ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - ตอนที่ 228 ฝากความ
เผยเยี่ยนไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เขารู้ ว่าทุกท่านที่นั่งอยู่ในนี้ไม่อาจตอบตกลงข้อเสนอของนายท่านสี่สกุลซ่งได้
เรื่องที่ต้องแบกหม้อเช่นนี้ ใครจะยินยอมเอาสกุลของตนเองไปเกี่ยวด้วยเล่า?
แต่นายท่านสี่สกุลซ่งก็ยังอ่านสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออก เขายังไล่ถามเผยเยี่ยนว่า “เจ้าคิดเช่นไร?”
เผยเยี่ยนมองนายท่านสี่สกุลซ่งทีหนึ่ง แต่กลับมองเห็นความจนปัญญาสะท้อนอยู่ในดวงตากระจ่างใสคู่นั้น
ใช่แล้ว ผู้ที่นั่งเป็นผู้นำสกุลได้ย่อมมิใช่คนโง่เขลา หากว่าสกุลซ่งไม่มีคนในราชสำนัก แล้วเนื้อปลาที่ปล่อยให้คนหั่นตัดได้ตามใจชิ้นนี้ นอกจากแสร้งเป็นหูหนวกตาบอด จับปลาในน้ำขุ่น ยังสามารถทำสิ่งใดได้อีกเล่า?
วินาทีนั้น เผยเยี่ยนรู้สึกยินดีอย่างไร้ใดเปรียบที่ลูกหลานของสกุลเผยล้วนมานะบากบั่น ทำให้เขายังพอมีทางหนีทีไล่สามารถพลิกแผนได้ ทั้งยังมีกำลังที่จะสยบคนพวกนี้
เขาเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ข้าบอกไปก่อนหน้าแล้วมิใช่รึ? ข้าเป็นคนส่วนน้อยเลือกตามเสียงส่วนมาก ข้าจะฟังเสียงส่วนใหญ่”
นัยน์ตาของนายท่านสี่ไม่อาจปิดบังความผิดหวังได้ สายตาที่ใช้มองเผยเยี่ยนพลันมีกระแสโหดเหี้ยมแวบผ่าน จากนั้นก็ยิ้มตาหยีแล้วขยับเข้าใกล้เผยเยี่ยน กระซิบบอกว่า “สกุลซ่งอาจจะสู้เมื่อก่อนไม่ได้ แต่อย่างไรเมืองซูโจวก็เป็นถิ่นของสกุลซ่ง หากบอกว่ามีเรื่องใดในซูโจวที่สกุลซ่งไม่รู้ นั่นคือเรื่องตลกแล้ว สยากวง เจ้ากับข้าเป็นญาติกัน เจ้าว่า พวกเราไปคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อยดีไหม ต่อให้สกุลเถาดีเด่ปานใด แต่พวกเขาก็เป็นแค่คนนอก”
เผยเยี่ยนไม่ขยับเขยื้อนสักนิด ทำเหมือนไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาพูด เขาหัวเราะเอ่ยว่า “คนนอกก็มีข้อดีของคนนอก อย่างน้อยก็ไม่คิดใช้ความเป็นพี่น้องมาเอาเปรียบข้า” พูดจบ ก็คล้ายนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงหันไปทางนายท่านสี่สกุลซ่งแล้วส่งยิ้มให้ แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับดุดัน ทั้งแฝงท่าทีครึ้มฟ้าครึ้มฝน “ข้าเกลียดเวลามีคนเอาเปรียบข้าที่สุด”
นายท่านสี่สกุลซ่งถูกท่าทางอำมหิตคล้ายจะฆ่าคนของเผยเยี่ยนทำเอาใจหายวาบ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สีหน้าขาวซีด ติดอ่างจนพูดไม่เป็นภาษา
เผยเยี่ยนกลับคืนสู่สีหน้าไร้อารมณ์ดังเก่า แล้วเดินเอื่อยเฉื่อยไปนั่งข้างเถาชิง
