ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน (花娇) - บทที่ 294 แย่งตำแหน่ง
เผยเยี่ยนวางกับดักให้ท่านแม่เฒ่าแล้ว ก็เดินตัวปลิวออกไป กลับยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เขาเรียกชิงหยวนเข้ามาลอบกำชับนาง “ได้ยินว่านายหญิงสี่สกุลซ่งอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่มาโดยตลอด ยามที่เจ้าว่างมิสู้ไปกระจายข่าวกับคนข้างกายของนายหญิงสี่สกุลซ่งหน่อย กล่าวว่าข้ากลับมาแล้ว ท่านแม่เฒ่ากำลังหารือเรื่องแต่งงานของข้า”
คนที่อยากเกี่ยวดองกับสกุลเผยพวกนั้นคงร้อนใจอย่างยิ่ง ย่อมมีคนที่ทำให้ท่านแม่เฒ่าเกิดความไม่พอใจอยู่บ้าง
ชิงหยวนเข้าใจ ไม่นานนายหญิงสี่สกุลซ่งก็รู้ข่าว
นางไปหาท่านแม่เฒ่าบ่อยครั้งยิ่งกว่าเดิม
ท่านแม่เฒ่าเห็นใบหน้าที่ขะมักเขม้นจนเกินพอดีนั้นของนาง ก็อดสั่นศีรษะในใจไม่ได้
ก่อนที่นายหญิงสี่สกุลซ่งจะออกเรือน ก็เป็นเหมือนไข่มุกในมือของพ่อแม่ คุณหนูใหญ่ที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่งไปสกุลซ่ง เป็นนายหญิงของสกุล กลับกลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว
นางอดเอ่ยไม่ได้ “ภายหลังสยากวงต้องดูแลกิจการของสกุล ไม่อาจรับราชการอีก กลัวก็แต่ว่าจะทำให้คนของสกุลมารดาพวกเจ้าผิดหวัง”
หลายวันนี้นายหญิงสี่สกุลซ่งตามติดท่านแม่เฒ่าไม่ปล่อย ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ท่านแม่เฒ่ายอมเปิดปาก ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงปรารถนาดี นางอดซาบซึ้งอยู่บ้างไม่ได้ ยามที่พูดคุยจึงลดความระมัดระวังลงกว่าปกติ “จากที่ท่านพูด อาศัยความสามารถของนายท่านสาม แม้ว่าจะไม่รับราชการ แต่กลับเป็นบุคคลที่แค่กระทืบเท้าก็ทำให้คนของเจียงหนานห้ำหั่นกันได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในเรือนยังมีอารองและคุณชายใหญ่ ส่วนท่านรอเสวยสุขก็เพียงพอแล้ว”
หรือไม่มีคนที่ถูกชะตาสยากวงของพวกนางจริงๆ!
คำพูดของเผยเยี่ยนเริ่มกัดกร่อนใจท่านแม่เฒ่า
บางทีสยากวงอาจจะเป็นคนที่มองทะลุปรุโปร่งที่สุด
ท่านแม่เฒ่าเผยถอนหายใจ นึกถึงใบหน้ายามที่ไม่ยิ้มก็เผยความอ่อนโยน ยามที่ยิ้มใบหน้ากลับเปล่งประกายนั้นของอวี้ถัง
อย่างไรก็พาให้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจ
นางเรียกลูกชายคนเล็กเข้ามา เอ่ยว่า “ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ส่งมอบสินสอดดีหรือไม่!”
เผยเยี่ยนคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะพัฒนาไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ เขาไม่อาจควบคุมความดีใจของตัวเองได้ หว่างคิ้วแฝงไปด้วยรอยยิ้ม คำนับให้ท่านแม่เฒ่าเผยอย่างนอบน้อม เอ่ยประจบประแจง “ภายหลังข้าและอาถังย่อมจะกตัญญูต่อท่านเป็นอย่างดี”
ลูกสะใภ้ผู้นี้ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ปกป้องกันเสียแล้ว!
ท่านแม่เฒ่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แสร้งตำหนิว่า “หรือข้าไม่เห็นด้วยกับงานแต่งครั้งนี้ เจ้าก็กล้าไม่กตัญญูต่อข้าอย่างนั้นรึ?”
