องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 170 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นยศขั้นที่หนึ่ง
บทที่ 170 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นยศขั้นที่หนึ่ง
อวิ๋นหลัวฉวนหัวเราะเมื่อได้ยินคำว่ากินเนื้อ แต่นางไม่ได้หัวเราะอย่างจริงใจ แต่กลับรู้สึกน่าหัวเราะ
นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ในทันใด ถอยกลับไปสองก้าว และติดหมวกที่ศีรษะของนาง
หลังจากเห็นเรื่องทั้งหมด ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “กราบทูลเสด็จแม่ จักรพรรดิและพระมเหสี ก่อนจะมาที่นี่ หม่อมฉันได้ตอบตกลงกับพระชายารองอวิ๋น ตราบใดที่นางกล้าที่จะพูดความจริงออกมา หม่อมฉันยินดีจะยื่นเรื่องการขอหย่าร้างของนางและท่านอ๋องตวนเพคะ”
“ช่างกล้านัก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ้าควรจะรับปากหรือ?” พระพันปีมีสีหน้าไม่พอใจนัก
พระมเหสีหวาก็ชี้ไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “พระชายาเย่ เจ้าไม่ต้องการเห็นท่านอ๋องตวนได้ดีใช่ไหม?”
“เจ้าหุบปาก” พระพันปีเป็นแม่ผู้ให้ท้ายลูกตัวเอง นางจะว่าฉีเฟยอวิ๋นอย่างไรก็ได้ แต่พระมเหสีหวาจะต่อว่าไม่ได้
พระมเหสีหวานั่งลงด้วยความขุ่นเคืองและโกรธอย่างมาก
พระพันปีมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นด้วยความคิดที่เป็นกลาง “เรื่องนี้เจ้าทำเกินไป เรื่องนี้เจ้าจะเป็นคนตัดสินใจได้อย่างไร เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าผิด?”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ลูกได้ตอบตกลงไปแล้วเพคะ”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกสับสน นางพูดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?
แต่อวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่ลังเล รีบเดินเข้าไปและคุกเข่าลง “เสด็จแม่ ลูกต้องการหย่าร้างเพคะ”
“เสด็จแม่……” หนานกงเยี่ยนรีบคุกเข่าลง “ลูกไม่ตกลงพ่ะย่ะค่ะ”
พระพันปีตรัสอย่างช่วยไม่ได้ “ลูกบ้านไหนมีหรือไม่ทะเลาะกัน ทะเลาะกันแล้วก็กลับมาดีกัน พระชายารองอวิ๋น ข้ารู้ เรื่องราวในครั้งนี้ทำให้เจ้าต้องลำบาก
แต่ครั้งนี้เป็นเพราะท่านอ๋องตวนเลอะเลือนไป รู้ว่าทำผิดแล้วรู้จักแก้ไข เจ้าก็ให้โอกาสนางอีกครั้ง”
“ใช่แล้ว ข้าชอบฉวนเอ๋อร์มาก ฉวนเอ๋อร์ก็น่าจะรู้ ครั้งนี้ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ออกจากวังไปเยี่ยมเจ้า แต่ข้าก็เป็นห่วงจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าสัญญากับเจ้า ต่อไปเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เจ้าว่าดีไหม?” พระมเหสีหวาพูดปลอบอวิ๋นหลัวฉวน
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายหน้า “หลัวฉวนไม่คู่ควรกับท่านอ๋องตวนเพคะ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกมาพูดของคนทั่วไป ลูกไม่มีหน้าที่จะอยู่ในเมืองหลวงต่อไปอีกแล้วเพคะ ทำได้เพียงไปอยู่ที่อื่นตลอดชีวิต เสด็จแม่และจักรพรรดิได้โปรดเถอะนะเพคะ”
“เสด็จแม่ไทเฮา เสด็จแม่ จักรพรรดิ หม่อมฉันมีความผิด แต่จะไม่หย่าร้างเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องตวนไม่ยอม หนานกงเย่มองออกไปและนึกถึงเรื่องที่ฉีเฟยอวิ๋นต้องการหย่าร้างกับเขา
พี่น้องร่วมสายเลือดของจักรพรรดิอาณาจักรต้าเหลียงทั้งสองคนต่างก็หย่าร้าง พูดออกไปคงน่าอายอย่างมาก!
