องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 118 กลิ้งไม่เป็น
“จากไปซะได้ยิ่งดีดีกว่าเห็นแล้วไม่เจริญตาช่างน่ารำคาญจริงๆ ท่านปู่ ข้าอยากทานข้าวกับท่านพี่เสียนเฟย ท่านถามอ๋องเย่ดูให้ท่านพี่เสียนเฟยออกมาทานข้าวกับข้าเถอะนะ เรื่องนี้เป็นเพราะข้าหรือไม่งั้นข้าจะหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดเป็นเพื่อนท่านพี่” อวิ๋นหลัวฉวนดึงแขนเสื้อของฉีกั๋วกงเพื่อขอร้อง
ฉีกั๋วกงกล่าวว่า: “อ๋องเย่ เรื่องนี้ไม่ควรตำหนิพระชายา เชิญพระชายาออกมาทานข้าวด้วยกันเถอะ ไม่เช่นนั้นชายชราผู้นี้ไม่มีหน้าอยู่ทานข้าวนี้แล้ว”
“กั๋วกงขอความเมตตาฉะนั้นข้าก็ต้องทำตาม”
หนานกงเย่มองไปยังพ่อบ้านตรงประตู: “ไปเชิญพระชายาแล้วก็บอกนางว่าฉีกั๋วกงขอร้องแทนนางและให้นางมากล่าวขอบคุณด้วย”
“ขอรับ”
พ่อบ้านกำลังวุ่นอยู่กับการไปเชิญฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าประตูเพิ่งจะนั่งลงก็มีคนมาที่ประตูเลยลุกขึ้นและเดินตามกลับไป
เมื่อเข้าประตูไปฉีเฟยอวิ๋นทำความเคารพต่อฉีกั๋วกงแล้วกล่าวคำขอบคุณ จากนั้นก็ทักทายอันกั๋วจิ้วแล้วจึงไปนั่งลงข้างๆหนานกงเย่
หนานกงเย่เอื้อมมือออกไปทันทีและจับมือของนางเพื่อให้ความอบอุ่น: “หนาวหรือไม่?”
“ไม่หนาว”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้สึกหนาวจริงๆ เดินไปๆมาๆซะจนร้อนแล้วจะไปหนาวอะไร?
“ไม่หนาวก็ทานข้าวเถอะ”
หนานกงเย่ปล่อยมือนางแล้วก็ทานข้าว
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งทานข้าวข้างๆเขาแล้วเฝ้ามองอวิ๋นหลัวฉวนอย่างรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า: “ท่านปู่ ข้าอยากแต่งงานกับอ๋องเย่ไม่อยากแต่งงานกับอ๋องตวน ท่านดูเขาไร้ความสามารถเช่นนั้นไม่คู่ควรกับข้าเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นทำตัวไม่ถูกแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังหนานกงเย่ที่ไม่ได้แสดงอารมณ์อันใด คงไม่ได้คิดจริงจังอะไรน่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง
ไม่มีทางยอมรับหญิงใดเข้ามายังจวนอ๋องเย่ได้ แม้ว่าจะเป็นคนดีก็ไม่ได้
ในโลกนี้แบ่งได้ทุกอย่างเว้นแต่ชายหนุ่มแบ่งปันไม่ได้ ไม่แบ่งก็ยังดีหากแบ่งแล้วเช่นนั้นก็จะเป็นความเคียดแค้นอย่างเอาเป็นเอาตายเลยนะ