หากเผยเยี่ยนคิดจะประจบประแจงใครก็ย่อมไม่อาจให้คนผู้นั้นไม่พอใจ
เขาหัวเราะขึ้นมาย้ายไปนั่งด้านข้างท่านแม่เฒ่า ก่อนจะคว้าไม้นวดมานวดไหล่ให้ท่านแม่เฒ่า เอ่ยว่า “ไม่เห็นด้วยกับงานแต่งครั้งนี้ข้าก็ย่อมกตัญญูต่อท่านเช่นเดิม! ท่านชอบใครข้าก็จะแต่งคนนั้น จุดนี้ท่านวางใจได้ แต่บางครั้งคิดขึ้นมาก็อาจจะรู้สึกว่าท่านลำเอียง…พี่ใหญ่ได้แต่งกับคนที่เขาชอบ พี่รอง ก่อนที่เขาจะแต่งงานก็ดูตัวกันมาหลายครั้ง มาถึงทีข้า เหตุใดไม่อาจตัดสินใจเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่เหมือนพี่ใหญ่ที่ไม่มีสายตาในการมองคน ทั้งไม่เหมือนพี่รองผู้ไม่มีความคิดอะไร หากคนที่ข้าถูกใจ ท่านกลับรู้สึกไม่วางใจ ในใจของข้าย่อมยากจะรับได้!”
ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เขาชอบอวี้ถังแม้แต่น้อย
ท่านแม่เฒ่าถูกลูกชายชักจูง ยังคงรู้สึกว่าคำพูดของลูกชายมีเหตุผล
เริ่มตั้งแต่ยามที่เขายังเด็ก พวกเขาสองสามีภรรยาก็ให้เขาเลือกสาวใช้และบ่าวรับใช้ในห้องด้วยตัวเอง หากถึงยามที่เขาแต่งงานกลับสงสัยว่าเขามองคนไม่ออก แม้ว่าจะเลือกสกุลที่สูงส่งดีเลิศให้เขา เขารู้สึกอึดอัดใจ คาดว่าก็คงจะกลายเป็นคู่รักคู่แค้นเสียมากกว่า
ลูกชายยากจะออดอ้อนข้างกายนางเช่นนี้ ท่านแม่เฒ่าลอบดีใจอย่างยิ่ง ใจกว้างและเอ็นดูลูกชายมากขึ้น ทั้งยิ่งรู้สึกว่าลูกชายยากจะรับมือจริงๆ
นางตบมือลูกชายเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่รู้แล้ว ภายหลังเจ้ากับคุณหนูอวี้ก็ใช้ชีวิตกันดีๆ รีบมีหลานตัวอ้วนกลมให้ข้า”
พูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ นางก็นึกถึงงานแต่งของเผยถง รีบเรียกเฉินต้าเหนียงเข้ามา เอ่ยว่า “งานแต่งของคุณชายใหญ่กำหนดวันเวลาแล้วหรือยัง?”
ในเมื่องานแต่งของลูกคนเล็กมีทีท่าว่าจะเกิด ย่อมไม่อาจให้หลานชายแต่งงานก่อนอาได้กระมัง?
เฉินต้าเหนียงอดมองเผยเยี่ยนด้วยแววตาขลาดกลัวไปทีไม่ได้ เอ่ยว่า “ทางนายหญิงใหญ่ยังไม่มีกำหนดการที่เป็นกิจจะลักษณะ ได้ยินว่าใบรายการสินเดิมของสกุลกู้ยังไม่ได้ส่งเข้ามาเจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าได้ฟังก็ขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ทางสกุลกู้เกิดเรื่องอะไรกัน?”