หนานกงเย่ก้าวเดินไปข้างหน้า “เสด็จแม่ พระมเหสี จักรพรรดิ กระหม่อมคิดว่าการหย่าร้างไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากต้องการจะหย่าร้างจริง เกรงว่าจะยิ่งทำให้ประชาชนต่างพากันหัวเราะที่ตระกูลของจักรพรรดินั้นไม่มีความรู้สึก และยิ่งทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าพระชายารองอวิ๋นนั้นแปดเปื้อนเงื้อมมือของไฉฝูพ่ะย่ะค่ะ”
ฮูหยินกั๋วกงก้าวเดินไปข้างหน้า “พระพันปีทรงเมตตาหม่อมฉันเข้าใจ หม่อมฉันขอบพระทัยอย่างสุดซึ้งเพคะ แต่เรื่องนี้ไม่อาจทำให้เด็กคนนี้ต้องลำบากใจอีกต่อไปได้ เดิมทีต้องการให้นางไปเป็นพระชายารองที่จวนท่านอ๋องตวนก็เป็นความคิดของหม่อมฉันเอง เมื่อผ่านเรื่องราวทั้งหมดมา หม่อมฉันคิดว่าทำให้นางลำบากใจเกินไปเพคะ
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จวนกั๋วกงไม่มีใครโทษท่านอ๋องตวน
เป็นเพราะจวนกั๋วกงไม่มีโชควาสนา”
พระพันปีพูดไม่ออก อีกฝั่งต้องการจะยกเลิกการอภิเษกสมรส
“เสด็จแม่ ลูกรู้แล้วว่าลูกผิด เสด็จแม่ได้โปรดอย่าให้ลูกหย่าร้างนะพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องตวนยังคงไม่ยอม เขาเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนที่กำลังคุกเข่าอยู่
“ฉวนเอ๋อร์”
อวิ๋นหลัวฉวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และมองย้อนกลับไปมองหนานกงเยี่ยน ทำไมเขาถึงเรียกได้ใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้?
นางเม้มริมฝีปาก อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกลำบากใจและอยากร้องไห้
หนานกงเยี่ยนกล่าว “ตอนที่เจ้ามาที่จวนของข้า เจ้าอวบอื่มดูมีน้ำมีนวล มาวันนี้เจ้าผอมจนเห็นกระดูก ข้าจะไม่ส่งเจ้ากลับไปเด็ดขาด รอให้ข้าเลี้ยงดูเจ้าให้อวบอิ่มมีน้ำมีนวลเหมือนเก่าแล้วเจ้าค่อยกลับไป เป็นอย่างไรบ้าง?”
ถึงแม้จะไม่ได้รักอวิ๋นหลัวฉวน และไม่ชัดเจนว่าชอบไหม แต่ท่านอ๋องตวนคิดว่าหากส่งอวิ๋นหลัวฉวนกลับไปเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าบังคับให้นางไปตาย
ถึงตอนนั้นแม้แต่น้ำลายในปากก็สามารถทำให้อวิ๋นหลัวฉวนจมน้ำตายได้
อวิ๋นหลัวฉวนน้ำตาร่วงลงมาจากหางตา หันหน้าและก้มศีรษะลงกับพื้น “เสด็จแม่ ได้โปรดตอบตกลงคำขอของหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“อวิ๋นหลัวฉวน ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้า เจ้ามานี่” ท่านอ๋องตวนลุกขึ้นและเดินไปหาอวิ๋นหลัวฉวนโดยไม่สนใจใคร พระพันปีและจักรพรรดิอวี้ตี้คงไม่ลดโทษให้ท่านอ๋องตวนในขณะนี้ ส่วนพระมเหสีก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพื่อต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนมา พระพันปีลูบคลึงศีรษะ
“ฮูหยินกั๋วกงอย่าคิดเป็นเรื่องตลกขบขันไปเชียว เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องราวในครอบครัว อันที่จริงก็ไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเรื่องการบริหารปกครองอาณาจักรต้าเหลียง” พระพันปีพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหนานกงเยี่ยน