เถาชิงสนใจอย่างมากว่าเมื่อครู่เขาทำอะไรลงไป จึงกระซิบถามด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าว่าไม่ว่าจะหารือกันอย่างไร สุดท้ายก็เหมือนล้อเกลียววิ่งวน หมุนไปหมุนมา พูดแต่คำเดิมเรื่องเดิมซ้ำๆ อยู่แบบนี้ ไม่สู้กินข้าวเที่ยงแล้วแยกย้ายเถอะ ข้ากับเจ้าจะได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก ร้านค้าแผงลอยนอกวัดคงตั้งกันเสร็จแล้วกระมัง? พวกเราก็ไปดูเสียหน่อยว่ามีอะไรดีๆ ขายบ้าง”
ในสมองของเผยเยี่ยนมีภาพฤดูใบไม้ผลิลอยขึ้นมา ฉากกลุ่มเด็กสาวที่สวมชุดสวยงามน่ารักคล้องแขนกันเดินเลือกซื้อของที่ถูกใจจากร้านแผงลอยข้างทางนอกวัดเจาหมิง
ในใจเขาพลันวุ่นวายขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ถึงขนาดนั่งไม่ติดเก้าอี้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นกู้ฉ่างยังนั่งพูดซ้ำไปซ้ำมากับนายท่านใหญ่เผิงว่า “เรื่องนี้ตามหลักแล้วก็ควรแจ้งกับสกุลอินและสกุลลี่สักคำ พิธีบรรยายธรรมมิใช่มีอีกเก้าวันรึ? ข้าว่าไม่สู้รีบส่งจดหมายไปบอกพวกเขาสองสกุล ต่อให้ผู้ดูแลจะมาไม่ทันการ แต่ส่งเถ้าแก่ใหญ่มาสักคนก็ยังดี! สกุลอินมีลูกเขยอยู่ที่สำนักการทูต หากว่าทะเลาะกันขึ้นมา อาจเกิดเรื่องวุ่นวายได้”
พูดไปพูดมา กู้ฉ่างก็ทำเพื่อสะสมเส้นสายให้กับตนเอง ต้องการให้ทุกคนติดหนี้น้ำใจเขา
เผยเยี่ยนยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจกว่าเก่า
อาศัยสิ่งใดมาให้เขาลงมือแต่กู้ฉ่างได้เป็นเจ้าหนี้น้ำใจ?
โดยเฉพาะเมื่อกู้ฉ่างยังจะกลายเป็นพี่ชายภรรยาของกวนถงอีก
เผยเยี่ยนลุกยืนขึ้นอย่างกะทันหัน
คนที่มีอิทธิพลไม่ว่าเคลื่อนไหวไปทางใดล้วนถูกจับตามองเป็นพิเศษ
เผยเยี่ยนก็เช่นกัน
ดังนั้นหลังจากที่เขายืนขึ้น สายตาของทุกคนไม่เพียงหยุดอยู่ที่ร่างเขา คนที่กำลังพูดอยู่ยังเงียบเสียงทันควัน ตั้งหูคอยฟังเขาว่าต้องการพูดสิ่งใด
เผยเยี่ยนก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
สีหน้าเขาเย็นเยียบ น้ำเสียงเฉียบขาด แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “ตอนนี้มีสองเรื่อง เรื่องที่หนึ่ง จะให้กู้เจาหมิงกลับไปรายงานอย่างไร? เรื่องที่สอง สำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลจะถูกรื้อถอนหรือไม่ เรื่องแรกนั้น วัดเจ้าหมิงจัดพิธีบรรยายธรรม ให้เชิญเว่ยซานฝูมาชมความคึกคักที่วัดเจาหมิง ทุกคนก็นั่งหารือร่วมกันว่าจะทำอย่างไรกับเงินสองแสนตำลึง? เรื่องนี้ให้กู้เจาหยางเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนอีกเรื่องนั้น ข้าจะถือโอกาสไปเมืองซูโจวสักครั้ง ไปลองถามหวังชีเป่าถึงจุดประสงค์ที่เดินทางออกจากเมืองหลวงในครั้งนี้ ส่วนใครจะอยู่รอเว่ยซานฝูที่นี่ ใครจะไปซูโจวกับข้า ทุกคนให้สรุปกำหนดการมาเสียตอนนี้ ทุกคนแยกย้ายกันทำงาน” เขาพูดจบ ก็กวาดสายตามองทุกคนที่นั่งอยู่ในที่แห่งนั้นรอบหนึ่ง ถึงค่อยถามว่า “ใครมีความเห็นอื่นหรือไม่?”
