ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 272 หาคน
อินเฮ่ากลับมาถึงที่พัก เด็กรับใช้ก็บอกเขาว่า “นายท่านสามรอท่านที่นี่สักพักแล้วขอรับ เห็นว่าท่านยังไม่กลับมาจึงออกไปแล้ว”
“เขาไปนานแค่ไหนแล้ว?” อินเฮ่าตะลึงงัน เอ่ยว่า “เขาไม่ได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้รึ?”
เด็กรับใช้สั่นศีรษะ เอ่ยว่า “นายท่านสามเพิ่งไปได้ประมาณหนึ่งเค่อ ได้ยินว่าท่านไม่อยู่ เขาจึงเอาแต่นั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักประโยคเดียวขอรับ”
อินเฮ่ากลัวเผยเยี่ยนมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ไม่แม้แต่จะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไปหาเผยเยี่ยนถึงที่พักทันที
ใครจะรู้ว่าเด็กรับใช้ในห้องเผยเยี่ยนกลับบอกว่าเขาไม่อยู่ ถามเด็กรับใช้คนนั้นว่าเผยเยี่ยนไปไหน เด็กรับใช้ก็ไม่รู้
อินเฮ่าทำได้เพียงเรียกผู้ดูแลสี่เข้ามา ให้เขาช่วยตามหาเผยเยี่ยน
ผู้ดูแลสี่ถามคนไม่กี่คน จึงพบว่าเผยเยี่ยนไปหาเถาชิง
แม้สกุลอินและสกุลเผยจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาหลายชั่วอายุคน แต่หากไม่ได้รับการกำชับจากเผยเยี่ยน เขาก็ไม่ควรบอกรายละเอียดการเดินทางของเผยเยี่ยนให้อินเฮ่ารับรู้
ถึงแม้ผู้ดูแลสี่จะทราบว่าเผยเยี่ยนไปที่ใด แต่ก็ยังทำเป็น ‘หาคน’ ต่อไป
พาให้อินเฮ่ารอจนกระวนกระวายใจ
—
ด้านเผยเยี่ยน กลับกำลังขวางเถาชิงที่หน้าประตู
เถาชิงเห็นเขา ก็ปรากฏสีหน้าดีใจ ดึงเขาเข้ามาเอ่ย “เจ้ามาพอดี ข้าได้เตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว หยกแกะสลักชั้นดี สายคาดเอวหยกขาวมันแพะที่ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย ยังมีงานเขียนตัวอักษรและภาพวาด วัตถุโบราณต่างๆ ล้วนเป็นของที่ข้าให้คนเอามาจากสกุลอื่นก่อน ข้าคำนวณดูแล้ว อย่างไรก็ต้องให้ถึงจำนวนนี้ให้ได้” เขาชูฝ่ามือห้านิ้วออกมา
เผยเยี่ยนเดินเคียงกับเถาชิงไปในห้อง ทั้งเอ่ยด้วยยิ้มเย็นไปพลาง “พี่ชาย ของพวกนี้ หากส่งให้ข้ายังพอว่า แต่ส่งให้หวังชีเป่า…ข้าจะพูดกับท่านตามตรงแล้วกัน เขามีชาติกำเนิดต่ำต้อย นอกจากทองคำแล้ว ก็ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น”
“หา!” เถาชิงมองเด็กรับใช้ของตัวเองที่รับภาระหนัก หยุดฝีเท้าลง เร่งเอ่ยว่า “สยากวง ข้าเขียนสัญญากู้ยืมให้เจ้า เจ้าให้ข้ายืมทองพันตำลึงก่อน คล้อยหลังข้าจะให้คนนำไปคืนที่ร้านขายเครื่องเงินในกว่างโจวของสกุลพวกเจ้า เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”
หากเผยเยี่ยนไม่อยากช่วยเขา ก็คงไม่เตือนเขาหรอก
เขาพยักหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะยกฝีเท้าเดินไปยังห้องหนังสือกับเถาชิง “พี่ชาย ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”
เถาชิงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเร็วขึ้นมาสองก้าว เดินขึ้นมาเคียงไหล่กับเผยเยี่ยน เอ่ยว่า “เจ้าพูดมา!”
