ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 286 ดีใจ
เห็นอวี้ถังกังวลอยู่บ้าง เผยเยี่ยนก็รีบสั่นศีรษะ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ไม่ เจ้าพูดถูกแล้ว เป็นข้าที่…”
ปีนั้นยามที่บิดาเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เป็นช่วงที่เขาชอบเที่ยวก่อเรื่องไม่รู้จักหนักเบาพอดี
บิดาอยากใช้เรื่องนี้บอกหลักการ ‘ผู้ประพฤติดีย่อมจะมีแต่คนให้ความช่วยเหลือ ผู้ที่ทำชั่วย่อมมีแต่คนตีจาก’ ให้เขาฟัง แต่เขากลับรู้สึกว่าหยวนเหมยจือทำถูก ผู้ที่ทำการใหญ่ไม่ควรใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ทั้งที่สกุลใหญ่ของเจียงหนานก็ถูกจัดการ ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถ รับผลประโยชน์จากเฉินหมิน กลับไม่มีความเด็ดขาด ยามที่หยวนเหมยจือแก้แค้นเฉินหมินกลับไม่ยืนสนับสนุนอย่างทันท่วงที สมควรที่จะซวยแล้ว
เขายังจำแววตาแฝงความเจ็บปวดที่บิดามองเขาในยามนั้นได้ดี
บิดายังกำชับเขาด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า ‘เจ้าไปตรวจสอบเรื่องของปีนั้นให้ข้าดีๆ ใช้เรื่องนี้เพื่อเรียนรู้เสีย’
เดิมทีเขาก็ไม่อยากไปตรวจสอบ
แต่ยามนั้นบิดากำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเพราะเรื่องงานแต่งของพี่ใหญ่พอดี เขาสงสารบิดา จึงไปตรวจสอบเอกสารราชการในปีนั้นอย่างเชื่อฟัง รู้ว่าภายหลังหยวนเหมยจือถูกสกุลใหญ่ของเจียงหนานร่วมมือจัดการ นอกจากจะตายในคุกแล้ว ยังเหลือชื่อเสียงขุนนางชั่วเอาไว้ สกุลที่เพิ่งรุ่งเรืองมีอนาคตกลับถูกกดหัว ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีบัณฑิตออกมาอย่างจริงๆ จังๆ เลยสักคน
คนทุกคนล้วนไม่เหมือนกันจริงๆ
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังอย่างละเอียด
ใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง ดวงตากระจ่างใส ผมสลวยดำขลับราวกับดอกไม้ที่เงียบเหงา มองครั้งแรกก็เห็นเพียงสีสันฉูดฉาด กลับไม่รู้ว่าร่างของนางยังแฝงกลิ่นหอมอ่อนๆ
เผยเยี่ยนยกยิ้มมุมปากกับตัวเอง
เหมือนกับผู้ใหญ่หลายคนที่กล่าวถึงเขาตั้งแต่เด็กว่า เขามีนิสัยเย็นชามาตั้งแต่กำเนิด เชื่อมั่นความสามารถและวิธีการมากกว่าความรู้สึกของมนุษย์
คุณหนูอวี้อาจจะมีนิสัยตั้งแต่กำเนิดเช่นกัน
แต่เป็นนิสัยที่เชื่อมั่นในความรู้สึกของมนุษย์ตั้งแต่กำเนิด?
นี่ก็นับเป็นเรื่องที่เขาล่วงรู้โดยคาดไม่ถึงเช่นกัน!