การจัดการเช่นนี้นับว่าดีที่สุดแล้ว
เพียงแต่ประเด็นหลักก่อนหน้านี้ที่ว่าสกุลใหญ่ในเจียงหนานสกุลใดจะมาเป็นผู้แบกหม้อ…เงินสองแสนตำลึงนั้น กลับกลายเป็นวิธีแก้ปัญหาแทนที่กู้เจาหยาง
มุมปากของกู้ฉ่างกระตุกเล็กน้อย พยายามจะพูดบางอย่าง แต่พอเงยหน้าเห็นท่าทางร้อนใจอยากลงมือของนายท่านใหญ่สกุลเผิง เขาก็รีบหุบปากทันที
เผยเยี่ยนออกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อทุกสกุล หากเขาพูดอะไรออกไปในตอนนี้มีแต่จะทำลายประโยชน์ที่ทุกคนจะได้ ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจเปล่าๆ ถึงขนาดอาจถูกมองว่ามีจุดประสงค์ส่วนตัวอื่นด้วย
ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนไม่ถูกต้องไปเสียหมด!
มีเพียงอยู่เงียบๆ และไม่ต้องเปิดปาก
นายท่านใหญ่สกุลเผิงดีใจเป็นที่สุด
เงินสองแสนตำลึงนั่นเขาคร้านจะใส่ใจ เรื่องของสำนักตรวจสอบการค้าทางทะเลสามารถย้ายร่างของเผยเยี่ยนให้มาเป็นผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ เป้าหมายข้อแรกที่ทำให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่นับว่าบรรลุผลแล้ว
เขาลุกยืนขึ้นมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม กล่าวชื่นชมเผยเยี่ยนว่า “ความคิดของสยากวงนับว่าเหมาะสม ข้าคิดว่าใช้ได้! ส่วนของขวัญที่จะนำไปเยี่ยมหวังชีเป่า พวกเราสกุลเผิงยินดีจะออกเงินให้สยากวงเอง!” พูดถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะออกมาเพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนตลก แล้วเอ่ยต่อว่า “สยากวง ข้ามิได้หมายความว่าสกุลเผยของเจ้าควักเงินออกมาไม่ได้ สิ่งที่ข้าจะพูดก็คือ ไม่อาจให้เจ้าออกทั้งแรงออกทั้งเงิน พวกเราเหล่านี้ที่นั่งเสพสุขกับความสำเร็จอยู่ข้างๆ อย่างไรก็ควรออกกำลังทรัพย์เพื่อมิให้เป็นการผิดต่อเจ้าจริงหรือไม่”
วาจาของเขาเตือนสติทุกคน
แต่ละคนต่างส่งเสียงบอกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับของขวัญที่จะนำไปเยี่ยมหวังชีเป่านั้น พวกเขายินดีจะหารเท่าๆ กัน
เผยเยี่ยนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
อวี้ถังทางนี้ได้รับขนมกินเล่นที่เผยเยี่ยนส่งคนมามอบให้แล้ว
นางมองกล่องไม้ไผ่ที่กองอยู่เต็มพื้นกับกล่องไม้ที่จัดเรียงบนโต๊ะกลม ชี้นิ้วใส่ตนเองด้วยความฉงน แล้วถามย้ำกับหูซิ่งอีกรอบว่า “เจ้าบอกว่า ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่นายท่านสามมอบให้ข้ารึ?”
หูซิ่งพยักหน้าหงึกหงัก มองดวงหน้าสะสวยของอวี้ถัง ทางหนึ่งลอบถอนหายใจที่อวี้ถังยิ่งโตก็ยิ่งงาม ทางหนึ่งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มแฉ่งว่า “นายท่านสามยังฝากคำมาให้ท่านด้วยขอรับ บอกว่าพรุ่งนี้คุณหนูกู้จะไปร่วมพิธีบรรยายธรรมเช่นกัน ให้ท่านไปแต่เช้าด้วยขอรับ”
ทำไมต้องไปแต่เช้าด้วย?
เป็นวิธีต่อกรกับกู้ซีรึ?
ถึงเวลานั้นนายหญิงของแต่ละสกุลย่อมอยู่กันครบ นางคิดว่าตัวเองไม่ได้มีหน้าใหญ่หน้าโตถึงเพียงนั้น!
อวี้ถังได้ฟังก็พลันโมโห
นางหันไปมองข้าวของที่แทบจะกินพื้นที่ไปครึ่งห้อง ในใจเหมือนมีน้ำต้มที่กำลังเดือดปุดๆ
เผยเยี่ยนหมายความว่าอย่างไร?
พยายามคืนดีกับนางอย่างนั้นรึ?
วันนั้นที่นางโกรธ เขามองออกด้วยรึ?
อวี้ถังจิกผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือ
ความจริงเผยเยี่ยนผู้นี้ไม่เลวเลย
แม้ปากจะคมกริบ แต่เป็นคนจิตใจดี ถึงจะเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่เมื่อทำผิด เขาก็ยังยอมรับ
มุมปากของอวี้ถังยกเป็นรอยยิ้ม
คิดๆ ดูแล้วขนมที่เผยเยี่ยนส่งมาให้ความจริงก็น่ารักดี แต่ออกจะเหมือนเด็กไปหน่อย
มิน่ามารดานางถึงบอกว่า อย่ามองว่าบุรุษเป็นเสาหลักของบ้าน แต่ในร่างนั้นมีเด็กน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่ บางครั้งก็ออกมาดื้อซนให้เห็น ถึงเวลานั้นต้องกล่อมโอ๋เอาไว้ ห้ามตำหนิต่อว่าเด็ดขาด
เช่นนั้นนางก็ให้อภัยเผยเยี่ยนเลยแล้วกัน
อวี้ถังหยิบกล่องไม้ที่ใส่วอซือถังขึ้นมา
หูซิ่งรีบบอกว่า “สิ่งนี้ส่งมาจากเมืองหลวงขอรับ ปกติตอนปีใหม่สกุลเราจะสั่งซื้อมาเยอะ ไว้ให้คนในจวนกิน ทั้งมอบให้เป็นของขวัญ แต่ว่าส่วนที่มอบออกไปล้วนให้แต่เพื่อนสหายเก่าแก่ทั้งสิ้น คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ให้เป็นของขวัญขอบคุณหรอกขอรับ” เขาพูดไป ก็ลุกขึ้นไปค้นหาของ แล้วหยิบเอากล่องสี่เหลี่ยมที่ทำจากกระดาษหนังวัวออกมา ตรงกลางเขียนอักษร ‘ฝู’ สีแดงด้วยลายมืออักษรลี่เอาไว้ เขาเอ่ยว่า “ท่านต้องลองชิมสิ่งนี้ขอรับ เป็นสกุลเถาส่งมาให้ ขนมข้าวหวานเย็นของเฟิงเฉิงแห่งเจียงซี พวกเราทางนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นหรอกขอรับ”
อวี้ถังกล่าวขอบคุณพลางยิ้มให้ ยิ่งรู้สึกว่าเมื่อครู่นางต้องเข้าใจเผยเยี่ยนผิดไปแน่ๆ
เผยเยี่ยนให้คนมาส่งความบอกต่อ ว่าพรุ่งนี้กู้ซีจะเข้าร่วมพิธีบรรยายธรรมด้วย คงเพราะกลัวว่านางจะคิดชิงดีชิงเด่นกับกู้ซี ถึงได้เอ่ยเตือนสตินางเป็นพิเศษ
“ข้ารู้แล้ว!” อวี้ถังรับรายการของขวัญมา ยิ้มพลางบุ้ยใบ้บอกซวงเถาไปชงชามาให้หูซิ่ง “ขอบคุณท่านมาก! ต้องลำบากให้ท่านมาด้วยตนเอง”
“มิได้ๆ” หูซิ่งตอบกลับอย่างนอบน้อม คิดว่าตนเองสมควรจะเกรงอกเกรงใจสกุลอวี้ให้มากกว่าเก่า
อวี้ถังถามเขาว่า “นายท่านสามกำลังทำอะไรอยู่รึ? ข้ารับของขวัญของเขามา อย่างไรก็ต้องคิดหาทางมอบของขวัญกลับถึงจะถูก”
นี่คือการสอบถามความเคลื่อนไหวของเผยเยี่ยน
หูซิ่งไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อะไร
สกุลเผยเป็นเจ้าบ้าน การนั่งสนทนากับผู้นำของหลายๆ สกุลที่มาร่วมงานบุญ นับเป็นเรื่องปกติที่สุดแล้ว
เขาตอบว่า “ยืมใช้โถงใหญ่ฝั่งตะวันตกของห้องทำสมาธิในวัดเจาหมิงเป็นที่รวมตัวสนทนากันขอรับ! คาดว่าอาหารเที่ยงก็คงกินกันที่ห้องโถงนั้นเลย อาหารเย็นยังมิรู้ได้ แต่กว่าจะกลับที่พักก็คงดึกมากแน่”
หมายความว่า วันนี้ไม่มีโอกาสเลยน่ะสิ!
