพรุ่งนี้” พูดจบก็เชิดหน้าหยัดกายตรง สาวเท้ายาวเดินออกไป
ก่อนนางจะเห็นจินต้าเหนียงกลอกตาใส่แผ่นหลังของหญิงรับใช้ผู้นั้น ทั้งยังกล่าวด้วยเสียงที่กระตือรือร้นไปพลาง “ช้าก่อน อย่างไรก็ให้ข้าไปส่งท่านเถิด” คล้อยหลังก็ไล่ตามไปอย่างเอื่อยเฉื่อย
อวี้ถังเม้มปากยิ้ม คิดว่าจินต้าเหนียงผู้นี้ปกติก้มหน้าก้มตาว่าง่าย เป็นคนที่หากมองปราดเดียวเข้าไปในกลุ่มสาวใช้ก็คงหาไม่เจอ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง
นางรีบกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง
ไม่นาน จินต้าเหนียงก็เข้ามานำนางไปพบนายหญิงรอง ระหว่างทางยังกำชับนาง “นายหญิงรองอารมณ์ไม่ดีอยู่บ้าง หากเผลอละเลยเรื่องอะไรไป ขอท่านอย่าได้นำมาใส่ใจ”
อวี้ถังรีบละล่ำละลักเอ่ย “เป็นข้าที่มาผิดเวลาเอง แต่เรื่องนี้เร่งด่วนอยู่บ้าง ไม่มากลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไร จึงทำได้เพียงฝืนใจมารบกวน”
จินต้าเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูอวี้เป็นคนรู้จักความเหมาะสม กล่าวว่ามีเรื่องด่วน ก็ย่อมเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ”
เพียงแค่คำพูดสองประโยค พวกนางก็มาถึงโถงหลักของนายหญิงรองแล้ว
มีสาวใช้คนหนึ่งแหวกม่านออกมา
อวี้ถังเดินเข้าไป เห็นนายหญิงรองนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือหน้าโต๊ะสี่เหลี่ยม
แสงโคมไฟที่ส่องสลัวสะท้อนบนหน้านาง พาให้สีหน้าของนางเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
อวี้ถังเข้าไปคารวะนาง
นายหญิงรองค่อยคลายโทสะลง เชิญนางนั่งลงพูดคุย
อวี้ถังจึงเล่าเรื่องที่นางกังวลออกมา “วันนั้นยามที่ลองทำธูปในจวน ข้าไม่ทันได้คิด วันนี้ได้ยินเจ้าอาวาสพูดเช่นนี้ ข้าจึงตระหนักได้ว่า หากให้ตำรับเครื่องหอมนี้กับคนที่ตั้งใจไป ก็สามารถทำธูปกลิ่นจันทน์หอมออกมาได้เพียงลำพัง นี่เดิมก็เป็นเรื่องดี ไม่แน่ว่าพวกเรายังสามารถขายธูปที่มีกลิ่นจันทน์หอมต่อได้ แต่ข้าก็เคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่ผู้คนเล่าลือกัน มีคนเห็นว่าเพื่อนบ้านอัตคัดขัดสน จึงปรารถนาดีชวนไปช่วยขายอาหารในร้าน ผลปรากฏว่าเพื่อนบ้านผู้นั้นได้รับตำรับอาหารของเจ้าของ จึงเปิดร้านค้าเหมือนกันออกมาอย่างไม่สนใจอะไร ทั้งสรรหาทุกวิธีทางทำให้ร้านค้าที่ขายอาหารเดิมถูกปิดไป ข้าจึงคิดว่า หรือตำราเครื่องหอมนี้ ไม่ควรจะถ่ายทอดให้อารามดับทุกข์ไปทั้งหมดในคราวเดียว ตำรับเครื่องหอมก็ให้เถ้าแก่ใหญ่ของร้านค้าสกุลเป็นผู้ควบคุมดูแล พวกนางรับผิดชอบเพียงช่วยทำธูปหอมประเภทต่างๆ เท่านั้น พวกเราไม่ใช้เงินของพวกนาง ทั้งให้ค่าแรงพวกนางมากหน่อย ท่านคิดว่าใช้ได้หรือไม่?”