ในใจกลับกำลังคิดว่า คงไม่ใช่เรื่องของคุณหนูอวี้คนนั้นอีกกระมัง?
คิดอะไรสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ!
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “พี่ชาย ข้ารู้ว่าท่านเดินขึ้นเหนือล่องใต้ ไม่แน่ว่าจะพบเจอกับเรื่องอะไรในยามใด ดังนั้นในสกุลจึงอบรมเลี้ยงดูผู้คุ้มกันขึ้นมาโดยเฉพาะ หากข้าจำไม่ผิด ก่อนที่ท่านจะเป็นผู้นำสกุล เรื่องในสกุลมีท่านย่าน้อยของท่านคนหนึ่งที่เป็นคนคอยตัดสินใจ แม้ว่านางจะไม่ได้ดูแลกิจการทุกอย่าง กลับคอยจัดการร้านค้าและเรือกสวนไร่นาของสกุลพวกเจ้า ย่อมมีความจำเป็นต้องออกจากเรือน ผู้คุ้มกันที่ติดตามคงไม่ใช่ผู้ชาย ท่านว่าจะสามารถส่งสาวใช้ที่เป็นวรยุทธ์ให้ข้าสักสองคนได้หรือไม่ หากเป็นหญิงวัยกลางคนก็ยิ่งดี แม้จะเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้าก็ยินดีซื้อเข้ามาทั้งหมดเช่นกัน”
เถาชิงเลิกคิ้ว จงใจเอ่ยว่า “แต่ไหนแต่ไรสกุลเผยของพวกเจ้าก็สะสมบุญบารมี คนภายนอกเข้าหลินอันมาก็ไม่เคยท้าทายสกุลพวกเจ้ามาก่อน เจ้าต้องการสาวใช้เป็นวรยุทธ์ไปทำไมกัน? ทั้งยังต้องการเพียงสองคน หากข้าจำไม่ผิด สตรีในเรือนของพวกเจ้าก็มีจำนวนมากอย่างยิ่ง เจ้าขอแค่สองคน จะพอใช้รึ?”
ยามนี้เผยเยี่ยนจึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำเรื่องพลาดไป
เขาทำได้เพียงกัดฟันเอ่ย “ข้าไม่ใช่กลัวว่าหากต้องการมาก ท่านจะไม่ให้หรอกรึ?”
เถาชิงเอ่ย “ท่านย่าน้อยของข้าดูแลสกุลมากว่าสามสิบปี คนข้างกายเพิ่มมากขึ้นไม่รู้ตั้งเท่าใด อย่างไรก็ต้องมีประมาณยี่สิบสามสิบคน แม้จะเป็นหญิงรับใช้ข้างกายของคุณหนูสวีผู้นั้น ตอนแรกก็เป็นท่านผู้เฒ่าสวีที่เอ่ยปากขอเช่นกัน เจ้าช่วยสกุลพวกเรามากมายเพียงนี้ อย่าพูดเลยว่าสาวใช้เป็นวรยุทธ์สองคน แม้ว่าจะสิบกว่าคน ข้าก็ต้องคิดวิธีเอามาให้เจ้าจงได้!”
เดิมทีนี่ควรเป็นประโยคที่แสดงความสนิทสนม แต่น้ำเสียงที่เถาชิงพูด เมื่อตกอยู่ในหูเผยเยี่ยน ไฉนจึงฟังแล้วรู้สึกว่าแฝงความนัย ทั้งเถาชิงยังฉลาดหลักแหลม เผยเยี่ยนคิดจะหาผลประโยชน์จากมือเขา นั่นก็ต้องดึงพลังทั้งหมดขึ้นมารับมือถึงจะเพียงพอ สมองเขาแล่นอย่างว่องไว เอ่ยว่า “พี่ชาย ท่านพูดเช่นนี้ จะไม่ให้คนแล้วกระมัง! นี่ไม่ได้ตำหนิที่ข้าช่วยเหลือท่านแล้วหวังให้ตอบแทนคืนหรอกรึ? ท่านไม่อาจขุดหลุมให้ข้าเช่นนี้ได้!”
เถาชิงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวว่าเจ้าช่วยข้าเพื่อหวังให้ตอบแทนคืน เจ้าก็จะไม่เอาคนจากข้าแล้วอย่างนั้นรึ?”