นอกจากนี้นางมีนิสัยรักความสะอาด ไม่มีทางแบ่งปันชายหนุ่มกับผู้อื่นได้อย่างแน่นอน
ใบหน้าแก่ชราของฉีกั๋วกงทรุดลง: “ห้ามก่อกวนและอย่าได้พูดจาไร้สาระ ทานข้าวซะ”
“ออ”
อวิ๋นหลัวฉวนยังคงเชื่อฟังเนื่องจากรู้ว่าการเป็นชายารองของอ๋องตวนนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และไม่ได้เศร้าโศกเสียใจ แต่กลับเอาใจฉีเฟยอวิ๋นและถามฉีเฟยอวิ๋นว่าสามารถมาเป็นแขกที่จวนอ๋องเย่เป็นประจำได้หรือไม่ ฉีเฟยอวิ๋นปฏิเสธไม่ได้เป็นธรรมดา
หลังจากทานข้าวและส่งแขกกลับไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน ทุบๆที่คอและกำลังจะกลับไป หนานกงเย่ที่อยู่ด้านหลังดึงนางทีหนึ่งแล้วก้มลงอุ้มนางขึ้นมาแล้วจากไป
ฉีเฟยอวิ๋นรีบชำเลืองมองไปโดยรอบ หงเถากับลี่ว์หลิ่วก้มศีรษะลง อาอวี่ก็ไม่กล้าดู หนานกงเย่เดินอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็เข้าไปในสวนลานกล้วยไม้ กลับถึงในเรือนก็ปิดประตู จิ้งจอกหางสั้นวิ่งอย่างเร็วและอยากที่จะตามเข้าไป พอถึงหน้าประตูก็เกือบจะชนซะจนหัวแตกกระจุยซะแล้ว
จิ้งจอกหางสั้นหันกลับมาด้วยความตกใจแล้วซบอยู่ใต้เท้าของอาอวี่ จากนั้นวิ่งขึ้นไปตามขากางเกงของอาอวี่อย่างรวดเร็วเข้าไปในอ้อมแขนของอาอวี่และแนบอยู่ในอ้อมแขนของเขา
อาอวี่ก้มศีรษะลง จิ้งจอกหางสั้นตัวนี้คุ้นเคยเป็นอย่างดี
อาอวี่อุ้มจิ้งจอกหางสั้นไปเฝ้ายังอีกฝั่งหนึ่ง ในขณะที่หงเถากับลี่ว์หลิ่วกำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องปีกด้านหนึ่งในเรือน ในเวลานี้หากพวกนางยังไม่จากไปอีกก็จะกลายเป็นส่วนเกิน
“อาอวี่ กลิ้งไปให้ไกลๆหน่อย”
เสียงของหนานกงเย่ดังออกมาจากในเรือน อาอวี่จึงอุ้มจิ้งจอกหางสั้นไปพักผ่อนในห้องปีกอีกด้านหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นถูกวางลงบนเตียง จะลุกขึ้นก็ถูกกดลงไปอีก
“ท่านอย่าได้ทำอะไรเรื่อยเปื่อย ข้าเหนื่อยแล้วอีกทั้งยังไม่ได้อาบน้ำ” ฉีเฟยอวิ๋นใช้เท้าแล้วหนานกงเย่ก็ใช้แรงกดอยู่บนเท้าของนางอย่างสบาย
“ชายาก็หลับไปเถอะ ข้าฝึกฝนแล้วค่อยแจกจ่ายเสบียงก็ยังไม่สาย วันนี้แตกต่างจากวันก่อน ข้าคงต้องขยันขันแข็งขึ้นหน่อย”
“ไร้ยางอาย!”