แต่เมื่อหนานกงเยี่ยนจับมือของอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนกลับไม่ยินยอม หนานกงเยี่ยนก้มตัวลงและอุ้มนางขึ้นมา
“ข้าต้องการพูดไม่กี่คำ”
เมื่ออุ้มอวิ๋นหลัวฉวนขึ้นมา หนานกงเยี่ยนก็เดินไปข้างหลัง ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่ หนานกงเย่ก็เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น ในใจรู้สึกตลกขบขัน
รู้ว่าเป็นความสนใจของเธอ ประเดี๋ยวพระชายารองเล่นงานเธอกลับ คงต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
อวิ๋นหลัวฉวนถูกวางลง แต่กลับนั่งลงบนตักของหนานกงเยี่ยน
เมื่อเขาเข้ามาในห้องก็หาที่นั่ง ทำไมต้องนั่งเช่นนี้หนานกงเยี่ยนก็ไม่แน่ใจ แต่ก็กอดเอาไว้
อวิ๋นหลัวฉววนรู้สึกประหม่า นางผลักหนานกงเยี่ยนและต้องการลุกขึ้นแต่ถูกหนานกงเยี่ยนกดไว้
“ฉวนเอ๋อร์” หนานกงเยี่ยนเรียกนาง อวิ๋นหลัวฉวนมองไป “ท่านอ๋อง”
“ข้าไม่สามารถหย่าร้างกับเจ้าได้ หากหย่าร้าง ประชาชนจะหัวเราะเยาะใส่ข้า”
อวิ๋นหลัวฉวนมองหนานกงเยี่ยนจนเหม่อลอย หนานกงเยี่ยนไม่ต้องการปล่อยอวิ๋นหลัวฉวน ไม่ว่าจะเพราะอะไร เขาไม่สนใจเรื่องที่ถูกหัวเราะเยาะ แต่พูดไปเช่นนี้ หญิงสาวคนนี้จะยังคงอยู่ต่อ
ในที่สุด อวิ๋นหลัวฉวนก็หลอกง่าย นางมองไปที่ท่านอ๋องตวนและพยักหน้า
“เช่นนั้น ข้าไม่หย่าร้าง ท่านก็ไม่ต้องการข้าสิ”
หนานกงเยี่ยนตกใจ และใช้กำลังกอดรัดคนที่อยู่บนตักเขา “เช่นนั้นจะต่างอะไร หากเจ้าออกไปจากจวนของข้า ก็เท่ากับว่าเป็นความผิดของข้า ประชาชนจะมองว่าข้าเป็นคนอย่างไร หากไม่ไปไหน อยู่ที่นี่ด้วยกัน จะได้หยุดปากของคนเหล่านั้นยังไงล่ะ”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้สนใจว่าจะหยุดปากของใครเหล่านั้น แต่มองดูหนานกงเยี่ยนที่มีท่าทางลำบากใจอย่างมาก นางจึงพยักหน้าตอบตกลง
“ก็ได้ ข้าตกลง แต่ข้าไม่ต้องการเห็นจวินฉูฉู่ ข้าต้องการไปพักที่จวนท่านอ๋องเย่สักพักหนึ่ง”
หนานกงเยี่ยนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “ดูเหมือนฉีเฟยอวิ๋นจะไม่ต้องการเห็นข้าได้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้ากลับไปที่จวนกั๋วกงจะดีกว่า”
“……ข้าไม่ต้องการกลับจวนกั๋วกง” อวิ๋นหลัวฉวนก้มหน้าลง สีหน้าดูไม่ดีนัก
อยู่ข้างนอกจนถูกคนอื่นรังแก กลับไปจวนกั๋วกงก็เงยหน้าสู้หน้าใครไม่ได้
หนานกงเยี่ยนรู้สึกทนดูไม่ได้ที่เห็นอวิ๋นหลัวฉวนไม่พูดอะไร อวิ๋นหลัวฉวนยอมเผ็นฝ่ายถอยให้เขาเพียงอย่างเดียว หากเขายังกล้าถลำล้ำลึกไปอีก เขาก็รู้สึกไม่ดี
ผู้หญิงคนหนึ่ง ได้รับความเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้
เขาควรจะแบกรับบางอย่างไว้บ้าง
“ตกลง” หนานกงเยี่ยนตอบรับ อวิ๋นหลัวฉวนรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา
“จริงหรือ?”