แต่การที่เผยเยี่ยนสนทนากับผู้นำของสกุลใหญ่ๆ ย่อมไม่เหมือนกับพวกนางสตรีเรือนในที่ถกเถียงเรื่องเสื้อผ้าเครื่องประดับ พวกเขาคงคุยกันเรื่องกิจการในตอนนี้ เช่นนั้นพวกเขาจะหารือกันเรื่องรัชทายาทด้วยหรือไม่?
อวี้ถังค่อนข้างจะร้อนใจ
นางเอ่ยว่า “ได้ยินว่าใต้เท้ากู้ก็มาด้วย ไม่รู้การมาครั้งนี้เป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานกันแน่?”
แน่นอนว่าหูซิ่งรู้อะไรย่อมจะบอกจนหมดเปลือก “ข้าก็ไม่รู้ขอรับ ท่านผู้นำสกุลหลายคนคุยกันอยู่ในโถงนั้น งานดูแลของว่างน้ำชาล้วนมอบหมายให้เผยชีจัดการคนเดียว เขาเป็นผู้ติดตามข้างกายนายท่านสามขอรับ”
หมายความว่า คนในห้องโถงนั้นคุยเรื่องอะไรกัน ต้องเก็บเป็นความลับอย่างนั้นสิ?
อวี้ถังพลันมีคำตอบในใจ นางส่งยิ้มหวานให้หูซิ่งแล้วเอ่ยว่า “หากข้าต้องการไปขอบคุณนายท่านสาม ท่านว่าเวลาใดจึงจะเหมาะสม?”
หูซิ่งมีเจตนาจะเอาใจอวี้ถัง จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ให้คำตอบไม่ได้เลยขอรับ แต่ข้าจะคอยจับตาดูให้ ทันทีที่ได้ข่าวจะส่งคนมาแจ้งท่านทันที”
อวี้ถังขอบคุณหูซิ่ง แล้วเทน้ำชาให้
หูซิ่งย่อมไม่กล้านั่งแช่อยู่นาน เขาลุกขึ้นขอตัวแล้วกลับไปที่ห้องโถง
คนด้านในยังคงคุยกันไม่จบ
เขาฝากเผยชีบอกความแก่นายท่านสามว่า “คุณหนูอวี้อยากมาขอบคุณนายท่านสาม”
แม้เผยชีจะไม่ชอบที่อวี้ถังจะมารบกวนเผยเยี่ยนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ แต่จะพบหรือไม่มิใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินใจได้ เขาควรจะไปรายงานให้ทราบก่อนจะดีกว่า
พอเผยเยี่ยนได้ฟังก็ค่อนข้างจะได้ใจ
เห็นชัดว่าเด็กสาวชอบให้ง้องอน พอเอาใจหน่อยก็ว่านอนสอนง่ายแล้ว
เขาคิดว่าต่อไปมีหรือไม่มีเรื่องใดก็ควรส่งขนมของว่างไปให้อวี้ถังบ่อยๆ นางจะได้เลิกดื้อดึงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเสียที แค่หยอกนางไม่กี่คำก็เป็นเรื่องแล้ว ยังจะมาโกรธเคืองเขาอีก!
เผยเยี่ยนอยากจะเมินเฉยใส่อวี้ถังบ้าง
เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “ขอบคุณคงไม่ต้อง พรุ่งนี้ให้เข้าร่วมพิธีบรรยายธรรมตรงเวลา ห้ามไปทะเลาะกับคุณหนูกู้ ถูกเอาเปรียบหน่อยก็ไม่เป็นไร”
อวี้ถังได้รับสารตอบกลับ นางถึงกับเดือดดาลจนพูดไม่ออกอีกครั้ง
นี่เขาเป็นคนเช่นไรกัน!
ยังฝากให้คนมาบอกความกับนางเป็นพิเศษ เพื่อเตือนนางไม่ให้หาเรื่องกู้ซี?
นางเคยหาเรื่องกู้ซีก่อนตั้งแต่เมื่อไรกัน?
เผยเยี่ยนพูดเช่นนี้ไม่ยุติธรรมสักนิด!
หรือเพราะกู้ซีกลายเป็นหลานสะใภ้ของเขาแล้ว เขาถึงได้เริ่มเอนเอียงเข้าข้างกู้ซี?
————————————————————-