“ใช่” หนานกงเย่ปลดเสื้อผ้าหลายๆชั้นบนร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นอย่างคล่องแคล่วและถูกความงามที่อยู่ตรงหน้าดึงดูดไว้ ดึงมือทั้งสองที่ฉีเฟยอวิ๋นบดบังอยู่เพื่อที่เขาจะได้บุกยึดพื้นที่ได้
ค่ำมืดทว่านอนไม่หลับ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าถูกลงทัณฑ์ยังไม่ถึงขั้นนี้เลย
นางกอดหนานกงเย่ด้วยอาการเจ็บปวดทั่วร่างพร้อมด่าทอถึงความไร้มนุษยธรรมแล้วก็ผล็อยหลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นแต่เช้าไปยังเรือนของตนเพื่อค้นคว้าตัวยาสมุนไพรและนางต้องเตรียมยาบางส่วนให้เฉินอวิ๋นชู
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการและรู้สึกเศร้าโศกไปด้วยโดยที่จิตใต้สำนึกของนางอยู่ไม่เป็นสุขเลยจริงๆ
แม้ว่าเฉินอวิ๋นชูจะน่าสงสารแต่จวินเซียวเซียวก็มิได้มีความผิดทั้งสองกลับทำร้ายซึ่งกันและกัน จวินเซียวเซียวต้องแบกรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชาย ส่วนเฉินอวิ๋นชูใช้ยาตั้งครรภ์ปลอมนี้ทำให้ร่างกายได้รับอันตราย
ถึงแม้ว่าจะได้ลูกคนนี้ก็อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน อาจอายุสั้นไปสักสิบปียี่สิบปีก็เป็นได้
นางทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้คนมาโดยตลอด แม้จะอยู่ในสนามรบและพบเจอกับศัตรูจริง หากว่าโรคภัยกำเริบนางก็จะช่วยชีวิตไว้ด้วย หากว่าได้รับคำสั่งให้สังหารก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ซูมู่หรงบอกว่านางวิปริต แต่นางเป็นหมอไม่สามารถทนมองดูผู้ป่วยเจ็บปวดโดยไม่แยแสได้
บัดนี้มายังสถานที่อันเลวร้ายนี้กลับยังต้องทำร้ายผู้คน
ความกดดันช่างมากมายนัก!
หนานกงเย่เข้าราชการตั้งแต่เช้าและบ่ายแล้วก็ยังไม่กลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการออกไปหายาชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยชีวิตของเฉินอวิ๋นชูได้
เรียกให้อาอวี่ไปและอุ้มจิ้งจอกหางสั้นไปด้วย ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวออกไปแต่ถูกหงเถากับลี่ว์หลิ่วขวางไว้ ทั้งสองอยากจะตามไปด้วย
“พวกเจ้าทั้งสองงดงามดังบุปผาหากพาพวกเจ้าไปด้วย ทันทีที่พวกเจ้าออกไปก็จะดึงดูดโจรเด็ดดอกไม้พากนั้นมา ถึงเวลานั้นจะให้อาอวี่ปกป้องพวกเจ้าหรือปล่อยให้เขาปกป้องข้า พวกเจ้าอยู่ที่เรือนเฝ้าดูหนอนไหมน้ำแข็งเหล่านั้น หนอนไหมน้ำแข็งเหล่านั้นเสียหายไม่ได้แม้แต่อันเดียว สักพักจะมีคนงานเตามาเผาเตา ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในลานนั้น ขณะที่เตาเผากำลังเผาไหม้อยู่นั้นต้องให้คนไปคอยเฝ้าดู หากพวกเจ้าไปกันหมดแล้วใครจะทำสิ่งเหล่านี้?
“พระชายาไม่ต้องกังวล พวกเราจะดูแลเรือนให้ดีอย่างแน่นอน” เมื่อได้ยินว่าอยู่จัดการเรื่องสำคัญที่เรือนทั้งสองก็ยอมถอย ฉีเฟยอวิ๋นจึงออกมาจากจวนอ๋องเย่ด้วยความพอใจ
อาอวี่ขับรถม้าจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ออกจากเมืองไปแล้ว
รถม้าออกนอกเมืองแล้วทั้งสองคนหยุดที่แม่น้ำอันหนาวเย็นนอกเมือง ฉีเฟยอวิ๋นเดินวนรอบแม่น้ำหนึ่งรอบคิดอยากจะลงไป เนื่องด้วยอากาศหนาวเย็นแค่มองดูก็หนาวแล้ว แม้ว่าแม่น้ำจะโปร่งโล่งแล้วแต่ผิวน้ำยังคงปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกและยังไม่ละลาย
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูครู่หนึ่งและเห็นว่าค่ำมืดแล้วจึงกลับก่อน
ตอนกลับนั้นรถม้าอาอวี่ไม่ไวนัก ฉีเฟยอวิ๋นถามขึ้น: “เกิดอะไรขึ้น?”
อาอวี่หันหลังเหลือบมองยังรถม้าแล้วจึงพูดขึ้นว่า: “พระชายา อาซิวถูกท่านอ๋องคุมขังเอาไว้”
“ไม่ตายใช่ไหม” ฉีเฟยอวิ๋นคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว ในช่วงนี้ไม่มีคนพเนจรมาจับกุมนางแล้วนั่นเพราะว่าอาซิวถูกคุมขังไว้แล้ว
“พระชายา ข้ารู้ดีว่าการปล่อยอาซิวเป็นการสร้างความลำบากให้กับพระชายา แต่อาซิวเป็นพี่น้องของข้า หากเขาแต่งงานกับน้องสาวของข้าจริงก็กลายเป็นน้องเขยข้า หลังจากน้องสาวข้าเสียชีวิตเขาสาบานว่าจะไม่แต่งงานอีกตลอดชีวิต ข้ารู้ว่ายึดมั่นต่อน้องสาวข้า เขาถูกคุมขังท่านอ๋องได้ไว้ชีวิตเขาแล้ว ข้าไม่ควรคาดหวังอันใด แต่ในคุกใต้ดินมืดสนิทไร้ซึ่งแสงตะวัน การที่ถูกคุมขังก็เหมือนกับอยู่รอความตายซึ่งค่อยๆกัดกินชีวิตทีละเล็กทีละน้อยจนถึงเวลาตาย
ข้าเคยเห็นคนบางคนเข้าไปหนึ่งปีก็บ้าซะแล้ว ข้างในไม่มีหน้าต่างและไร้ซึ่งผู้คน ภายในเรือนอันมืดมิด อากาศไม่ถ่ายเทและมืดสนิทไร้แสงตะวัน”
ฉีเฟยอวิ๋นเอนตัวลงอยู่ในรถม้าด้วยท่าทางอันเศร้าโศกแล้วหรี่ตาลง หากว่านางไม่ตกลงช่วยก็เหมือนกับว่านางได้ทำเรื่องที่ชั่วร้ายเลวทราม
“อาอวี่ อาซิวต้องการสังหารข้าเขาไม่มีทางปล่อยมือแน่” ฉีเฟยอวิ๋นขัดจังหวะอาอวี่กะทันหัน
อาอวี่เงียบไป
“พระชายา ข้าทราบดี”
ฉีเฟยอวิ๋นเกือบจะหัวเราะออกมาเพราะนางคิดว่าอาจจะไม่รู้
จิ้งจอกหางสั้นเข้าไปในอ้อมแขนของฉีเฟยอวิ๋นแล้วหาตำแหน่งที่สบายๆนอนลง ถูใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ลูบคลำขนของจิ้งจอกหางสั้น
“ข้าจะช่วยอาซิวเป็นครั้งสุดท้าย ถือซะว่าชดใช้คืนที่เคยติดค้างเจ้าให้หมด”
“ขอบพระทัยพระชายา ความเมตตาอันใหญ่หลวงของพระชายาอาอวี่จะไม่มีวันลืม แม้ตายเพื่อพระชายาอาอวี่ก็เต็มใจ” อาอวี่ให้คำมั่นสัญญา
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจเขา ชายหนุ่มที่ต้องการสังหารเจ้าตลอดเวลา แล้วยังเอาแต่พูดว่าสามารถตายเพื่อเจ้าได้เช่นนั้นไม่ได้น่าขันหรอกหรือ?
กลับมาถึงที่จวนอ๋องเย่ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้าก็เห็นหนานกงเย่สีหน้าเย็นชาราวน้ำค้างรออยู่ตรงทางเข้าจวนอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มจิ้งจอกหางสั้นอย่างหงอยเศร้า
“ท่านอ๋อง”
ฉีเฟยอวิ๋นย่อตัวแล้วหนานกงเย่ก็หลับตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาอวี่ก้มศีรษะลง: “ท่านอ๋อง”
“พาพระชายาออกนอกเมืองโดยพละการ เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” หนานกงเย่ไม่สนใจฉีเฟยอวิ๋นเลย ส่วนอาอวี่ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงทันที: “ขอท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วย”
“เจ้าไปซะเถอะ ข้าไม่ต้องการเจ้า” หนานกงเย่หันหลังกลับจวนอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจนี่สั่งสอนอาอวี่หรือสั่งสอนนาง
“อาอวี่ อุ้มจิ้งจอกหางสั้นไปหาอะไรกินจิ้งจอกน้อยหิวแล้ว เขาไม่ต้องการเจ้าข้าผู้เป็นพระชายาจะเลี้ยงเจ้าไว้”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวจบก็ส่งจิ้งจอกหางสั้นให้อาอวี่แล้วหันหลังกลับเข้าไปในจวน
หนานกงเย่ไปยังห้องอาหารแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ถามจากด้านหลัง: “ท่านโมโหอะไรหรือ คุยกันแล้วว่าจวนอ๋องจะให้ข้าเป็นผู้ดูแล หรือว่าที่ข้าให้อาอวี่ขับรถม้าไปหาตัวยานอกเมืองเป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้หรือ?”
“ยังกล้าพูดอีก?”
หนานกงเย่หันไปในทันใดโดยที่ใบหน้าของเขาเยือกเย็นราวกับน้ำค้าง ฉีเฟยอวิ๋นเกือบจะชนเข้า จากนั้นหยุดลงแล้วฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ข้าเป็นคนให้อาอวี่ไปเป็นเพื่อนข้า ท่านขับไล่อาอวี่ไปเช่นนี้ค่อไปใครจะกล้าฟังข้า ข้าต้องควบคุมดูแลจวนอ๋อง ท่านกำลังต่อหน้าเกลี้ยกล่อมแล้วลับหลังมีแผนการชั่วร้าย”
“ข้าไม่อยู่เจ้าก็ไปไหนเรื่อยเปื่อยหากเกิดเรื่องแล้วตายอยู่ด้านนอกจะทำเช่นไร? ยังจะกล้าพูดจาน่าเชื่อถือเหล่านี้กับข้า อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าตบเจ้า!”
หนานกงเย่ยกมือขึ้นแล้วตบไปยังฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นใบหน้าแข็งทื่อไปเลย
หนานกงเย่กุมมือไว้แล้วเอาออก หันหลังให้กับฉีเฟยอวิ๋นโดยที่ลมหายใจลอยขึ้นไป
หงเถากับลี่ว์หลิ่วยืนเนื้อตัวสั่นเทาอยู่ในลานและไม่กล้าหายใจแรง
หาพระชายาไม่พบท่านอ๋องเลยโกรธมากถึงกับจะส่งพวกนางทั้งสองไปยังหอบุปผา
ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของหนานกงเย่: “คราวนี้ข้าผิดไปแล้ว”
หนานกงเย่ผลักมือของฉีเฟยอวิ๋นออก: “อยู่ให้ห่างข้าหน่อย”
ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว: “ข้าต้องการหาตุ๊กแกของสิ่งนั้นสามารถช่วยชีวิตได้”
หนานกงเย่ถามว่า “ช่วยผู้ใด?”
“ข้าจะพูดแต่พูดที่นี่ไม่ได้เจ้าเชื่อหรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นยังคงรู้สึกว่าควรนำเรื่องบางเรื่องมาเกลี้ยกล่อมหนานกงเย่
“กลิ้งมานี่!”
หนานกงเย่เดินไปยังสวนดอกกล้วยไม้ ฉีเฟยอวิ๋นมองดูเขาเดินออกไปแล้วเหลือบมองลงไปที่ก้อนอิฐบนพื้น นางกลิ้งเป็นซะที่ไหน!
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินไปทางด้านนอกของจวนอ๋องเย่ แม้ว่าวันนี้นางจะทำผิดในเรื่องนี้แต่นางก็ไม่สามารถยอมรับกิริยาที่บอกให้นางกลิ้งเข้ามาหาของหนานกงเย่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นออกประตูไปโดยที่อาอวี่กำลังอุ้มจิ้งจอกหางสั้นคุกเข่าอยู่
“เจ้าจิ้งจอกน้อย”
ฉีเฟยอวิ๋นเรียกจิ้งจอกหางสั้นและจิ้งจอกหางสั้นก็ออกมาจากอาอวี่ทันที วิ่งตามขากางเกงของฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในอ้อมแขนของฉีเฟยอวิ๋น แล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปยังจวนแม่ทัพไปโดยตรงเลย