นายหญิงรองย่อมเคยได้ยินเรื่องเล่าของคุณชายตงกัว[1]มาก่อน เพียงแต่เรื่องทำธูปเทียน สำหรับนางแล้วก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เดิมทีก็ไม่เก็บมาใส่ใจ แม้นางจะคิดว่าคำพูดของอวี้ถังมีเหตุผล กลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงแต่อย่างใด แต่นางก็ยังคงชื่นชอบอวี้ถัง รู้สึกว่านางเป็นคนที่ทำเรื่องด้วยความตั้งใจ รอบคอบ ทั้งกล้าแบกความรับผิดชอบ คุ้มค่าที่จะชื่นชม จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดได้อย่างรอบคอบ รอพรุ่งนี้พวกเราไปปรึกษากับท่านแม่เฒ่าอี้ด้วยกันแล้วค่อยตัดสินใจจะทำอย่างไรเถิด”
อวี้ถังได้ฟังก็ทำได้เพียงหยัดกายบอกลา “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเข้ามาอีกครั้ง ไปพบท่านแม่เฒ่าอี้กับท่าน”
นายหญิงรองให้จินต้าเหนียงส่งนางออกจากประตู
นี่เป็นมารยาทที่นายหญิงรองปฏิบัติต่ออวี้ถัง
อวี้ถังขอบคุณด้วยรอยยิ้ม เดินตามจินต้าเหนียงออกจากห้องโถง
จินต้าเหนียงนั้นคาดเดาผลลัพธ์ของเรื่องนี้ได้แล้ว นางปลอบใจอวี้ถัง “ท่านวางใจเถิด ท่านแม่เฒ่าอี้ย่อมเข้าใจในความกังวลของท่าน”
อวี้ถังไม่วางใจแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่ท่านแม่เฒ่าอี้แต่งเป็นสะใภ้ใหญ่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ควบคุมเรื่องในเรือนของทั้งสามบ้านอีก เอาแต่ใส่ใจดูแลท่านผู้เฒ่าอี้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง กลัวเพียงว่าจะคิดเรียบง่ายกว่านายหญิงรอง
ไม่รู้ว่าหากท่านแม่เฒ่าเผยอยู่ที่นี่จะคิดอย่างไร?
อวี้ถังลอบถอนหายใจ ใครจะรู้ว่าเช้าตรู่วันต่อมา ระหว่างทางที่กำลังจะไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าอี้และนายหญิงรองกับพวกคุณหนูสกุลเผยกลับพบเข้ากับเผยเยี่ยน
เขายังคงสวมชุดคลุมเนื้อหยาบสีเรียบขอบสีน้ำเงินอย่างเช่นเคย ยืนด้วยร่างหยัดตรงอยู่ที่นั่น คล้ายดั่งต้นสนลู่ลม ดูโดดเด่นสง่างาม
อวี้ถังอดรั้งฝีเท้าไม่ได้ ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา
นางมองซ้ายแลขวา เห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่คนสองคนสามารถโอบได้ ก็พุ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว
ด้านพวกคุณหนูสกุลเผยต่างก็รีบเข้าไปคารวะเผยเยี่ยนอย่างนอบน้อม
เผยเยี่ยนยังคงมีสีหน้าเย็นชาเช่นเคย ทว่ากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เช้าตรู่เช่นนี้ จะเข้าไปน้อมทักทายผู้ใหญ่กันรึ?” พูดจบ ก็เหลือบมองพวกคุณหนูไปครั้งหนึ่ง
คุณหนูรองอายุมากที่สุด นางจึงตอบรับแทนพวกคุณหนูสกุลเผย
เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างอบอุ่นว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็รีบไปเถิด!”
พวกคุณหนูสกุลเผยคำนับให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะทยอยเดินผ่านหน้าเขาไป
ยามนี้ซวงเถาจึงพบว่าคุณหนูของตัวเองหายไปเสียแล้ว
แต่สถานการณ์เช่นนี้ นางก็ไม่อาจตะโกนเสียงดังไปทั่วได้ ครุ่นคิดว่ารอเผยเยี่ยนจากไปนางค่อยไปเสาะหา บางทีอวี้ถังอาจจะไปห้องรับแขกหรือสะดุดตาต้นไม้ใบหญ้าอยู่ตรงไหนสักแห่ง จึงรั้งตัวหยุดดู
เผยเยี่ยนกลับยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
อวี้ถังกระวนกระวายใจยิ่ง
หากรอถึงยามที่น้อมทักทาย ท่านแม่เฒ่าอี้และนายหญิงรองไม่พบนาง จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน!
หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ นางคงทำหน้าหนาฝ่าไปกับคุณหนูพวกนั้นแล้ว
อวี้ถังขบริมฝีปาก สอดส่องสายตาไปทั่ว คิดจะหาทางอื่นไปยังเรือนท่านแม่เฒ่าอี้และนายหญิงรอง
เผยเยี่ยนกลับเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยมาอยู่ใต้ต้นไม้ที่นางหลบ ปากยังขมุบขมิบพึมพำ “ได้ยินว่างานแต่งครั้งนี้ เป็นความต้องการของคุณหนูกู้เอง ก็ไม่รู้ว่ากู้ฉ่างจะตอบรับหรือไม่? หากกู้ฉ่างไม่รับปาก สกุลเผยและสกุลกู้ก็คงสัญญากันเพียงปากเปล่า ข้าและท่านแม่คัดค้านอย่างถึงที่สุด…ข้ายังลืมถามความเห็นของเผยถง หากเผยถงก็ไม่ยินยอม…”
เช่นนั้นงานแต่งครั้งนี้ก็จบไปเช่นนี้?
อวี้ถังต่อประโยคของเผยเยี่ยนในใจ มารร้ายในตัวนางกลับป้องปากขำอยู่ข้างในแล้ว
จบไปก็ดี กู้ซีจะได้ไม่แต่งเข้ามาในสกุลเผย ทำลายสกุลเผยจนพังไม่เป็นชิ้นดี
แต่ว่า เหตุใดกู้ซีถึงตอบรับงานแต่งครั้งนี้? นางและเผยถงคงจะไม่เคยพบกันมาก่อนกระมัง?
แต่ก็พูดยาก
บางทีกู้ซีอาจจะเคยพบเผยถง ตอนที่นางไม่รู้ก็ได้?
อวี้ถังสงสัยอยู่บ้างว่าเผยถงหน้าตาเป็นอย่างไร
หรือจะหล่อเหลาเหมือนเผยเยี่ยน กู้ซีจึงได้เปลี่ยนใจเพราะเหตุนี้?
หรือว่าเผยถงเห็นกู้ซีก็ถูกชะตาทันที?
เช่นนั้นญาติผู้น้องของเผยถงเป็นเรื่องอันใดกัน?
อวี้ถังคิดสับสนวุ่นวาย ตาทั้งสองข้างดูเลื่อนลอยอยู่บ้าง
ผลปรากฏว่าเสียงของเผยเยี่ยนกลับดังขึ้นข้างหูอย่างแปลกใจ “คุณหนูอวี้ เจ้ามายืนอยู่หลังต้นไม้ทำไม? ยังดีที่ข้าพบเจ้า ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวช่างซ่อมทางเข้ามา คงจะทำคุณหนูอวี้ตกใจเป็นแน่”
หมดกัน หมดกัน ถูกเผยเยี่ยนพบเสียแล้ว
ไฉนนางจึงโชคร้ายเช่นนี้?
อวี้ถังเผ่นแนบวิ่งหนีทันที
เสียงร้อนใจของเผยเยี่ยนกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง “ผิดทางแล้ว ผิดทางแล้ว คุณหนูอวี้ ทางนั้นเป็นสวนผักของอาราม ห้องน้ำในสวนก็อยู่ทางนั้น พวกนางต้องรดน้ำทุกวัน เจ้าก็ระวังอย่าไปเหยียบเข้าล่ะ”
หากอวี้ถังไม่เคยพักอยู่ที่อารามก็ยังพูดง่าย แต่นางเคยอยู่อารามดับทุกข์มาก่อน ย่อมรู้ว่าเผยเยี่ยนพูดคำนี้หมายความว่าอย่างไร
ชั่วขณะนั้นนางก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“คุณหนูอวี้!” น้ำเสียงแฝงความขำขันของเผยเยี่ยนดังขึ้นข้างหูนางอีกครั้ง
อวี้ถังหลับตาลง รู้สึกว่าตัวเองจะซวยซ้ำซวยซ้อนเกินไปแล้ว!
———————-
[1]คุณชายตงกัว เป็นเรื่องเล่าที่คุณชายตงกัวช่วยชีวิตหมาป่าที่ถูกคนอื่นไล่ล่า สุดท้ายเมื่อหมาป่ารอดพ้นจากความตายกลับกินคุณชายตงกัวเป็นอาหาร