เดิมทีเขาอยากจะโน้มน้าวอวี้ถังมาเที่ยวที่ลำธารซีไม่กี่วันเท่านั้น นึกไม่ถึงว่านางจะมีสติใจเย็น หัวไวหลักแหลมกว่าที่เขาคิดไว้ คล้ายแผนที่ซ่อนสมบัติ เมื่อเปิดออกแล้วค้นหาอย่างจริงจัง ถึงจะพบของล้ำค่าภายในที่น้อยคนจะรับรู้ได้
เผยเยี่ยนครุ่นคิด กลับร้อนใจขึ้นมา
เขาเริ่มตั้งตาคอยการเดินทางไปพื้นที่ภูเขาของสกุลอวี้แล้ว
น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะหูซิ่งหรือชิงหยวน แม้จะถ่วงเวลาให้ช้าอย่างไร ท้องเรือใหญ่เพียงไหน เรื่องราวมีมากเพียงไหน พวกเขาก็ต้องมียามที่ทำธุระเสร็จอยู่ดี หูซิ่งทำได้เพียงฝืนใจมาเชิญทั้งสองคนกลับไปพักผ่อนในห้องโดยสาร ยังกลัวว่าเผยเยี่ยนจะไม่พอใจ เอ่ยว่า “พื้นที่ภูเขาของสกุลอวี้นับว่าใหญ่อยู่บ้าง กลัวก็แต่ว่าถึงเวลานั้นพวกเราจะต้องอยู่ค้างแรมสักช่วงหนึ่ง คุณหนูอวี้กลับไปแล้ว ทางที่ดีเตรียมเสื้อผ้าให้มากหน่อย เผื่อว่าจะไปถูกต้นไม้ใบหญ้าอะไรเกี่ยวเข้า”
ยังต้องไปหลายวันอย่างนั้นรึ?
อวี้ถังตกใจอยู่บ้าง
เผยเยี่ยนกลับลอบชมหูซิ่งที่ทำเรื่องเก่งไม่น้อย
อวี้ถังอดเอ่ยไม่ได้ “พวกท่านจะไปประมาณกี่วันรึ?”
หูซิ่งพูดซี้ซั้ว “นี่ต้องดูที่โชคแล้ว! หากโชคดี วันนั้นสามารถตัดสินใจได้ว่าจะปลูกอะไร วันต่อมาพวกเราก็กลับได้แล้ว แต่หากไร้ทางจะตัดสินใจ ย่อมต้องเดินตระเวนรอบพื้นที่ภูเขาสักรอบหนึ่ง ดูว่าพื้นที่ของสกุลพวกท่านมีคุณภาพดินเหมือนกันทั้งหมดหรือไม่ สามารถขุดเส้นทางน้ำได้ไหม ต้องขุดเป็นเหมือนนาขั้นบันไดหรือไม่…สรุปแล้ว ต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้จบในครั้งเดียว ไม่เช่นนั้นยังไม่รู้ว่าครั้งต่อไปนายท่านสามจะมีเวลาอีกเมื่อใด”
ขั้นตอนมากขนาดนี้เชียวรึ?
อวี้ถังรู้สึกว่ารบกวนเผยเยี่ยนเกินไปแล้ว แทบที่จะถอดใจกลางคัน
หูซิ่งที่สังเกตสีหน้าของอวี้ถังอยู่ตลอดเวลา พอเห็นสีหน้าเช่นนั้นก็ละล่ำละลักเอ่ยว่า “ท่านอย่าเห็นเป็นการรบกวนเลย หากครั้งนี้ทำสำเร็จ ภายหลังสิบปียี่สิบปี ถึงกระทั่งหลายชั่วอายุคน ท่านก็แทบไม่จำเป็นต้องสนใจพื้นที่นี้แล้ว เรียกได้ว่าทนลำบากครั้งเดียวสบายไปตลอด ไม่ใช่ว่ายังต้องมากังวลเรื่องนี้ปีแล้วปีเล่าหรอกรึ”
อวี้ถังย่อมกระจ่างใจดี เพียงแต่กลัวจะรบกวนเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนก็มองออก เอ่ยว่า “ช่วงนี้ข้าไม่มีธุระอะไรพอดี หลังจากนี้รอข้าถอดชุดไว้ทุกข์แล้ว นอกจากเรื่องในสกุล ข้ายังต้องเดินทางไปเจียงซี ทางไหวอันก็ต้องไปส่งคืนน้ำใจเช่นกัน ถึงเวลานั้นแม้ข้าอยากจะช่วยเจ้า ก็คงไม่มีเวลาว่างแล้ว”
อวี้ถังกัดฟัน ครุ่นคิดว่าทำได้เพียงหาทางตอบแทนเผยเยี่ยนในภายหลังอีกแล้ว
นางเอ่ยขอบคุณเผยเยี่ยนด้วยรอยยิ้ม ยังกล่าวว่า “กลับไปแล้วข้าจะให้ท่านพ่อไปขอบคุณท่านถึงหน้าประตูดีๆ”
เผยเยี่ยนชะงักไป
จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า หากเขาจะแต่งกับอวี้ถังจริงๆ ไม่ใช่ว่านายท่านอวี้จะกลายเป็นพ่อตาเขาหรอกรึ!