เฉินต้าเหนียงเห็นเผยเยี่ยนมีท่าทีราวกับเรื่องไม่เกี่ยวกับตน รู้ว่าเผยเยี่ยนไม่ได้ใส่ใจในงานแต่งของเผยถง ความกล้าจึงเพิ่มมากขึ้น เอ่ยว่า “ทางสกุลกู้กล่าวว่า เดิมทีเครื่องเรือนที่เตรียมไว้ให้คุณหนูกู้ เพราะไฟไหม้สกุลกู้ในปีนั้น จึงเสียหายไปส่วนหนึ่ง ทั้งหมดยังเป็นไม้พะยูงหอม ยากที่จะหามาทดแทนในช่วงเวลาสั้นๆ ภายหลังสกุลกู้คิดว่าสินเดิมหกสิบสี่ชั่งก็พอใช้ได้แล้ว จึงไม่ได้เพิ่มเข้าไปอีก ยามนี้ผู้ที่คุณหนูกู้แต่งด้วยคือคุณชายใหญ่ของจวนพวกเรา หกสิบสี่ชั่งย่อมไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องรีบสั่งซื้อเครื่องเรือนเพิ่ม ใบรายการสินเดิมจึงไม่รู้ว่าควรจะเขียนอย่างไรดีเจ้าค่ะ”
กู้ซีเคยหมั้นหมายกับหลี่ตวน ในสายตาของคนสกุลกู้ สินเดิมหกสิบสี่ชั่งย่อมเพียงพอแล้ว
ท่านแม่เฒ่าคิดเช่นนี้ก็รู้สึกว่าเป็นอวี้ถังนั้นดีแล้ว
อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายมากถึงเพียงนี้
แต่เรื่องนี้ได้เตือนสตินางเช่นกัน นางส่งเฉินต้าเหนียงออกไป กล่าวเสียงเบากับเผยเยี่ยน “ข้าว่าสกุลอวี้คงไม่ได้เตรียมสินเดิมไว้มากขนาดนี้เช่นกัน เรื่องงานแต่งของสกุลอวี้ พวกเราทำเรื่องให้กระจ่างเร็วที่สุดจะดีกว่า”
ก่อนหน้านี้สกุลอวี้ยังวางแผนจะรับลูกเขยเข้าสกุล แม้ว่าจะเตรียมสินเดิมหกสิบสี่ชั่ง ก็ใช้เป็นฉากหน้าไปก่อนได้ ไม่จำต้องมีสินเดิมมากมายถึงขนาดนั้น
นางย่อมไม่อาจให้ลูกสะใภ้ถูกเปรียบเทียบกับสะใภ้ของหลานชายได้หรอกกระมัง!
เผยเยี่ยนยังไม่ได้ครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างละเอียดจริงๆ เขาคิดว่าอวี้ถังสามารถแต่งให้เขาได้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่น กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขายังจะปล่อยให้นางขาดเหลือได้อย่างไร
สมองเขาแล่นอย่างว่องไว ตอนแรกได้ยินคำพูดของท่านแม่เฒ่า ก็คิดจะใช้เงินของตัวเองเพิ่มให้อวี้ถัง เมื่อฟังจบแล้วกลับเผยท่าทีราวกับไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น เอ่ยว่า “เช่นนั้นทำอย่างไรดี? ไม่อย่างนั้นพวกเราจัดการเรื่องสินเดิมของนางด้วย? แต่ข้าไม่มีพี่สาวหรือน้องสาว ท่านก็ไม่มีสินเดิมที่เก็บสั่งสมไว้ให้ลูกสาว ไม้พะยูงหอมยิ่งหายาก พวกเราคงลำบากอยู่บ้างกระมัง?”
ท่านแม่เฒ่าเผยเห็นลูกชายก็ยิ้มอย่างขื่นขม “เรียนหนังสือมากมายขนาดนั้นมีประโยชน์อันใด พบเจอเรื่องในเรือนพวกนี้ติดต่อกันไยกลายเป็นคนโง่เสียแล้ว”
แต่ว่า คนโง่นั้นมีประโยชน์ของคนโง่ อย่างน้อยก็ไม่อาจเกิดความคิดที่ทำให้คนหงุดหงิดใจ ทำเรื่องบางเรื่องที่น่ารำคาญใจ
“เรื่องนี้เจ้าปล่อยให้ข้าจัดการเพียงพอแล้ว!” ท่านแม่เฒ่าเอ่ย “เจ้าสนใจเรื่องกำหนดงานแต่งของเจ้าและเผยถงก็พอ ทางที่ดีควรจัดไล่เลี่ยกัน หากไม่ทันจริงๆ ห่างกันไม่กี่วันถือว่าใช้ได้แล้ว อย่างไรนับว่าจัดงานครื้นเครง”
หลายปีนี้สกุลเผยไม่ค่อยราบรื่นเท่าใด นับว่าสร้างเรื่องน่ายินดีให้กับสกุลเผยแล้วกัน
เผยเยี่ยนพยักหน้าระรัว เมื่อออกจากห้องของท่านแม่เฒ่ากลับร้อนใจขึ้นมา
หากงานแต่งของเขาและเผยถงจัดใกล้ๆ กัน เรื่องสินเดิมของอวี้ถัง เขายังคงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องจริงๆ เสียแล้ว
ย่อมไม่อาจให้อวี้ถังถูกคนซุบซิบนินทาไปตลอดชีวิตได้หรอกกระมัง?