เผยเยี่ยนชะงักไป
แต่ก็เข้าใจว่าเถาชิงกำลังหยอกล้อเขาอยู่
ก็หมายความว่า เถาชิงมองจุดประสงค์ของเขาออกแล้ว
ชั่วขณะนั้นเขาก็ร้อนหูไปหมด สีหน้ากลับไม่ชัดเจนนัก เอ่ยตามตรงไปอย่างไม่อาย “พี่ชาย ท่านพูดมาเถิดว่าจะให้หรือไม่ให้? ข้าต้องใช้อย่างเร่งด่วน! หากยืมคนของท่านที่นี่ไม่ได้ ข้าก็เตรียมจะขอความช่วยเหลือจากพี่รองอิน” พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็แสร้งถอนหายใจอย่างจนใจ “ท่านก็รู้ว่าพี่รองอินผู้นี้อะไรก็ดีทุกอย่าง เพียงแค่ดื่มสุราแล้วควบคุมปากตัวเองไม่ได้อยู่บ้างเท่านั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ชอบพูดกับพี่สะใภ้รองอิน ข้าไตร่ตรองดู คิดว่ามาหาพี่ชายน่าจะไว้ใจได้มากกว่า”
เผยเยี่ยนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เคยล้มเหลว
เถาชิงคิดว่าหยอกเล่นเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หากพูดต่ออีก คาดว่าเผยเยี่ยนคงปะทุโทสะ หากล่วงเกินเผยเยี่ยนเพราะเรื่องนี้ นั่นก็ไม่สมควรแล้ว
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าวางใจ ข้าจะให้คนไปเลือกคนจากสกุลมาให้สองคนเดี๋ยวนี้ คนในเรือนล้วนเป็นวรยุทธ์ทั้งนั้น เจ้าอยากได้วัยกลางคนก็มีวัยกลางคน อยากได้สาวใช้ก็มีสาวใช้ หรือจะเป็นเด็กก็ยังมี สรุปแล้ว รับรองว่าคนอื่นคาดไม่ถึงแน่นอน”
เผยเยี่ยนนั้นอยากได้คนเช่นนี้ในสกุลเถาชิงอยู่บ้างจริงๆ
เขาโบกมือพัลวัน เอ่ยอย่างสบายๆ “พี่ชาย ท่านไม่เห็นข้าเป็นคนนอก ข้าก็ไม่เห็นท่านเป็นคนนอกเช่นกัน เช่นนั้นทองพันตำลึง ก็ถือเสียว่าเป็นเงินซื้อตัวผู้คุ้มกันสองคนนั้น ท่านก็อย่าได้คืนเลย”
เถาชิงเบิกตาโต คล้อยหลังก็หัวเราะเสียงดัง “เงินหนาเสียจริง! เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้แล้วกัน!”
หลายวันมานี้เขาส่งของออกไปไม่น้อย เงินของร้านค้าไม่กี่แห่งที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนถูกเขาโยกย้ายสับเปลี่ยน ร้านค้าที่อยู่ห่างออกไปก็ไกลเกินจะดึงมาช่วยได้ทัน นำเงินก้อนนี้ของเผยเยี่ยนสับเปลี่ยนมาใช้ก่อนก็ดีเหมือนกัน
เผยเยี่ยนสมใจปรารถนาแล้ว ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
คิดว่าทองหนึ่งพันตำลึงซื้อคนเก่าแก่ของสกุลเถา ยังคงนับว่าคุ้มค่า
ทั้งเมื่อเป็นเช่นนี้ เรือนในของสกุลก็จะมีกำลังคนที่คนอื่นนึกไม่ถึงเพิ่มมากขึ้น
เขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะเขียนตั๋วเงินออกมาหนึ่งใบมอบให้เถาชิง นอกจากจะให้เถาชิงส่งคนไปหาผู้ดูแลเพื่อเอาทองแล้ว ยังเสนอความเห็นให้เถาชิง “มิสู่ท่านนำไปหล่อเป็นวัวทอง ถ้วยทองอะไรพวกนั้น มอบให้หวังกงกง[1]”
เถาชิงได้สืบมาแล้วว่าหวังชีเป่าเกิดปีฉลู
เขาเข้าใจทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!”