เขายังจะให้นายท่านอวี้มาขอบคุณเขาอย่างสบายใจได้อีกอย่างนั้นหรือ?
ยังมีนายท่านอู๋
เขาควรเคารพนายท่านอู๋เป็นผู้อาวุโสตามคนของสกุลอวี้? หรือไม่จำเป็นต้องสนใจ?
เผยเยี่ยนพลันตระหนักขึ้นมาว่าคนเมื่อก่อนที่เขาไม่ค่อยเห็นอยู่ในสายตา ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะกลายเป็นผู้อาวุโสของตน…
ทั้งสองคนกลับห้องพักโดยสารของแต่ละคน ต่างก็นอนไม่หลับอยู่บ้าง
เผยเยี่ยนเป็นเพราะเรื่องอาวุโส อวี้ถังกลับเป็นเรื่องเงิน…จากที่หูซิ่งเอ่ย หากต้องขุดเป็นนาขั้นบันไดจริงๆ ยังต้องสร้างทางน้ำ นั่นต้องใช้เงินเท่าใดกัน? สกุลพวกนางนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นออกมาได้รึ? หากเผยเยี่ยนคิดวางแผนอะไรออกมาได้ สกุลพวกนางกลับไม่มีเงินจะทำอย่างไร?
ทั้งสองคนล้วนนอนหลับไม่สนิท
วันต่อมายามที่เรือเทียบท่า ต่างฝ่ายสีหน้าจึงหม่นหมองอยู่บ้าง
ดีที่วันก่อนสกุลอวี้ได้ทราบข่าวล่วงหน้า อวี้เหวินและอวี้หย่วนจึงมารอที่ท่าเรือนานแล้ว ทักทายเผยเยี่ยนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเขย่งเท้าคอยสอดส่องรออวี้ถังลงจากเรือ เดิมทีก็ไม่ได้สนใจเผยเยี่ยนว่ามีท่าทีอะไรแตกต่างจากยามปกติ รอจนอวี้ถังลงจากเรือแล้ว กลับยิ่งตะโกนเรียกเบียดตัวเข้าไป ดึงตัวอวี้ถังมาถามนั่นถามนี่ กระทั่งสายตายังไม่ปรายมองเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนยืนใบหน้าแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นพักใหญ่ เห็นว่าเดิมทีคนของสกุลอวี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบกับเขาแต่อย่างใด คนที่รู้ว่าเขากลับมากลับค่อยๆ โอบล้อมเข้ามา เขาเผยสีหน้าเขียวคล้ำ นั่งเกี้ยวแล้วก็จากไปทันที
รอจนอวี้ถังดึงสติกลับมา เผยเยี่ยนก็หายไปไม่เห็นเงานานแล้ว
อวี้ถังลูบจมูก คร้านที่จะสนใจอารมณ์ของเผยเยี่ยนเช่นกัน ติดตามบิดาและพี่ชายกลับเรือนอย่างสุขสันต์เปรมปรีดิ์
อวี้ป๋อเป็นผู้ดูแลสกุล ยังคงเฝ้าอยู่ในร้านค้า คนสกุลหวังและคนสกุลเซียงอุ้มหลานมารอในเรือนอวี้เหวินนานแล้ว เห็นอวี้ถังกลับมาก็เข้ามาต้อนรับอย่างดีใจ มองพินิจไถ่ถาม อยากให้นางเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอไม่กี่วันนี้ให้ฟังอย่างละเอียดหนึ่งครั้งถึงจะสบายใจ
อวี้ถังรู้สึกอบอุ่นใจ แม้ว่าจะอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ยังคงตอบคำถามผู้ใหญ่ทีละข้อด้วยรอยยิ้ม นำของฝากที่ซื้อกลับมาจากหังโจวมอบให้กับทุกคน ทั้งยังอุ้มหลานเล่นอยู่สักพัก กินข้าวกลางวันแล้ว ยามนี้จึงค่อยล้มตัวบนเตียงล่วงสู่นิทราไป
รอจนนางตื่นขึ้นมา อวี้ป๋อก็กลับมาแล้ว หลานตัวน้อยกำลังนอนหลับโดยมีแม่นมเฝ้าดูอยู่ คนทั้งเรือนกำลังนั่งพูดคุยในห้องโถงที่มีแสงเรืองรองสาดส่องเข้ามา
อวี้ถังเข้าไปเรียกคนอย่างอารมณ์ดี อวี้ป๋อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ยกับคนสกุลหวังว่า “ไม่เจอหน้าเดี๋ยวเดียว นับวันอาถังกลับยิ่งดูดีขึ้นเรื่อยๆ”
นี่กลับเป็นความจริง
อวี้ถังทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะนั่งลง เป็นมื้อที่เต็มไปด้วยอาหารและสุรา อวี้ป๋อนั้นถูกอวี้หย่วนพยุงกลับไป
เรื่องของเจียงเฉา รอจนบ่ายวันที่สองยามที่บิดาสร่างจากสุรา อวี้ถังจึงค่อยมีโอกาสพูดกับเขา
อวี้เหวินยังคงสะลึมสะลือ ฟังจบสมองก็ยังคงตื้ออยู่พักใหญ่ แน่นอนว่าแม้เขาจะสร่างสุราแล้ว การเป็นซิ่วไฉที่ฝืนอ่านบัญชีให้เข้าใจ เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะวิเคราะห์เรื่องนี้ว่าดีหรือไม่ดี รู้เพียงแต่ว่าหากสามารถทำการค้าตามสกุลเผย เช่นนั้นก็ย่อมทำกำไรได้
ชั่วขณะนั้นเขาก็นั่งไม่ติดที่อยู่บ้าง อยากจะไปปรึกษากับนายท่านอู๋
อวี้ถังเม้มปากแย้มยิ้ม ส่งบิดาออกจากประตู
ยามที่นายท่านอู๋มีเรื่องดีก็ลากสกุลพวกนางไปด้วย ยามที่สกุลนางมีเรื่องดีควรตอบแทนเช่นกัน ต้องดึงนายท่านอู๋ไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านอู๋ชำนาญเรื่องทำการค้า ไว้ใจได้ยิ่งกว่าบิดาของนาง มีนายท่านอู๋ช่วยดู แม้ว่าบิดาของนางจะขาดทุน ก็คงขาดทุนเล็กน้อยเท่านั้น
คนสกุลเฉินยกขนมตังเมออกมาจากห้องครัว เห็นอวี้เหวินกำลังออกไปข้างนอกพอดี นางอดถามอวี้ถังไม่ได้ “พ่อของเจ้าไปไหนกัน? เจ้าเพิ่งกลับมา เขาก็ออกไปอีกแล้ว”
อวี้ถังรับขนมจากมือมารดาด้วยรอยยิ้ม ดึงมารดาเดินเข้าไปในห้องด้วยกัน “เป็นเรื่องของการค้า ท่านพ่อต้องการปรึกษาหารือกับนายท่านอู๋”
คนสกุลเฉินได้ยินยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง บ่นพึมพำ “การค้าสำคัญหรือว่าเจ้าสำคัญ? ยามที่เจ้าไม่อยู่เรือน เขาก็เอาแต่ถอนหายใจทั้งวัน กล่าวว่าไม่ควรให้เจ้าไปหังโจวเป็นเพื่อนคุณหนูสวี กลัวเจ้าจะได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร พอเจ้ากลับมา เขากลับวิ่งออกไปข้างนอกเสียนี่”
อวี้ถังฟังอย่างว่าง่าย นั่งในห้องโถงกับมารดา ทั้งรินชาให้นางด้วยตัวเอง ยามนี้ค่อยกล่าวว่า “ท่านแม่ ตังเมที่ท่านทำอร่อยจริงๆ ข้าวางแผนจะไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าเผยพรุ่งนี้ ถึงเวลานั้นท่านทำเพิ่มอีกหน่อย ข้าจะเอาไปให้ท่านแม่เฒ่าชิมด้วย”
คนสกุลเฉินได้ฟังก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที “เจ้าควรจะไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าได้แล้ว ยามที่กลับมาจากวัดเจาหมิง ท่านแม่เฒ่ายังตั้งใจถามหาเจ้าโดยเฉพาะ เจ้ากลับมา ตามหลักก็ควรไปทักทายท่านแม่เฒ่าเสียหน่อย”
ความจริงอวี้ถังอยากสืบข่าวเสียหน่อยว่าหลังจากนางไป ในวัดเจาหมิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่นางรู้นิสัยของมารดาดี ถามมากกว่านี้ก็คงไม่ได้อะไร แทนที่จะถามมารดา ยังมิสู้ถามพวกคุณหนูของสกุลเผย
ป้าเฉินไปส่งเทียบเชิญ ด้านอวี้ถังและมารดาก็แสดงฝีมือทำขนมอยู่ในเรือน
กินข้าวเย็นเสร็จแล้ว อวี้เหวินถึงกลับมา
เห็นได้ชัดว่าเขาดื่มสุราอีกแล้ว นอกจากร่างกายจะฟุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา ใบหน้ายังแดงก่ำ เห็นอวี้ถังก็ลูบศีรษะนาง ก่อนจะเอ่ยกับคนสกุลเฉิน “อาถังของพวกเราช่างเป็นคนวาสนาดี นายท่านอู๋กล่าวแล้ว นี่เป็นการค้าที่ทำกำไรได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปขอบคุณนายท่านสามเผย”
คนสกุลเฉินกลัวว่าเขาดื่มสุรามาก จะเผลอล่วงเกินคนของสกุลเผย รีบเข้าไปพยุงเขา ทั้งพร่ำบ่นไปพลาง “พรุ่งนี้อาถังต้องไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าที่สกุลเผย เจ้าก็ไปพร้อมกับอาถัง อาถัง เจ้าก็ดูพ่อของเจ้าหน่อย พวกเจ้าไปด้วยกัน จะกลับก็กลับมาด้วยกัน”
นี่หมายความว่าไม่ให้อวี้เหวินอยู่ในสกุลเผยนานนัก
อวี้ถังขานรับด้วยรอยยิ้มว่า ‘เจ้าค่ะ’ อวี้เหวินกลับดึงมืออวี้ถังเอ่ยถึงเรื่องหลี่ตวน “สกุลพวกเขาทำเรื่องผิด เห็นว่าจะขายจวนในหังโจว นายท่านอู๋นัดข้าไปดูด้วยกัน เจ้าว่าพวกเราควรเข้าไปดูหรือไม่?”
นี่คืออยากซื้อจวนของสกุลหลี่ไว้กระมัง?
อวี้ถังเอ่ยว่า “หากท่านอยากไปก็ไปเถิด เพียงแค่ไม่รู้ว่าจวนนั้นมีกี่ส่วน? ความหมายของนายท่านอู๋คือซื้อด้วยกัน แบ่งเรือนหน้าหลังหรือแบ่งเรือนซ้ายขวา?”
อวี้เหวินหัวเราะเหอะๆ เอ่ยว่า “นายท่านอู๋แอบไปดูจวนของพวกเขามาแล้ว กล่าวว่าที่นั่นใกล้กับสำนักศึกษามาก แบ่งเรือนซ้ายขวา ก็จะได้ครอบครัวละสองเรือนพอดี ยามปกติมีเรื่องอะไร ก็ยังมีคนช่วยดูแล”
อวี้ถังนั้นคาดหวังว่าสกุลของนางจะซื้อทรัพย์สินของสกุลหลี่ได้สำเร็จ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากท่านคิดว่าเหมาะสม ท่านซื้อไว้ก็เพียงพอแล้ว”
อวี้เหวินดีใจจนสองตาเป็นประกาย
อวี้ถังกลับครุ่นคิด เมื่อเป็นเช่นนี้ สกุลหลี่ก็ต้องกลับมาอยู่ในหลินอันแล้ว ถึงเวลานั้นหน้าตาคงดูไม่ได้กระมัง?
นี่นับได้ว่าเป็นการลงโทษของสกุลหลี่
นางเอ่ยถึงเรื่องพื้นที่ภูเขากับบิดา “…ต้องชวนท่านพี่ไปกับข้าสักครั้ง ฉวยโอกาสที่นายท่านสามมีเวลาว่าง แก้ไขเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นไป!”