เผยเยี่ยนครุ่นคิดก็รู้สึกคาใจ
เขาคิดว่าหูซิ่งชำนาญทางด้านนี้ จึงเรียกเขาเข้ามาปรึกษาในห้องหนังสือตัวเอง
หูซิ่งได้ยินว่าทางท่านแม่เฒ่ายินยอม ชั่วขณะนั้นก็นับถือเผยเยี่ยนยิ่งกว่าอะไรดี
ดูเอาเถิด นี่จึงจะเรียกว่าคนทำการใหญ่ อยากได้อะไรก็ได้สิ่งนั้น ไม่ว่าจะผู้หญิง กิจการสกุล หรือเส้นทางขุนนาง
หากกล่าวว่าเมื่อก่อนเขาเคารพนอบน้อมต่อเผยเยี่ยนเพราะเลือกไม่ได้ หลังจากนี้ไปก็คงเปลี่ยนเป็นความเต็มใจแล้ว
“ไม่อย่างนั้น ท่านลองไปหยั่งเชิงสกุลอวี้ก่อน?” เรื่องที่เกี่ยวกับหน้าตาของนายหญิงในอนาคต หูซิ่งตัดสินใจให้เผยเยี่ยนไปเองจะดีที่สุด “เป็นเช่นนี้พวกเราจึงจะรู้ได้ว่าทางสกุลอวี้มีอะไรที่จัดการไม่ทันบ้าง” เขายังเอ่ยอย่างโยนเรื่องออกจากตัวว่า “หญิงสาวและชายหนุ่มมีธรรมเนียมที่แตกต่าง ยามที่พวกนางอยู่สกุลสามีก็จะช่วงชิงเกียรติยศให้สกุลมารดา ยามที่อยู่สกุลมารดาก็จะช่วงชิงเกียรติให้สกุลสามี เรื่องสินเดิมเช่นนี้ ยิ่งคนรู้น้อยเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น”
เผยเยี่ยนเข้าใจแล้ว
เขาไม่ได้เจออวี้ถังมาหลายวันพอดี ยังสามารถใช้ข้ออ้างนี้ไปพบสาวน้อยตัวแสบผู้นั้นได้
คาดไม่ถึงว่าเขาจะถูกทิ้งให้อยู่ที่เรือนเก่าสกุลอวี้ อีกเดี๋ยวพบนาง ดูสิว่าเขาจะจัดการนางอย่างไร
เผยเยี่ยนกลับห้องไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะพาอาหมิงไปสกุลอวี้
อวี้เหวินกำลังหารือกับนายท่านอู๋เรื่องจะร่วมหุ้นการค้าของเจียงเฉาอย่างไรอยู่ในเรือน
“ได้ยินว่าวันที่เจ็ดเดือนหน้า เรือจะเทียบที่ท่าเรือหนิงปัวแล้ว พวกเราก็จะสามารถลืมตาอ้าปาก ฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างดีๆ ได้แล้ว” นายท่านอู๋เอ่ยทั้งถอนหายใจ “ฮุ่ยหลี่ ยังเป็นเจ้าที่มีวาสนา! สองปีนี้ข้าติดตามเจ้า หาเงินได้ไม่น้อย ได้รับความกรุณาจากเจ้า เชิญข้าร่วมหุ้นกับเจียงเฉาในครั้งนี้อีก ข้ารู้สึกราวกับได้พบผู้ที่พลิกชะตาชีวิต คงจะร่ำรวยแล้ว”
อวี้เหวินหัวเราะเสียงดัง เอ่ยว่า “คำพูดนี้ควรเป็นข้าที่พูด หากไม่ใช่นายท่านอู๋ ข้าไหนเลยจะซื้อที่นาของสกุลหลี่ได้ ทั้งจะคิดทำการค้ากับเจียงเฉาได้อย่างไร”
ทั้งสองคนผลัดกันยกยอกันอยู่พักใหญ่ ตัดสินใจว่าครั้งนี้ยังคงร่วมมือทำการค้าเหมือนเดิม ส่วนทางเผยเยี่ยน พวกเขาต้องไปหาสักเที่ยว ประการแรกต้องถามว่าหุ้นนี้ต้องลงอย่างไร ประการที่สองก็ต้องไปขอบคุณเผยเยี่ยนที่มอบโอกาสนี้ให้พวกเขา
ยามนี้ทั้งสองคนได้ยินว่าเผยเยี่ยนเข้ามา จึงดีใจอย่างไม่คาดฝัน รีบไปต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น
เผยเยี่ยนคิดว่าภายหลังอวี้เหวินก็จะเป็นพ่อตาของตัวเอง ไม่กล้าเย่อหยิ่งแต่อย่างใด คำนับแก่อวี้เหวินและนายท่านอู๋อย่างเกรงใจ ก่อนจะตามทั้งสองคนไปที่ห้องหนังสือ