“อืม”
หนานกงเยี่ยนลุกขึ้นและอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนออกไป หนานกงเยี่ยนมองไปที่พระพันปีเมื่อวางอวิ๋นหลัวฉวนลง
“ลูกได้ปรึกษากันเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองอวิ๋นยินดีที่จะอยู่ต่อ เพียงแต่ขอไปพักอาศัยที่จวนท่านอ๋องเย่ช่วงเวลาหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเยี่ยนยกมือขึ้นมาและกล่าว
พระพันปีพยักหน้า “ในเมื่อพระชายารองอวิ๋นเปลี่ยนใจแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปเถอะ”
องค์หญิงใหญ่หันมาพร้อมกับรังสีความครอบงำ “กลับไป?”
ดูเหมือนพระพันปีจะคิดอะไรได้ “ข้าเลอะเลือนไป องค์หญิงใหญ่อย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย”
องค์หญิงใหญ่จึงไม่พูดอะไรและรอพระพันปี
พระพันปีตรัสว่า “ครั้งนี้พระชายารองอวิ๋นได้รับความเดือดร้อน ข้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้นางจะเป็นพระชายารอง แต่นางก็เป็นคนที่ตระกูลจักรพรรดิเราขอร้องเข้ามา ถึงอย่างไรเสียยศถาบรรดาศักดิ์และตำแหน่งก็ต่างกัน จักรพรรดิได้โปรดแสดงความเมตตากรุณาด้วยเถอะ”
“ได้” จักรพรรดิอวี้ตี้มองไปที่อวิ๋นหลัวฉวน
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แต่งตั้งและประทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นที่หนึ่ง(บรรดาศักดิ์ชั้นสูง)ให้อวิ๋นหลัวฉวนจวิ้นจู่ และข้าหวังว่าพระชายารองอวิ๋นจะให้กำเนิดทายาทของท่านอ๋องตวนโดยเร็ว เพื่อให้ลูกหลานของราชวงศ์ผลิดอกออกผลมา” จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวอย่างใจเย็น
อวิ๋นหลัวฉวนดูว่างเปล่าอย่างไม่รู้อะไร
“ขอบพระทับฝ่าบาทสิพระชายารองอวิ๋น” ไห่กงกงเตือน อวิ๋นหลัวฉวนจึงก้มลงขอบพระทัยฝ่าบาท
“จวินฉูฉู่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งของนาง ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นทำให้ชื่อเสียงและเกียรติของราชวงศ์เสียหายอย่างมาก เดิมทีควรถูกลดขั้นให้เป็นเพียงสามัญชน และถอดตำแหน่งพระชายาออก
แน่นอนว่า ท่าราชครูจวินนั้นทำคุณประโยชน์ให้กับอาณาจักรต้าเหลียงนานัปการ หลังจากที่เขาตายไปแล้ว และพระสนมเอกเซียวก็กำลังตั้งครรภ์
ดังนั้นจึงให้กลับเข้าไปที่จวนท่านอ๋องตวนและอยู่ในตำแหน่งพระชายาเป็นการชั่วคราว
หากพระชายาทั้งสองใครให้กำเนิดทายาทออกมาก่อน คนนั้นก็จะได้ตำแหน่งพระชายาไป
ส่วนไฉฝูและชุนหงนั้น การกระทำของพวกเขาทั้งสองช่างน่ารังเกียจ ให้ตัดหัวทั้งตระกูล”
หนานกงเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร นี่ถือว่าเป็นโทษที่เบามากที่สุดแล้ว
“กล่าวคำขอบคุณเถอะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัส และทุกคนที่อยู่ข้างล่างต่างก็คุกเข่าลงขอบพระทัยจักรพรรดิ