วัวทอง ถ้วยทองนับเป็นอะไรกัน เขาจะส่งต้นอู๋ถง[2]ทองให้หวังชีเป่าต้นหนึ่งแล้วกัน
เถาชิงนึกถึงทองหนึ่งพันตำลึงนั้น ก็เอ่ยกับเผยเยี่ยน “ยามที่เจ้าไป ก็นำตัวหญิงรับใช้ที่กวาดเรือนข้าไปใช้ก่อน รอยามที่เจ้ากลับหลินอันแล้ว ค่อยส่งคืนมาให้ข้า”
เผยเยี่ยนคาดไม่ถึงว่าในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้จะมีคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้อยู่ เขาเอ่ยอย่างหน้าหนา “พี่ชาย ท่านขี้เหนียวถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด? ในเมื่อส่งคนมาให้ข้าแล้ว จะเอากลับไปอีกได้อย่างไร เช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านก็ให้ข้าพากลับหลินอันไปเลย!”
เถาชิงอดไม่ได้ เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากมอบคนให้เจ้า แต่หญิงผู้นี้เคยรับใช้ท่านย่าน้อยของข้ามาก่อน ยามที่ท่านย่าน้อยจากไป กล่าวว่าให้เลี้ยงดูนางที่หังโจว เป็นนางที่ว่างไม่มีเรื่องราวอันใด จึงเป็นฝ่ายเสนอตัวมาช่วยเหลือในโรงเตี๊ยม ข้าก็ไม่อาจฝืนใจนาง”
เผยเยี่ยนคิดอย่างว่องไว เอ่ยว่า “เช่นนั้นหากนางยินดีที่จะรั้งตัวอยู่เอง ท่านก็ไม่ขัด!”
เถาชิงยื่นมือหมายจะตีคน
เผยเยี่ยนยกเท้าวิ่งออกไปด้านนอกทันที
เถาชิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ตะโกนไล่หลังเขา “เจ้าอย่าได้ทำเรื่อยเปื่อย ข้าพูดความจริง คนอื่นยินดีไปหรือไม่ก็ต้องพูดเกลี้ยกล่อมดู!”
เผยเยี่ยนไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ในเมื่อถูกเลี้ยงดูแล้วยังยินดีจะช่วยเหลือในกิจการของสกุลเถา นั่นก็หมายความว่ายังไม่ลืมบุญคุณเจ้านาย ไฉนจะใช้งานไม่ได้
เผยเยี่ยนคิดว่าหญิงรับใช้ผู้นี้ย่อมปกป้องอวี้ถังได้อย่างรอบคอบถี่ถ้วน เป็นฝ่ายเสนอตัวทำเองกับทำเรื่องอย่างขอไปทีแทบจะเป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง มิสู้เขาเป็นฝ่ายให้ความเคารพ ไปเชิญหญิงผู้นี้มาด้วยตัวเอง
เถาชิงกล่าวว่าหญิงผู้นั้นยังไม่เคยแต่งงาน สกุลเถามอบนามสกุลให้นางใช้ คนจึงเรียกว่าป้าเถา แม้ว่าจะหกสิบปีแล้ว หลังกลับหยัดตรง หูตาไม่ฝ้าฟาง ผมขาวโพลนแต่ใบหน้ากลับเปล่งปลั่ง สีหน้าดีอย่างยิ่ง
รู้ถึงจุดประสงค์ที่เถาชิงพาเผยเยี่ยนมา ป้าเถาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย รับปากจะไปช่วยกวาดเรือนทางเผยเยี่ยนทันที
อย่างไรเถาชิงก็ใจอ่อนอยู่บ้าง เอ่ยกับป้าเถาผู้นั้นเสียงเบาว่า “ครั้งนี้สกุลเถาประสบเรื่อง ท่านก็คิดเสียว่าช่วยเหลือข้าแล้วกัน”
ป้าเถาคำนับให้เถาชิงอย่างนอบน้อม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชีวิตของข้าได้ท่านย่าน้อยคอยช่วยเหลือไว้ ยามที่นางมีชีวิตก็คิดจะปกป้องพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถใช้งานข้าได้ นั่นก็นับเป็นเกียรติของข้า ไหนเลยจะต้องให้เจ้านายร้องขอ ข้าจะไปเก็บของตามนายท่านเผยไปเดี๋ยวนี้”
เผยเยี่ยนเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าเย่อหยิ่งจองหอง เอ่ยขอบคุณกับป้าเถาอย่างเกรงใจ
ป้าเถาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า ‘มิกล้า’ ก่อนจะไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของ
เถาชิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าที่เป็นพี่ชายคงไม่ได้ทำให้เจ้าผิดหวังกระมัง?”
คำพูดดีๆ เผยเยี่ยนก็กล่าวเป็น เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่อย่างนั้นทุกคนจะเรียกท่านว่า ‘พี่ชาย’ ตามใต้เท้าเถาได้อย่างไร!”
ถูกสหายของน้องชายยอมรับ สำหรับเถาชิงก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว
ทั้งสองคนคุยเล่นไม่กี่คำ ทั้งพากันคาดเดาสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไปพบหวังชีเป่า ยามนี้เถาชิงจึงค่อยส่งเผยเยี่ยนและป้าเถาออกจากประตูด้วยตัวเอง
รอจนกลับมาถึงสกุลเผย เผยเยี่ยนก็ถูกอินเฮ่าขวางอยู่หน้าประตู
เขามองป้าเถาที่อยู่ด้านหลังเผยเยี่ยน ก็พูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่
เผยเยี่ยนคร้านจะสนใจเขา เอ่ยกับอินเฮ่าว่า “ไม่ว่าเจ้าจะมีเรื่องอะไร รอข้ากลับมาแล้วค่อยว่ากันเถิด” คล้อยหลังก็คล้ายกับได้ของเล่นที่น่าสนุกมาชิ้นหนึ่ง เดินไปหาอวี้ถังด้วยความกระตือรือร้น
อวี้ถังพักผ่อนแล้ว
ชิงหยวนจึงรับคำสั่งไปปลุกอวี้ถัง
อวี้ถังขยี้ตาอย่างสะลึมสะลือ เอ่ยด้วยความง่วงงุน “นายท่านสามพาหญิงรับใช้คนหนึ่งเข้ามา ให้ข้าตื่นไปพบเขา?”
ชิงหยวนยิ้มฝืดเฝื่อน เอ่ยว่า “นายท่านสามพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
อวี้ถังนิ่งงันอยู่ตรงนั้น จวบจนชิงหยวนรินชาให้นางดื่มไม่กี่คำ จึงค่อยดึงสติกลับมา
เผยเยี่ยนผู้นี้ จะทำอะไรอีกแล้ว?
อวี้ถังรำคาญยิ่งกว่าอะไรดี ข่มกลั้นอารมณ์ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ไปพบเผยเยี่ยนที่ห้องโถง
เผยเยี่ยนกำลังขมวดคิ้ว เดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้น
คนที่ไม่คุ้นเคยเขา ย่อมจะคิดว่าเขาร้อนใจอยู่ แต่ในสายตาของชิงหยวนที่รับใช้เขามาตั้งแต่เล็กกลับมองออกอย่างชัดเจนว่าเผยเยี่ยนกำลังตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ชิงหยวนอดมองอวี้ถังไปทีไม่ได้
อวี้ถังควบคุมไม่ให้ตัวเองหาวอย่างยากลำบาก ท่วงท่ากิริยาจึงแฝงความเหนื่อยหน่ายอยู่บ้าง คล้ายกับดอกที่งามสะพรั่ง เบ่งบานอย่างครึ่งๆ กลางๆ ใต้แสงไฟที่ขมุกขมัว
เผยเยี่ยนตาค้างอยู่บ้าง จวบจนอวี้ถังถามเขาว่าเข้ามาดึกขนาดนี้ มีเรื่องสำคัญอะไร หัวใจเขาจึงค่อยบีบรัด ดึงสติกลับคืนมา
————————
[1]กงกง เป็นคำที่ใช้เรียกให้เกียรติขันที
[2]ต้นอู๋ถง ต้นเมเปิ้ล