ซวงเถายกชาและของว่างเข้ามาก่อนจะถอนตัวออกไป
อวี้เหวินดึงเขามาก็เอ่ยถึงการค้าของซูโจว
เผยเยี่ยนอย่าพูดเลยว่าจะเจออวี้ถัง กระทั่งซวงเถาก็ยังไม่ได้พูดด้วยสักคำ
ยามนี้เขาจึงพบว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด
หากอยากจะพบอวี้ถัง ควรต้องนัดเป็นการส่วนตัว
เผยเยี่ยนนั่งไม่ติดที่อยู่บ้าง อยากจะไป แต่อวี้เหวินและนายท่านอู๋กลับรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก นอกจากจะรั้งเขาไม่ให้ไป นายท่านอู๋ยังวิ่งกลับเรือน ไปขุดสุรานารีแดงอายุห้าสิบปีที่ฝังไว้ใต้ต้นอู๋ถงหลังเรือนเพื่อใช้ในงานแต่งของลูกสาวขึ้นมาสองไห อุ้มไหมาก็ย้อนกลับไปที่สกุลอวี้
ไม่เพียงเขาจะไปไม่ได้ ยังถูกอวี้เหวินและนายท่านอู๋กรอกสุรานารีแดงไปหนึ่งไห แทบจะล้มพับอยู่ที่สกุลอวี้
เผยเยี่ยนหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง ยามที่พิงตั่งหลัวฮั่นในศาลาริมน้ำที่เรือนตัวเอง ยกน้ำแกงสร่างเมาขึ้นดื่มก็ถามหูซิ่ง “ทางท่านแม่เฒ่ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
มารดาของเขามีของดีมากมายก่ายกอง
แม้จะมีเงินก็ยังซื้อไม่ได้
มอบให้อวี้ถังสักชิ้นสองชิ้นก็เพียงพอให้นางเชิดหน้าชูตาแล้ว
แต่อวี้ถังกลับคล้ายว่าไม่พอใจกับงานแต่งครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นรู้ว่าเขาดื่มสุราที่เรือนของนาง ไฉนจึงไม่หาข้ออ้างมาพบเขา ทั้งยังปล่อยให้เขาถูกอวี้เหวินกรอกสุรา
เผยเยี่ยนไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
หูซิ่งจับตามองท่านแม่เฒ่าอย่างเงียบเชียบเช่นกัน ได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สองวันนี้ท่านแม่เฒ่าจัดการสะสางคลังสินค้าของตัวเองขอรับ!”
เผยเยี่ยนผงกศีรษะเล็กน้อย กลับไม่ได้ดีใจเป็นพิเศษ
หูซิ่งสมองแล่นอย่างว่องไว เอ่ยคาดเดา “ท่านไปสกุลอวี้ ไม่ได้พบคุณหนูอวี้หรือขอรับ?”
เผยเยี่ยนสีหน้าบูดบึ้ง
หูซิ่งรู้ว่าตัวเองทายถูก เอ่ยทันที “สกุลอวี้ก็เป็นสกุลที่มีกฎระเบียบ หากท่านไม่ได้วางแผนจะเกี่ยวดองกับสกุลอวี้ยังพอว่า ในเมื่อท่านตัดสินใจเกี่ยวดองกับสกุลอวี้แล้ว สกุลอวี้ย่อมไม่อาจให้คุณหนูอวี้พบท่าน ท่านก็ใจกว้างเสียหน่อย รอผ่านไปอีกไม่กี่วัน ทั้งสองสกุลมอบสินสอดทองหมั้นอย่างเป็นทางการ คุณหนูอวี้ย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงท่านอีกแล้ว”
เผยเยี่ยนแข็งทื่อเป็นหินทันที
เขา…เขาดูเหมือนว่ายังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวดองกับคนของสกุลอวี้…สกุลอวี้ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย…